โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

สหรัฐฯประกาศปรับภาษีนำเข้าไทยเป็น 19% เท่ากับกัมพูชา และมาเลเซีย

ไทยพับลิก้า

อัพเดต 7 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 12 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ประธานาธิบดีโนัลด์ ทรัมป์ประกาศปรับอัตราภาษีสินค้านำเข้าที่เรียกเก็บจากประเทศต่างๆ โดยยังคงอัตราภาษีนำเข้าขั้นต่ำไว้ที่ 10% ขณะที่สินค้านำเข้าจากประเทศที่ได้เปรียบดุลการค้ากับสหรัฐฯ จะต้องเสียภาษีนำเข้า 15%-41%

เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ตามเวลาสหรัฐอเมริกา ทำเนียบขาวเผยแพร่คำสั่งฝ่ายบริหาร (Executive Order) เรื่องการแก้ไขอัตราภาษีศุลกากรแบบที่เก็บระหว่างกัน(reciprocal tariff) เพิ่มเติม บนเว็บไซต์

ในบรรดาประเทศที่เผชิญกับภาษีศุลกากรแบบ reciprocal tariff ที่สูงที่สุด คือ ซีเรีย ที่ถูกเรียกเก็บภาษีศุลกากรในอัตราสูงสุดที่ 41% สินค้าส่งออกจากลาวและเมียนมาไปยังสหรัฐฯ จะถูกเรียกเก็บภาษีศุลกากร 40% สวิตเซอร์แลนด์และแอฟริกาใต้จะถูกเรียกเก็บภาษีศุลกากร 39% และ 30% ตามลำดับ
สำหรับบางประเทศในเอเชียที่ยังไม่ได้ยืนยันข้อตกลงการค้ากับสหรัฐฯ คำสั่งฝ่ายบริหารฉบับล่าสุดได้บรรเทาภาระภาษีศุลกากรลงบ้าง อัตราภาษีศุลกากรใหม่สำหรับสินค้านำเข้าจากไทยจะลดลงเหลือ 19% จาก 36% และสินค้านำเข้าจากมาเลเซียจะลดลงเหลือ 19% จากอัตรา 24% ที่กำหนดไว้ก่อนหน้านี้ อัตราภาษีศุลกากรใหม่สำหรับสินค้าจากกัมพูชาจะลดลงเหลือ 19% จากเดิม 49%
สินค้าจากไต้หวันจะถูกเรียกเก็บภาษีศุลกากร 20% ซึ่งต่ำกว่าอัตรา 32% ที่กำหนดไว้ก่อนหน้านี้
สินค้าทั้งหมดที่ถือว่าผ่านการขนส่งเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากรที่เกี่ยวข้องจะถูกเรียกเก็บภาษีศุลกากรเพิ่มอีก 40% ตามข้อมูลของทำเนียบขาว สินค้าที่มีต้นทางจากประเทศอื่นและถูกส่งมายังประเทศเหล่านี้เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากรที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งไปยังสหรัฐ( transshipment) จะถูกเรียกเก็บภาษีศุลกากรเพิ่มอีก 40%

ประเทศที่ไม่ได้อยู่ในรายการคำสั่งล่าสุดจะต้องเสียภาษีเพิ่มอีก 10% ตามคำสั่งบริหาร คำสั่งบริหารฉบับใหม่นี้ได้ปรับแก้อัตราภาษีศุลกากรที่บังคับใช้ภายใต้คำสั่งฝ่ายบริหารฉบับก่อนหน้านี้ที่ออกในเดือนเมษายน

คู่ค้าที่ได้บรรลุหรือใกล้บรรลุข้อตกลงทางการค้าและความมั่นคงกับสหรัฐฯ จะต้องเสียภาษีศุลกากรตามอัตราที่ปรับใหม่จนกว่าจะมีการสรุปข้อตกลงเหล่านั้น ตามคำสั่งฝ่ายบริหาร

คำสั่งของฝ่ายบริหารยังยืนยันอัตราภาษีศุลกากรใหม่ที่ตกลงกับคู่ค้ามาแล้ว ได้แก่ สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย

สหรัฐฯ และสหภาพยุโรปได้ลงนามข้อตกลงลดภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ลงเหลือ 15% เมื่อต้นสัปดาห์ นอกจากนี้ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคมที่ผ่านมาว่า สหรัฐฯ และญี่ปุ่นได้บรรลุข้อตกลงการค้าแล้ว โดยกำหนดอัตราภาษีศุลกากรแบบที่เรียกเก็บในอัตราที่เท่ากัน(reciprocal tariff)ไว้ที่ 15% และจะจัดเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์จากญี่ปุ่นในอัตรา 15%

