‘พท.’กัดฟันลุ้นคดี‘แม้ว’ ฉลาดบี้รบ.ประชุมสภา
"ภูมิธรรม" ลั่น "รัฐบาล-เพื่อไทย" ไม่เสียขวัญหลังศาลฎีกาฯ จ่อตัดสินคดีชั้น 14 โยนถาม “ทักษิณ” จะอยู่รับฟังเองหรือไม่ โปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง "ฉลาด" นั่งรองประธานสภาฯ คนที่ 2 เจ้าตัวยันจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด-เป็นกลางทางการเมือง ขอรัฐบาลอย่าไปตำหนิฝ่ายอื่น เป็นหน้าที่ที่ต้องมาประชุม รับคุย "พิเชษฐ์" เรื่องคดี เจ้าตัวบอกบริสุทธิ์ใจ
ที่กระทรวงมหาดไทย วันที่ 31 กรกฎาคม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี และแกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนัดฟังคำสั่งคดีบังคับโทษ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ คดีชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ในวันที่ 9 ก.ย.2568 จะส่งผลต่อขวัญกำลังใจของพรรคเพื่อไทยและรัฐบาลหรือไม่ว่า ไม่ครับ ก็เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม เราเคารพกระบวนการยุติธรรม และยังไม่ทราบว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร
"ดังนั้นเราต้องคิดว่า ถ้าเสียหายจะสะเทือนหรือไม่ ถ้าชนะเราจะได้ไหม ซึ่งไม่มีประโยชน์ เพราะตอนนี้เรามุ่งมั่นเรื่องการปะทะกันอย่างรุนแรงบริเวณชายแดนเป็นเรื่องหลัก"
เมื่อถามว่า นายทักษิณจะอยู่ในประเทศ และมารับฟังคำพิพากษาของศาลเองหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ให้ไปถามนายทักษิณ
ที่รัฐสภา ได้มีพิธีรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งนายฉลาด ขามช่วง สส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย เป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 โดยนางณัฐฏ์จารี อนันตศิลป์ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี เป็นผู้เชิญพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ เข้ามายังพิธี โอกาสนี้ มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ข้าราชการสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เข้าร่วมพิธีด้วย
ภายหลังพิธีโปรดเกล้าฯ นายฉลาดเปิดเผยว่า ในฐานะที่ตนได้รับเลือกให้ไปทำหน้าที่รองประธานสภาฯ คนที่ 2 ให้ไปทำหน้าที่ช่วยเหลือประธานสภาฯ ทั้งในสภาและนอกสภา ในห้องประชุมขอความร่วมมือกับเพื่อนสมาชิกทุกฝ่าย
ประธานสภาฯ คนที่ 2 กล่าวว่า ในฐานะที่อยู่สภามาก่อน และก่อนที่จะมารับตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 2 ตนได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเพื่อนสมาชิกทุกรุ่นว่าแนวทางการพัฒนาสภาควรเป็นอย่างไร เพื่อให้สภาน่าอยู่ เป็นที่เชิดหน้าชูตาของคนทั้งประเทศ เป็นที่พึ่งของประชาชน ยืนยันว่าจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด จะทำหน้าที่เป็นกลางทางการเมือง ซึ่งในการทำหน้าที่อาจจะถูกใจบ้างแต่ถูกขอบังคับก็ต้องขออภัย และขณะนี้มีการประชุมสภาอยู่ หากสภาล่มก็เพราะตนคนเดียว เนื่องจากเรามีเสียงจำกัดคือมากกว่าเกินหนึ่งไม่เยอะ สมาชิกทุกคนต้องเป็นองค์ประชุม แต่ความจริงคือรัฐบาล และหากรัฐบาลเสียงไม่พอ ฝ่ายค้านไม่ต้องรับผิดชอบ แต่ความจริงคือทุกคนต้องรับผิดชอบร่วมกันเพื่อเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน สิ่งไหนที่จะเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน ก็ต้องขอความร่วมมือจากเพื่อนสมาชิก เพราะเป้าหมายของเราคือการแก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชน
“ความคิดอาจจะแตกต่างบ้าง แต่จุดยืนของพวกเราคือความผาสุกของพี่น้องประชาชนที่อยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย ไม่มีใครสามารถบิดเบือนข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นได้ เมื่อเกิดข้อสงสัยก็พร้อมที่จะพิสูจน์ ไม่ใช่คิดเอาเอง หากเรายืนบนหลักข้อเท็จจริง เชื่อว่าการทำหน้าที่ของสภาก็จะเป็นไปด้วยความราบรื่น ขอบคุณเพื่อนสมาชิกทุกคนที่จะให้ความร่วมมือ ในอนาคตที่สภาเราเหลือเวลาอีกไม่เยอะ อีกประมาณ 2 ปีก็จะมีการเลือกตั้งใหม่แล้ว โดยผมจะสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นในสภา สส.ทุกคนเป็นเพื่อนกัน ความสัมพันธ์ส่วนตัว ความคุ้นเคยส่วนตัวขอให้นำมาใช้ประโยชน์ในการประชุมแม้จะอยู่คนละฝ่าย และฝากถึงรัฐบาลว่าแม้เรามีเสียงข้างมาก ทุกคนเป็นหน้าที่โดยตรง ขอรัฐบาลอย่าไปตำหนิฝ่ายอื่น เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องมาประชุม ผมและประธานจะทำหน้าที่รับฟังความคิดเห็นของทุกฝ่าย จะไม่วินิจฉัยโดยไม่มีการรับฟังจากทุกฝ่าย เพราะหากเป็นเช่นนั้นสภาจะมีการขัดแย้งกันแน่นอน แม้เพื่อนสมาชิกจะต้องลงไปในพื้นที่ต่างๆ แต่ก็อยากให้เพื่อนสมาชิกทำหน้าที่ในสภาจนวันสุดท้ายของอายุสภา” นายฉลาดกล่าว
เมื่อถามถึงกรณีที่วันที่ 1 สิงหาคม ศาลรัฐธรรมนูญจะนัดวินิจฉัยคดีของนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯ คนที่ 1 นั้น นายฉลาดกล่าวว่า ได้คุยกับนายพิเชษฐ์ แต่ในเรื่องข้อกฎหมายนั้นไม่สามารถก้าวล่วงศาลได้ แต่จากที่ได้พูดคุยกันนั้น นายพิเชษฐ์ก็บอกว่าบริสุทธิ์ใจ แต่ผลจะเป็นเช่นไรนั้นก็ไม่สามารถที่จะคาดเดาได้ เป็นดุลพินิจของศาล.