เงินเฟ้อ ก.ค. ลดลง 0.70% ต่อเนื่องเดือนที่ 4 คาดติดลบยาวถึง 6 เดือน
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนกรกฎาคม 2568 อยู่ที่ 100.15 ลดลงจาก 100.86 ในช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ -0.70% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ถือเป็นการติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4
สาเหตุหลักมาจากราคาสินค้าในกลุ่มอาหารสด เช่น ผักและผลไม้ตามฤดูกาล ที่ลดลงตามปริมาณผลผลิตที่เข้าสู่ตลาด ประกอบกับราคาพลังงาน โดยเฉพาะน้ำมันเชื้อเพลิงในตลาดโลกที่ปรับลด และผลจากมาตรการของภาครัฐในการลดค่าไฟฟ้า ส่งผลให้ภาพรวมราคาสินค้าลดลงต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ราคาของใช้ส่วนบุคคล เช่น ผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกายและของใช้ในบ้าน ก็มีการปรับลดลงเช่นกัน สะท้อนถึงแรงกดดันเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำอย่างต่อเนื่อง
หมวดสินค้าอื่น ๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม ลดลง 1.72% YoY โดยเฉพาะกลุ่มพลังงาน เช่น น้ำมันเชื้อเพลิง ค่ากระแสไฟฟ้า รวมถึงสินค้าในชีวิตประจำวัน เช่น ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว แชมพู สบู่ และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด ต่างก็ปรับตัวลดลง ส่วนเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวบางรายการได้รับอานิสงส์จากโปรโมชั่นและกิจกรรมทางการตลาด
ขณะที่หมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ปรับเพิ่มขึ้น 0.84% YoY จากราคาข้าวแกง อาหารสำเร็จรูป เนื้อสัตว์ เครื่องดื่ม และวัตถุดิบประกอบอาหารที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม มีสินค้าหลายรายการที่ราคาปรับลดลง เช่น ไข่ไก่ ผักสด และผลไม้จากผลผลิตฤดูฝนที่ออกมาก
เมื่อเทียบแบบเดือนต่อเดือน (MoM) ดัชนีราคาผู้บริโภคในเดือนกรกฎาคมยังลดลง 0.27% โดยหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ลดลง 0.60% เช่น เนื้อสุกร ผักชี มะนาว และผลไม้หลากหลายชนิด ส่วนหมวดอื่น ๆ ที่ไม่ใช่อาหารลดลง 0.06% จากการลดราคาสินค้าเพื่อส่งเสริมการตลาด
ด้านอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (เมื่อหักอาหารสดและพลังงาน) ยังเพิ่มขึ้น 0.84% YoY แต่ถือว่าชะลอลงจากเดือนมิถุนายนที่เพิ่มขึ้น 1.06%
ในด้านการเปรียบเทียบระหว่างประเทศ อัตราเงินเฟ้อของไทยยังอยู่ในระดับต่ำ โดยข้อมูลล่าสุดในเดือนมิถุนายนระบุว่า ไทยมีเงินเฟ้อติดลบ -0.25% อยู่อันดับ 10 จาก 140 เขตเศรษฐกิจ และเป็นอันดับ 2 ของอาเซียน จาก 9 ประเทศที่ประกาศตัวเลข
"สำหรับ แนวโน้มในเดือนสิงหาคม 2568 สนค. คาดว่าอัตราเงินเฟ้อมีโอกาสยังคงติดลบต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่อยู่ในระดับต่ำ การดำเนินมาตรการลดค่าไฟของภาครัฐ ราคาผักและผลไม้สดที่ยังอยู่ในระดับต่ำ รวมถึงค่าบริการด้านท่องเที่ยวที่ชะลอตัวตามภาวะตลาด"
อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยที่อาจทำให้เงินเฟ้อขยับขึ้นได้บ้าง เช่น ราคาสินค้าเกษตรบางชนิด เช่น เนื้อสุกร มะพร้าว เครื่องปรุงอาหารบางรายการ และความเคลื่อนไหวของภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ ที่ส่งผลต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์
"กระทรวงพาณิชย์ยังคงประมาณการเงินเฟ้อทั่วไปของปี 2568 อยู่ในกรอบ 0.0–1.0% โดยมีค่ากลางที่ 0.5%"