อัตราภาษีใหม่นี้จะมีผลบังคับใช้กับสินค้าที่นำเข้ามาเพื่อการบริโภค หรือถูกนำออกจากคลังสินค้าเพื่อการบริโภค ในหรือหลังเวลา 00:01 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก 7 วันหลังจากวันที่ออกคำสั่งนี้ ยกเว้นสินค้าที่บรรทุกขึ้นเรือ ณ ท่าเรือที่บรรทุกและอยู่ระหว่างการขนส่ง ณ จุดหมายปลายทางสุดท้ายก่อนเวลา 00:01 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก 7 วันหลังจากวันที่ออกคำสั่งนี้ และนำเข้ามาเพื่อการบริโภค หรือถูกนำออกจากคลังสินค้าเพื่อการบริโภค ก่อนเวลา 00:01 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก ของวันที่ 5 ตุลาคม พ2568 จะไม่ต้องเสียอากรเพิ่มเติม และจะยังคงต้องเสียอากรตามมูลค่าเพิ่มเติมที่กำหนดไว้ก่อนหน้านี้ในคำสั่งบริหารที่แก้ไขเพิ่มเติม

ทรัมป์ยังเดินหน้าตามแผนเดิมที่จะขึ้นภาษีสินค้าส่งออกจากแคนาดาจาก 25% เป็น 35% โดยจะเริ่มตั้งแต่วันศุกร์นี้ ยกเว้นสินค้าที่อยู่ภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรีสหรัฐฯ-เม็กซิโก-แคนาดา ที่เขาลงนามในช่วงดำรงตำแหน่งสมัยแรก

เวนดี้ คัตเลอร์ อดีตรองผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ระบุว่า ประเทศที่ขาดดุลการค้ากับสหรัฐฯ ก็ได้รับผลกระทบจากภาษีศุลกากรที่สูงขึ้นเช่นกัน จากการรายงานของ CNBC

“สิ่งที่ดูเหมือนจะขาดหายไปจากคำสั่งฝ่ายบริหารคือจะมีการออกและ/หรือเจรจากฎถิ่นกำเนิดสินค้าที่มีอยู่หรือกฎถิ่นกำเนิดสินค้าฉบับใหม่หรือไม่ เรื่องนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาถึงอัตราภาษี 40%สำหรับสินค้าที่มีต้นทางจากประเทศอื่นผ่านเวียดนาม” คัตเลอร์ ซึ่งดำรงตำแหน่งรองประธานอาวุโสของสถาบันนโยบายสมาคมเอเชีย(Asia Society Policy Institute) กล่าวเสริม

คัตเลอร์กล่าวว่าความไม่แน่นอนอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับภาษีรายหมวดที่จะเกิดขึ้นและการขึ้นภาษีที่อาจเกิดขึ้นอีกจะเป็นเรื่องที่น่ากังวลเป็นพิเศษ โดยเฉพาะหากรัฐบาลทรัมป์เชื่อว่าประเทศต่างๆ ไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ตกลงกันไว้ด้วยความ “สุจริตใจ”

สตีเฟน โอลสัน นักวิจัยอาวุโสประจำสถาบัน ISEAS-Yusof Ishak และอดีตผู้เจรจาการค้าของสหรัฐฯ มีความเห็นในทำนองเดียวกัน โดยกล่าวว่า “อย่าคิดว่าเรื่องนี้จะจบลงแค่นี้… ค่อนข้างแน่นอนว่าจะมีข้อตกลงเพิ่มเติมและการขึ้นภาษีศุลกากรอีกจะตามมา”
“ประเทศต่างๆ ที่ต้องการค้าขายกับสหรัฐฯ จะต้องเผชิญกับภาษีศุลกากรที่สูงขึ้นอย่างมาก ซึ่งอาจเพิ่มขึ้นอีกได้ตามอำเภอใจของประธานาธิบดีผู้ซึ่งแสดงความไม่เห็นด้วยกับกฎและข้อตกลงทางการค้า แม้กระทั่งข้อตกลงที่ตนเองได้ลงนามไปแล้ว” โอลสันกล่าวเสริม

ในช่วงต้นเดือนเมษายน ทรัมป์ประกาศว่าสหรัฐฯ จะจัดเก็บภาษีพื้นฐานในอัตรา 10% ทั่วโลก รวมถึงภาษีรายหมวดสูงสุด 50% สำหรับหลายสิบประเทศ

แต่ไม่กี่วันต่อมา ทรัมป์ได้ระงับการเก็บอัตราภาษีที่สูงขึ้นเป็นเวลา 90 วัน โดยจะเริ่มใช้อีกครั้งในวันที่ 9 กรกฎาคม ทรัมป์อ้างว่าไม่มีแผนจะขยายระยะเวลาออกไป แต่กลับลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อเลื่อนวันบังคับใช้ออกไปเป็นวันที่ 1 สิงหาคม เพียงไม่กี่วันก่อนที่อัตราภาษีใหม่จะเริ่มใช้

