ส่งออกข้าวไทยชี้ภาษีสหรัฐ 19% ไม่เสียเปรียบเวียดนาม แค่ชะลอไม่เสียส่วนแบ่งตลาดเพิ่ม
วันนี้ (1 ส.ค.2568) โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ลงนามเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากไทยอัตรา 19% จากเดิม 36 % มีผล 1 สิงหาคม นี้ ในส่วนของสินค้า “ข้าว” เป็นหนึ่งในสินค้าเกษตรส่งออกสำคัญของไทยไปสหรัฐ และมีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 ซึ่งจากอัตราภาษีของสหรัฐที่กำลังจะประกาศออกมา จะส่งผลกระทบต่อการส่งออกข้าวไทยไปสหรัฐที่เป็นตลาดใหญ่สุดของข้าวหอมมะลิข้าวเกรดพรีเมียมของไทยมากน้อยเพียงใดนั้น
นายเจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ไม่ได้เปรียบเพราะก็มีความใกล้เคียงกันกับประเทศเวียดนาม 20% ซึ่งเป็นคู่แข่งโดยตรง ก็แค่มีโชคเล็กน้อยไม่ทำให้ข้าวหอมมะลิเสียตลาดไปมากกว่าที่คาดไว้ แล้วสัดส่วนที่เวียดนามจะดึงตลาดไปก็ช้าลง เพราะข้าวหอมพันธุ์ ST 21 ของเวียดนาม ที่เป็นคู่แข่งก็ขายในราคาที่ใกล้เคียงกัน
“แต่ถ้าในอนาคตเวียดนามสามารถเพิ่มผลผลิตได้ถึง 10 เท่า ทำให้ราคาข้าวถูกลงอีก จะทำให้ไทยถูกแย่งตลาดเพิ่มขึ้น ซึ่งการขายข้าวไม่ใช่ราคาสูงแล้วจะดีเสมอไป ถ้าราคาสูงแล้วไม่มีคู่แข่งก็ไม่มีปัญหาแต่ถ้าราคาสูงแล้วมีคู่แข่งเข้ามาจะเปิดโอกาสให้แย่งตลาดไป ดังนั้นเมื่อเห็นราคาข้าวสูงอย่าไปดีใจ สู้ราคาข้าวพอประมาณ แล้วขายได้ปริมาณเยอะดีกว่า"
สำหรับในตลาดญี่ปุ่น การส่งข้าวขาว 5% ซึ่งในแต่ละปีไทยจะส่งออกประมาณ 3 แสนตัน มีความเป็นห่วงว่าในส่วนที่ญี่ปุ่นเคยเปิดตลาดให้กับไทย จะยกโควตาส่วนนี้ให้กับสหรัฐฯ แทน ซึ่งปริมาณมากน้อยแค่ไหนก็ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด ส่วนข้าวหอมมะลิในตลาดนี้ ส่งออกน้อยมากใช้ในร้านอาหารไม่เยอะ
อย่างไรก็ดีภาษีที่สหรัฐฯ กำหนดให้แต่ละประเทศ ก็เป็นหน้าที่ของเอกชน หากต้องการขายก็ต้องรับกติกาที่กำหนด ซึ่งต่อไปในอนาคตการค้าโลกเสรีจะลดบทบาทลงไปเรื่อยๆ