รบ5วัน‘ไทย’ครองจุดยุทธศาสตร์ ภัย‘กัมพูชาคุกคาม’วนลูป
ก่อนเปิดฉากสู้รบ ชายแดนไทย-กัมพูชา 24 ก.ค.2568“กองทัพ”วางเป้าหมายไว้ว่า หากสถานการณ์พลิกผันไปถึงจุดนั้น จะผลักดันทหารกัมพูชา ที่ขึ้นมาตั้งแต่ปี 2554 ออกจากพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญทั้งหมด
การสู้รบในครั้งนั้น ทหารไทยใช้เวลากว่า 14 วัน ก่อนกัมพูชาจะยอมยกธงขาว เมื่อสัญญาณหยุดยิงเริ่ม มีเงื่อนไขว่า กำลังทหารไทย-กัมพูชา ประจำจุดไหนให้ยึดจุดนั้น จึงเป็นที่มา ทหารกัมพูชารุกคืบวางกำลังใกล้พื้นที่ทหารไทยหลายจุด ก่อนเข้าสู่เวทีการเจรจา
ตัดกลับมาปัจจุบัน กองทัพภาคที่ 2 ตรวจพบความเคลื่อนไหวกำลังทหารกัมพูชาเริ่มเข้ามาประชิดชายแดนไทยตั้งแต่ปลายปี 2567 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 จึงรายงานมายังหน่วยเหนือระดับกองทัพบก กระทรวงกลาโหม และรัฐบาล
จุดแรก“ปราสาทตาเมือนธม” ทหารกัมพูชาขยับวางกำลังบริเวณหลังต้นขี้เหล็กด้านล่าง ห่างจากตัวประสาทไม่กี่ร้อยเมตร แต่ยังอยู่ในจุดเสียเปรียบ เพราะทหารไทยอยู่พื้นที่ด้านบน และถัดไปอีกประมาณไม่กี่กิโลเมตร คือ“ปราสาทตาเมือนโต๊ด”
ก่อนถึงเวลาเดดไลน์ ทหารกัมพูชาระดมกำลังจากพื้นที่ตอนใน เข้ามาสมทบเป็นหลักพัน หวังยึดครองตัวปราสาท และตีแนวรบทหารไทยมีการวางกำลังตลอดแนว เพื่อไปถึงปราสาทตาเมือนโต๊ดให้ได้ และเมื่อถึงเวลาหยุดยิง ทหารไทยยังรักษาพื้นที่คงความได้เปรียบทั้งหมด
เช่นเดียวกับ ปราสาทตาควาย ก่อนหน้านี้ ทหารไทยไม่เคยเสียตัวปราสาท แต่เสียเปรียบยุทธศาสตร์ เนื่องจากทหารกัมพูชาอยู่ 3 เนินสูง แต่ตลอด 5 วันปะทะหนัก ทหารไทยสามารถทำลายเนินลงได้เรียบร้อย
“ภูมะเขือทหาร” ไทยยึดได้เบ็ดเสร็จ พร้อมทั้งทำลายการจัดวางกำลังทหารกัมพูชาบนจะงอยหน้าผาที่ขึ้นมาเมื่อปี 2554 และรื้อถอนตัวฐานกระเช้า และบันไดภูมะเขือ เป็นการตัดเส้นทาง ไม่ให้ทหารกัมพูชาขึ้นมาบนภูมะเขือได้อีก รวมถึงระเบิดเสาสัญญาณสื่อสารของกัมพูชาทิ้ง
“ช่องอานม้า” มีพื้นที่สำคัญ 3 จุด ทหารไทยยึดพื้นที่เบ็ดเสร็จ โดยเฉพาะส่วนด้านบน ที่กัมพูชาก่อสร้างอนุสาวรีย์ตาอม แต่ถูกปืนใหญ่ของกัมพูชาเองโจมตีพังยับ เนื่องจากยิงพลาดเป้า หวังยึดพื้นที่คืนจากทหารไทย
อีกจุด"ช่องบก" พื้นที่ทหารกัมพูชาเคยรุกล้ำอธิปไตย ขุดคูเลตก่อนฝังกลบ และยอมปรับกำลังออกไปจากจุดเดิมที่เคยอยู่ จุดนี้มีการปะทะรุนแรง แต่ทหารไทยรักษาพื้นที่เดิมไว้ได้ทั้งหมด
สอดคล้องกับ ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 สรุปผลการปฏิบัติที่สำคัญ รายงานสถานการณ์หลังเวลาหยุดยิง วันที่ 29 กรกฎาคม 2568 หลัง เวลา 00.00 น. จนถึงเวลา 14.00 น. ทหารกัมพูชาพยายามยึดพื้นที่คืนจากทหารไทยในหลายพื้นที่