ก่อนถึงกำหนดเส้นตายวันที่ 1 สิงหาคม ทรัมป์ได้ส่งจดหมายถึงผู้นำโลกกว่า 24 ฉบับบ เพื่อกำหนดอัตราภาษีใหม่สำหรับสินค้าส่งออกไปยังสหรัฐฯ
อัตราภาษีใหม่เหล่านี้ส่วนใหญ่ใกล้เคียงกับระดับวันที่ 2 เมษายน ซึ่งทรัมป์ได้กำหนดไว้ในตอนแรก โดยใช้สูตรที่นักเศรษฐศาสตร์วิพากษ์วิจารณ์
เมื่อวันจันทร์ ทรัมป์ได้เสนอแนวคิดที่จะปรับขึ้นอัตราภาษีพื้นฐานเป็นประมาณ 15% หรือ 20% สำหรับสินค้านำเข้าจากประเทศที่ยังไม่ได้เจรจาข้อตกลงการค้าแยกต่างหากกับสหรัฐฯ

ภาษีศุลกากรสำหรับสินค้าส่งออกจากจีน ซึ่งกำหนดเส้นตายไว้เป็นวันที่ 12 สิงหาคม หลังจากการสงบศึกระหว่างปักกิ่งกับสหรัฐฯ ไม่ได้รับผลกระทบจากคำสั่งล่าสุดนี้ ทั้งสองฝ่ายต่างเห็นพ้องต้องกันว่าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนที่กรุงสตอกโฮล์มเมื่อเร็วๆ นี้เป็นไปในเชิงบวก แต่ยังไม่มีข้อสรุปใดๆ
“เมื่อสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย จีนมีโอกาสที่จะรื้อฟื้นและยึดตำแหน่งผู้นำทางการค้าที่ยึดถือกฎเกณฑ์ทางการค้า ซึ่งอาจจะพูดในเชิงวาทศิลป์มากกว่าในทางปฏิบัติ” โอลสัน กล่าว
จีนจะมองออกว่าข้อกำหนดสินค้าสวมสิทธิหรือ transshipment นั้นขัดต่อผลประโยชน์ของตน และอาจพิจารณาแนวทางแก้ไขในการเจรจาการค้าที่กำลังดำเนินอยู่กับสหรัฐฯ โอลสันกล่าวเสริม

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ไทยพับลิก้า

เมืองไทยประกันชีวิต สานต่อโครงการ “เมืองไทยมอบทุนน้องน้อย” ครั้งที่ 36

6 ชั่วโมงที่ผ่านมา

‘พิชัย’ เดินหน้าเจรจา ‘ภาษีทรัมป์’ กำหนดโควตานำเข้า-รายละเอียดถิ่นกำเนิดสินค้า เอกชนมั่นใจ 19% สู้คู่แข่งได้

8 ชั่วโมงที่ผ่านมา

PwC ชี้ควบรวมธุรกิจ ‘บิ๊กดีล’ ของไทย ครึ่งปีหลังซบเซา สวนกระแสตลาดโลกเริ่มฟื้น

9 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ตลาดหลักทรัพย์ฯร่วม 4 องค์กรแจงความคืบหน้าคดี MORE ฟ้องผู้กระทำผิด 42 รายอายัดทรัพย์ 4.5 พันลบ.

9 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความทั่วไปอื่น ๆ

ลุยเพิกถอนที่ดิน “เขากระโดง” ขณะอธิบดีกรมที่ดินชิงย้ายตัวเอง

ข่าวช่องวัน 31

สภากทม. ถกงบปี 69 ร่ายยาว 6 ชม. ส.ก. ชี้ใช้งบซ้ำซ้อน-แอบพีอาร์ปูพรมหาเสียงล่วงหน้า ด้านชัชชาติยันไม่มีคำว่าหาเสียง แค่ทำงานให้ดีที่สุด

THE STANDARD
วิดีโอ

โดรนบินหนักตรวจพื้นที่ทหารไทย! ผบ.ทบ.ไฟเขียว หากมีการใช้อาวุ_ธก่อน สามารถใช้อาวุ_ธตอบโต้ภัยคุกคามได้ทันที

BRIGHTTV.CO.TH

"สปสช." ไฟเขียว! "อปท." ใช้งบกองทุนหลักประกันสุขภาพระดับพื้นที่ จัดซื้อผ้าอ้อมผู้ใหญ่ให้ผู้ป่วยกลุ่มเปราะบาง 4 จังหวัดชายแดน

สยามรัฐ

Maly Socheata: Mouthpiece for Cambodia’s chemical weapons claim against Thailand

Thai PBS World

ตร.ไซเบอร์ เตือนภัยบัญชีม้า LINE BK ขายต่อผิดกฎหมาย เสี่ยงโทษหนัก

PostToday

"เตือน" ระวัง! "โรคไข้ดิน" พบป่วยแล้ว 2,036 ราย เสียชีวิต 92 ราย

สยามรัฐ

ผบช.ตชด. ขอบคุณกำลังใจ ยืนหยัดตรึงแนวชายแดนเต็มกำลัง

PostToday

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...