ส่องหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า น่าสนใจมากขึ้นเหตุดอกเบี้ยขาลง แนะกลยุทธ์ลงทุน
ทันหุ้น-ฝ่ายวิจัยบล.เอเซีย พลัส ออกบทวิเคราะห์หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า ระบุว่า กลุ่มโรงไฟฟ้าถือเป็นอีกหนึ่งในการลงทุนที่เริ่มกลับมามีความน่าสนใจ ในช่วงอัตราดอกเบี้ยขาลงเนื่องจากในมุมของปัจจัยพื้นฐาน ธุรกิจโรงไฟฟ้าส่วนใหญ่จะมีโครงสร้างการใช้เงินกู้เป็นสัดส่วนที่สูงในการลงทุนก่อสร้าง และมักจะเป็นโครงการที่มีมูลค่าสูง ดังนั้นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจึงส่งผลโดยตรงต่อผู้ประกอบการโรงไฟฟ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีสัดส่วนเงินกู้ที่มีอัตราดอกเบี้ยลอยตัวค่อนข้างสูง อาทิ BPP, RATCH, GPSC เป็นต้น ซึ่งมีสัดส่วนอัตราดอกเบี้ยลอยตัวอยู่ราว 40% -70% ของสัดส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยโดยรวม คาดจะช่วยให้รับรู้ต้นทุนทางการเงินในปัจจุบันลดลง เมื่อเทียบกับภาระหนี้สินในระดับเดิม
อีกทั้งในมุมของผู้ประกอบการที่ปัจจุบบันยังมีโครงการขนาดใหญ่ ที่อยู่ระหว่างเตรียมก่อสร้าง และต้องขอวงเงินกู้เพื่อก่อสร้างโครงการ (PROJECT FINANCE) อีกหลายโครงการ อาทิ GULF, BGRIM, GUNKUL, CKP เป็นต้น ยังถือว่าได้ประโยชน์จากการเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ในต้นทุนที่ต่ำลงซึ่งจะช่วยสนับสนุนการเติบโตของรายได้และกำไรในระยะยาว
ประกอบกับในเชิงของกลยุทธ์การลงทุน หุ้นโรงไฟฟ้าบางบริษัทฯ ที่ให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล(DIVIDEND YIELD) ในระดับสูง และสม่ำเสมอ อาทิ EGCO, RATCH เป็นต้น ซึ่งโดยปกติจะให้ DIVIDEND YIELD เฉลี่ย 5-6%/ปีคาดจะเริ่มกลับมามีความน่าสนใจในกลุ่มของนักลงทุนที่ต้องการกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอ ซึ่งจะช่วยหนุนให้ราคาหุ้นในกลุ่มฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อีกด้วย
นอกจากนี้ ในช่วงที่ทิศทางราคาน้ำมันมีแนวโน้มปรับตัวลดลง จากสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังชะลอตัวและ OPEC+ มีแนวโน้มเพิ่มกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง ยังเป็นปัจจัยที่ทำให้เงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ และช่วยหนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) เร่งปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มเติมในอนาคต และยังถือเป็น SENTIMENT บวกหนุนราคาหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP ให้ปรับตัวเพิ่มขึ้น จากทิศทางต้นทุนพลังงานที่มีแนวโน้มลดลง ส่งผลให้อัตรากำไรกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP ฟื้นตัว QOQ โดยคาดหุ้นที่จะได้ประโยชน์จากทิศทางราคาน้ำมันขาลง ได้แก่ GPSC, BGRIM, และ GULF
โดยช่วงสั้นไตรมาส 3/68 คาดราคาก๊าซฯจะปรับตัวลดลง QOQ จากฐานสูงในงวด 2Q68 ที่ 370 บาท/ล้านบีทียูเนื่องจากมีการเรียกเก็บคืนส่วนต่างราคาก๊าซฯเพื่อตรึงราคาพลังงานในเดือน ก.ย. – ธ.ค. 2566จึงคาดไตรมาส 3/68 อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ของผู้ประกอบการโรงไฟฟ้า SPP จะมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ QOQ ถึงแม้ว่าค่า FT ในงวด ก.ย. – ธ.ค. 2568 จะลดลงมาอยู่ที่ 15.72 สตางค์/หน่วย จากงวดพ.ค. -ส.ค. 2568 ที่ 19.72 สตางค์/หน่วยก็ตาม และต่อเนื่องในงวด 4Q68 ที่คาดอัตรากำไรของกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP ยังปรับตัวดีขึ้นได้ต่อเนื่อง QOQ จากต้นทุนก๊าซฯ ที่มีแนวโน้มลดลง
โดยหากอิงประมาณการราคาก๊าซฯ (ไม่รวมค่าผ่านท่อ) ของ PTT ที่ใช้ในการคำนวนค่า FT สำหรับงวดเดือน ก.ย.-ธ.ค. 2568 คาดจะลดลงราว 4.5% จากงวดเดือน พ.ค. – ส.ค. มาอยู่ราว 299 บาท/ล้านบีทียู
**ชู 3 หุ้นเด่น
สำหรับคำแนะนำ ฝ่ายวิจัยเลือก GPSC (FV@47B) ที่คาดได้ประโยชน์จากทั้งทิศทางดอกเบี้ยขาลง และ SENTIMENT บวกในช่วงที่ราคาน้ำมันลดลง รวมถึงเลือก GULF (FV@68.25B) จากปัจจุบันที่ยังมีโครงการขนาดใหญ่ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างอีกหลายโครงการ และ CKP (FV@4.4B) ที่มีโครงการขนาดใหญ่ LPCL อยู่ระหว่างการก่อสร้าง รวมถึงทิศทางกำไรในช่วงสั้น 3Q68 ที่จะเข้าสู่ช่วง PEAK ของปี ตามผลของฤดูกาลน้ำ