"สุริยะ" มอบ "ศึกษิษฏ์" หนุนธนาคารที่ดิน เร่งช่วยเกษตรกรทุกพื้นที่มีที่ดินทำกิน
"สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ" มอบ "ศึกษิษฏ์" รองเลขา หนุนธนาคารที่ดิน เร่งช่วยเกษตรกรทุกพื้นที่ ให้มีที่ดินทำกินเป็นของตนเอง มีอาชีพมั่นคง ตามนโยบายของรัฐบาล
วันที่ 7 กรกฎาคม 2568 มีรายงานว่า นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม มอบหมาย นายศึกษิษฎ์ ศรีจอมขวัญ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง หนุนธนาคารที่ดิน เร่งช่วยเกษตรกรทุกพื้นที่ให้มีที่ดินทำกินเป็นของตนเอง มีอาชีพมั่นคง ตามนโยบายของรัฐบาล
ทั้งนี้ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน ประธานบอร์ดธนาคารที่ดิน เป็นประธานการเปิดการฝึกอบรมหลักสูตร "มีที่ทำกิน มีกิน มีใช้ รายได้ยั่งยืน" ครั้งที่ 5 และมอบสิทธิมอบสุขที่ดินให้เกษตรกร โดยมีผู้เข้าร่วมอบรมและได้สิทธิที่ดิน 2 วสช. มีวิสาหกิจชุมชนไร่นาสวนผสมแบบยั่งยืนบ้านดงช้าง ต.โนนสง่า อ.ปทุมรัตต์ จ.ร้อยเอ็ด จำนวน 32 ราย เนื้อที่ 112-1-6.30 ไร่ และวิสาหกิจชุมชนผึ้งหลวงเกษตรไทยไปตลาดโลก ต.คำอาฮวน อ.เมืองมุกดาหาร จ.มุกดาหาร จำนวน 20 ราย เนื้อที่ 48-2-28.10 ไร่ และได้กำหนดแนวทางการบริหารจัดการที่ดินให้สมาชิกอยู่ได้ด้วยตนเองอย่างยั่งยืน
พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ กล่าวว่า "โมเดล มีที่ทำกิน มีกิน มีใช้ รายได้ยั่งยืน จะเข้ามาเติมเต็ม และเป็นแนวทางการใช้ประโยชน์จากที่ดินอย่างชาญฉลาดและรอบด้าน โมเดลนี้มิได้มุ่งเพียงการผลิตเพื่อบริโภคเท่านั้น แต่ยังให้ความสำคัญกับการสร้างรายได้ที่มั่นคง การดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม และการพัฒนาคุณภาพชีวิตของเกษตรกรอย่างองค์รวม จึงเป็นสิ่งที่พี่น้องจะได้เรียนรู้ และนำไปปฏิบัติเพื่อรักษาความอุดมสมบูรณ์ของพื้นดินของเราไว้ให้ลูกหลานได้ใช้ประโยชน์สืบต่อไป"
โดยก้าวแรกสู่ความมั่นคง ธนาคารที่ดินมุ่งให้เกษตรกร"มีที่ทำกิน มีกิน มีใช้" หัวใจของโครงการนี้เริ่มต้นจากรากฐานที่มั่นคงให้กับตัวเราและครอบครัว นั่นคือ การให้พี่น้องเกษตรกรมีที่ทำกิน เรียนรู้วิธีการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างเต็มประสิทธิภาพ ปลูกพืชผักสวนครัว เลี้ยงสัตว์เพื่อบริโภค นั่นคือการทำให้เรา"มีกิน" อย่างยั่งยืน ไม่ต้องพึ่งพาภายนอกมากนัก และเมื่อเรามีกินอย่างพอเพียง เราก็จะมีเหลือไปขายเพื่อสร้างรายได้ จะนำไปสู่การ "มีใช้" เพียงพอต่อความต้องการจำเป็นในชีวิต นี่คือหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง อยากให้ทุกท่านได้ซึมซับและนำไปปฏิบัติ ไม่ใช่การจำกัดตัวเอง แต่คือการรู้จักประมาณตน มีเหตุผล และการมีภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ได้ในอนาคตที่อาจจะเกิดขึ้น หัวใจสำคัญคือความ"มุ่งมั่น ศรัทธา ฝ่าฟันอุปสรรค" เราจะต้องก้าวข้ามผ่านทุกความท้าทายไปได้ โดยธนาคารที่ดินได้กำหนดตัวชี้วัดความสำเร็จ (KPIs) สู่ความยั่งยืนประกอบด้วย
1. ด้านความพอเพียงและการพึ่งพาตนเอง: ประเมินประสิทธิภาพการพึ่งพาตนเอง ด้านอาหาร การลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น และการมีเงินออมสำรอง
2. ด้านการเกษตรและการใช้พื้นที่ทำกิน: ประเมินประสิทธิภาพการใช้ประโยชน์ที่ดิน การเพิ่มผลผลิตต่อหน่วย และการลดการพึ่งพาสารเคมี
3. ด้านรายได้และการตลาด: ประเมินประสิทธิภาพรายได้จากการขายผลผลิต จำนวนช่องทางการตลาดที่เข้าถึง การพัฒนาผลิตภัณฑ์แปรรูป และการเข้าร่วมเครือข่ายวิสาหกิจชุมชน
4. ด้านการพัฒนาตนเองและความมุ่งมั่น: ประเมินระดับความพึงพอใจในชีวิต การเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ และความสามารถในการรับมือกับอุปสรรค
ด้านนายกุลพัชร ภูมิใจอวด ผอ. ธนาคารที่ดิน กล่าวว่า ธนาคารที่ดินตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาศักยภาพพี่น้องเกษตรกรโดยส่งเสริมและสนับสนุน ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ
ในปีงบประมาณ 2568 ธนาคารที่ดินได้กระจายการถือครองที่ดินตามภารกิจ ผ่านโครงการบริหารจัดการอย่างยั่งยืนไปแล้ว 27 พื้นที่ 16 จังหวัด ช่วยเหลือเกษตรกรไปแล้วจำนวน 1,049 ครัวเรือน พื้นที่ทั้งหมด 2,717 ไร่เศษ โดยสมาชิกเกษตรกรทุกคนจะต้องได้รับการฝึกอบรมหลักสูตร "มีที่ทำกิน มีกิน มีใช้ รายได้ยั่งยืน" พี่น้องเกษตรกรทุกคนมีความมุ่งมั่นและตั้งใจจริงในการเรียนรู้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อนำไปปรับใช้ในการพัฒนาพื้นที่ทำกินและพัฒนาคุณภาพชีวิตของตนเอง และพี่น้องเกษตรกรขอบคุณรัฐบาลที่ได้ช่วยเหลือให้พวกเราได้มีที่ดินทำกินเป็นของตนเอง
สำหรับประชาชนที่เดือดร้อนเรื่องที่ดินทำกิน สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือเรื่องที่ดินทำกิน สถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) ได้ที่ เลขที่ 210 อาคารเบญจสิริ ถ.พหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กทม 10400 โทร 02-278-0992 (ในวันและเวลาราชการ).
ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath