รัฐบาล เล็งตั้งคณะทำงาน ผ่าตัดใหญ่วงการสงฆ์ ปิ๊งตั้งธนาคารพระ คุมบัญชีวัด
วันนี้ (7 กรกฎาคม 2568) นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เปิดเผยว่า รัฐบาลพร้อมเดินหน้าปกป้องพระพุทธศาสนา ซึ่งขณะนี้มีข่าวฉาวของพระสงฆ์หลายรูปที่เข้าไปพัวพันกับสีกาและเรื่องเงินทองของวัด ไล่ตั้งแต่วัดไร่ขิง วัดตรีทศเทพ และวัดม่วง ซึ่งเป็นระดับพระผู้ใหญ่ ล่าสุดยังได้รับข่าวทางลับมาอีกมาก
"ตามพระธรรมวินัยที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้มีแนวทางที่หากพระสงฆ์นำมาประพฤติปฏิบัติโดยทั่วไป จะเป็นเสมือนเกราะเพชรที่จะคอยปกป้องพระสงฆ์ได้เป็นอย่างดี แต่บุคคลที่เข้ามาบวชแล้วไม่สามารถประพฤติพรหมจรรย์ให้ห่างไกลจากกิเลสได้ จึงต้องใช้กฎหมายเข้าไปขจัดปัดเป่าภัยพระพุทธศาสนาอย่างเร่งด่วน" นายสุชาติ ระบุ
นายสุชาติ กล่าวว่า เร็ว ๆ นี้ จะนัดประชุมผู้บริหารสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และประสานงานกับมหาเถรสมาคม เพื่อกำหนดกฎเกณฑ์เรื่องนี้ให้ชัดเจนโปร่งใส โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องผู้หญิงและเงินทองเปรียบเสมือนงูพิษที่เป็นอันตรายต่อพระสงฆ์ จะต้องมีมาตรการที่เหมาะสมและรวดเร็วเด็ดขาด
ตัวอย่างเช่น เรื่องนารีพิฆาต การกลั่นแกล้ง แบล็คเมล์พระ และผู้เข้าไปแสวงหาผลประโยชน์จากพระ จะต้องรีบจัดการโดยเร่งด่วน ทั้งพระและผู้หญิงที่กระทำผิดจะต้องถูกดำเนินคดีทางกฎหมายอย่างเด็ดขาด เพราะเป็นภัยต่อความมั่นคงต่อสถาบันหลักของชาติ ไม่ใช่ว่าพอจะถูกจับได้ไล่ทันก็ลาสิกขาไปแบบลอยนวล ต่อไปนี้จะต้องไม่เป็นเหมือนที่ผ่าน ๆ มา
นายสุชาติ กล่าวว่า เร็ว ๆ นี้ จะมีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาทำหน้าที่เรื่องนี้โดยเร่งด่วน เรียกว่า “คณะทำงานอุปถัมภ์ ปกป้อง และคุ้มครองพระพุทธศาสนา” เพื่อผ่าตัดใหญ่ภัยของพระพุทธศาสนาโดยเร็ว และสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กับพระพุทธศาสนาพร้อม ๆ กัน
เช่นเดียวกับเรื่องการแยกทรัพย์สินของวัดและทรัพย์สินของพระให้ชัดเจน ว่าอะไรเป็นทรัพย์สินของวัด อะไรเป็นทรัพย์สินของพระ เพื่อไม่ให้ปะปนกันจะได้บริหารจัดการได้ง่ายและโปร่งใสขึ้น โดยอาจต้องตั้ง “สำนักงานบริหารจัดการทรัพย์สินและศาสนสมบัติกลาง” ขึ้นมา เพื่อเรียกศรัทธาชาวพุทธให้กลับคืนมาโดยเร็ว และให้เกิดผลดีต่อพระพุทธศาสนา ป้องกันพระนอกรีตเอาสมบัติของวัดเป็นของส่วนตัว
นอกจากนี้ยังเตรียมที่จะเสนอให้ตั้ง “ธนาคารพระพุทธศาสนา” ขึ้นมา เพื่อให้เป็นหน่วยหลักในการดูแลบัญชีของวัดได้อย่างเป็นระบบและมีความโปร่งใส
อีกเรื่องสำคัญที่สุด ก็คือภัยพระพุทธศาสนา ซึ่งมีทั้งภัยภายในและภัยภายนอก
ภัยภายใน คือการศึกษาปฏิบัติของพุทธบริษัททั้งสี่ที่ย่อหย่อนและกระทำผิดจากคำสอนของพระพุทธเจ้า
ภัยภายนอก คือการถูกแทรกแซงทำลายจากลัทธิศาสนาอื่น แม้กระทั่งเรื่องความเชื่อทางไสยศาสตร์ และลัทธิงมงายหากินกับความหลงเชื่อที่มีอยู่ในสังคม ซึ่งจะต้องเข้าไปดูอย่างจริงจัง