โดยเฉพาะ "พื้นที่ช่องบก" เกิดการปะทะด้วยปืนเล็ก ที่เนินโนเนมทางทิศตะวันตกช่องบก "พื้นที่ช่องอานม้า"เวลา 05.00 น. เกิดการปะทะด้วยอาวุธยิงสนับสนุน สิ้นสุดในเวลา 09.00 น. ทั้งสองฝ่ายจัดตั้งชุดประสานงานบริเวณทิศใต้ช่องอานม้า
"พื้นที่ซำแต" เกิดการปะทะฝ่ายเราสามารถควบคุมพื้นที่เอาไว้ได้ "พื้นที่ช่องตาเฒ่า"ตรวจพบการนำยานพาหนะพร้อมกำลังพลเคลื่อนย้ายเข้ามาในพื้นที่ ปัจจุบันกำลังดังกล่าววางกำลังอยู่บริเวณปากช่องตาเฒ่า
“พื้นที่ภูมะเขือ” ฝ่ายประเทศกัมพูชายังคงลาดตระเวนโดยรอบ และใช้อาวุธวิถีโค้งโจมตีฝ่ายไทย ในช่วงเวลา 01.00 น. และพื้นที่ปราสาทตาควาย และประสาทตาเมือน ทั้งสองฝ่ายยังคงวางกำลังควบคุมพื้นที่
สำหรับผลการหารือระหว่างผู้บัญชาการทหารในพื้นที่ แม่ทัพภาคที่ 2 ได้แจ้ง ผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 4 กัมพูชา ให้ทราบถึงข้อปฏิบัติ 7 ข้อ ดังนี้
1. หยุดยิง
2. ห้ามใช้กำลังต่อประชาชนคนไทย
3. หยุดเพิ่มเติมกำลัง
4. ห้ามเคลื่อนย้ายกำลัง
5. ฝ่ายไทยจะอำนวยความสะดวกในการนำทหารกัมพูชาที่ได้รับผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ออกจากพื้นที่การรบ
6. ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบในการจัดตั้งชุดประสานงาน เพื่อแก้ปัญหาตลอดแนวชายแดน ในความรับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 2 ฝ่ายละ 4 นาย สำหรับฝ่ายไทย ได้กำหนดให้รองผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี เป็นหัวหน้าคณะฯ
และ 7. ให้กำลังทุกส่วนลดการเผชิญหน้าทุกรูปแบบ และรอผลการหารือของที่ประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC)ไทย- กัมพูชา ซึ่งจะจัดให้มีขึ้นในวันที่ 4 สิงหาคม 2568 เพื่อนำมากำหนดเป็นแนวทาง ในการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ
แม้ว่าการสู้รบตลอดทั้ง 5 วัน ทหารไทยจะสามารถยึดครองพื้นที่ รักษาอธิปไตยไว้ได้ทั้งหมด แต่ก็เป็นที่มาของคำถามว่า การเจรจาหยุดยิงที่เร็วเกินไป คือสันติภาพที่แท้จริง หรือกับดักเชิงยุทธศาสตร์ เพราะการเลือกเวลาที่เหมาะสม ต้องเป็นจังหวะไทยถือไพ่เหนือกว่า ทั้งด้านกำลังรบ ภาพลักษณ์ การเมือง กฎหมายระหว่างประเทศ
อีกทั้ง หากไทยยังไม่สามารถผลักดันอาวุธร้ายของกัมพูชาออกจากชายแดนทั้งหมด เช่น ฐานยิงปืนใหญ่ จรวด BM21 ขีปนาวุธ PHL- 03 รวมถึงทลายเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ ปฏิบัติการข่าวสาร สร้างเฟกนิวส์ เท่ากับว่า ไทยยังคงถูกคุกคามจากกัมพูชาอยู่เช่นเดิม แม้จะไม่มีการรบก็ตาม