'ซิตี้แบงก์' เพิ่มเป้าราคาทองคำ คาดแตะ 3,500 ดอลลาร์/ออนซ์ ในอีก 3 เดือน
สำนักข่าวรายงานว่า “ซิตี้แบงก์” ได้ปรับเพิ่มการคาดการณ์ราคาทองคำในอีก 3 เดือนข้างหน้า เป็น 3,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากเดิมที่คาดการณืไว้ที่ 3,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เนื่องจากการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐในระยะสั้นและแนวโน้มเงินเฟ้อที่อาจชะลอตัวลง โดยขณะนี้ราคาทองคำเคลื่อนไหวที่ 3,356.88 ดอลลาร์ต่อออนซ์
นอกจากนี้ ซิตี้แบงก์คาดการณ์ว่า ความต้องการทองคำโดยรวมเพิ่มขึ้นมากกว่า 1 ใน 3 นับตั้งแต่กลางปี 2565 ซึ่งส่งผลให้ราคาทองคำพุ่งขึ้นเกือบ 2 เท่าภายในไตรมาสที่สองของปี 2568
‘ภาษีทรัมป์-ข้อมูลเศรษฐกิจ’ หนุนราคาทองคำพุ่ง
ราคาทองคำ กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มที่จะสร้างสถิติสูงสุดใหม่ในไม่ช้า โดยมีปัจจัยสำคัญหลายประการที่เข้ามาหนุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากนโยบายด้านภาษีของสหรัฐและความผันผวนของเศรษฐกิจโลก
ซิตี้แบงก์คาดการณ์ว่า "ความกังวลเกี่ยวกับการเติบโตของสหรัฐฯ และเงินเฟ้อที่เกิดจากนโยบายภาษีศุลกากร น่าจะยังคงอยู่ในระดับสูงในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 ซึ่งเมื่อรวมกับค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง จะส่งผลให้ราคา ทองคำ ปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยไปสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์"
ซิตี้แบงก์กำลังจับตาปัจจัยหลายอย่างที่ส่งผลต่อราคาทองคำ
- ข้อมูลแรงงานสหรัฐที่อ่อนแอ
ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2568 ตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐ ออกมาอ่อนแอลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งอาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ ได้ฟื้นความหวังในการลดดอกเบี้ยของเฟดในเดือนก.ย. นี้ โดยเครื่องมือ FedWatch ของ CME คาดการณ์ว่ามีโอกาสถึง 81% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย
- ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์
จากความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ยังคงดำเนินอยู่ ทำให้เกิดความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ในระดับโลกสูงขึ้น ซึ่งมักจะหนุนความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
- ภาษีทรัมป์กดดันการค้าโลก
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศใช้มาตรการภาษีศุลกากรในอัตราสูงต่อสินค้าส่งออกจากหลายสิบประเทศที่เป็นพันธมิตรทางการค้า สร้างแรงกดดันต่อการค้าและการลงทุนทั่วโลก
ความกังวลด้านการค้าจากภาษีศุลกากรที่สูงขึ้น และแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด ซึ่งส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง เป็นปัจจัยสำคัญที่นักวิเคราะห์เชื่อว่าจะหนุนให้ ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
อ้างอิงBloomberg