‘อ้วน’ฟ้องสส.สหรัฐ เปิดทำเนียบฯแฉเขมรทุกเม็ด/มทภ.2ย้ำBHQรุกล้ำยิงได้ทันที
"ภูมิธรรม-พล.ท.บุญสิน" ประสานเสียงบอกกัมพูชากลับกลอก ตกลงกันดิบดีแต่ไปแถลงอีกอย่าง “มทภ.2” ย้ำหากพบกองกำลัง BHQ รุกล้ำลอบวางทุ่นระเบิดยิงได้ทันที รับผลเจรจาเวทีต่างๆ ปฏิบัติได้จริงหรือไม่ต้องไปลุ้นผู้บริหาร “บิ๊กอ้วน” เปิดทำเนียบฯ รับ สส.มะกัน บอกรายงานทุกอย่างให้พี่เบิ้มรู้แล้ว ไทยลงนามซื้อกริพเพน 4 ลำแรกแล้ว ปี 2572 มาแน่ 2 ลำ “มาริษ” โวเป็นการเสริมเขี้ยวเล็บ แม่ทัพภาคที่ 2 รับสุดน้อยใจเมื่อฟังคำถามทหารมีไว้ทำไม ลั่นพระมหากษัตริย์ทรงเป็นหลักชัยให้ประเทศชาติ ทรงเป็นกลางทุกอย่าง
เมื่อวันจันทร์ที่ 25 สิงหาคม 2568 นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) เปิดเผยถึงสถานการณ์ชายแดน 11 จุด ใน 7 จังหวัด ว่ายังคงปกติ กองทัพไทยยังคงตรึงกำลังและเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง สถานการณ์โดยรวมตรวจพบความเคลื่อนไหวทหารฝ่ายกัมพูชาในบางพื้นที่ โดยกองกำลังทั้ง 2 ฝ่ายยังคงวางกำลังตามแนวที่มั่นของตนเอง ทั้งนี้ฝ่ายไทยได้จัดกำลังพลประจำจุด และเตรียมความพร้อมปฏิบัติการตอบโต้ตามสถานการณ์
ด้าน พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ (อาร์บีซี) บริเวณจุดผ่านแดนถาวรช่องสะงำ ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ในวันที่ 27 ส.ค.ว่า ข้อเสนอการหารือไม่ต่างจากกองทัพภาคที่ 1 และกองทัพเรือประมาณ 3 ข้อ เพื่อทำความเข้าใจตรงกัน ทั้งการเก็บกู้ทุ่นระเบิด การรักษาอธิปไตยซึ่งกันและกัน โดยข้อเรียกร้องให้กัมพูชาร่วมเก็บกู้วัตถุระเบิดกับไทยต้องครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ไม่ใช่เฉพาะพื้นที่ที่มีการปักปันเขตแดนที่ชัดเจนแล้ว แต่ยังไม่ทราบว่ากัมพูชาจะรับเงื่อนไขนี้หรือไม่
พล.ท.บุญสินยังกล่าวถึงกรณีที่กัมพูชายื่นข้อเสนอให้ไทยรื้อรั้วลวดหนามแลกกับการเก็บกู้ทุ่นระเบิดว่า เป็นคนละประเด็นกัน เราไม่รับข้อเสนอนี้อยู่แล้ว รั้วลวดหนามคือแนวตั้งกำลังของฝ่ายไทย ส่วนกรณีกองกำลังลับพิทักษ์ฮุน เซน (BHQ) แอบซุ่มดูการลาดตระเวนของทหารไทยนั้นเป็นการสันนิษฐาน ซึ่งทหารไทยก็ทำการตอบโต้ หากรุกล้ำอธิปไตยของไทยเราก็ยิง เขามาในลักษณะเคลื่อนที่เร็ว ซึ่งได้ให้แนวทางกับกำลังพลไปแล้ว หากพบเจอให้ตอบโต้ทันที รวมถึงการลอบวางทุ่นระเบิดด้วย
ถามย้ำว่า สามารถคาดหวังได้หรือไม่ทั้งกรอบอาร์บีซี คณะกรรมการชายแดนทั่วไป (จีบีซี) ไทย-กัมพูชา และคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม ไทย-กัมพูชา (เจบีซี) พล.ท.บุญสินกล่าวว่า ขึ้นอยู่กับผู้บริหารของกัมพูชา หากได้รับสัญญาณมา การเจรจาก็จะมีผลต่อการปฏิบัติ ในทางตรงกันข้าม แม้กำลังพลชั้นผู้น้อยกัมพูชารับทราบแล้ว แต่หากไม่ใช่นโยบายของผู้บริหารก็ไม่สามารถคาดหวังได้ ส่วนจะได้เห็นกองกำลังทั้ง 2 ฝ่ายปรับลดกำลัง นำอาวุธหนักออกจากพื้นที่หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับรัฐบาลของสองประเทศ หน่วยปฏิบัติงานในพื้นที่ไม่สามารถตัดสินใจได้ และเวลาราชการเพียงหนึ่งเดือนไม่กังวลอะไร
พล.ท.บุญสินยังตอบโต้โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา กรณีบิดเบือนข้อมูลอย่างต่อเนื่องว่า เรามีหลักฐานเชิงประจักษ์อยู่แล้ว คุณนำคณะทูต ผู้ช่วยทูตทางทหารและผู้ที่เกี่ยวข้องลงไปในพื้นที่ ในส่วนของกัมพูชา ก็เป็นการปฏิบัติที่เขามีสิทธิ์จะพูดได้ ส่วนจะมีมูลหรือไม่ก็ต้องมาพิสูจน์ด้วยหลักฐาน ปัจจุบันนี้ทุ่นระเบิดก็ยังมีอยู่ในพื้นที่ การปฏิบัติงานก็ต้องเป็นไปด้วยความระมัดระวัง
มทภ.2 พร้อมรับมือ
เมื่อถามว่า กรณีสมเด็จฮุน เซน นั่งรักษาการประมุขแห่งรัฐของกัมพูชา ส่งผลต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาหรือไม่ พล.ท.บุญสินกล่าวว่า ขึ้นอยู่กับนโยบาย ของสมเด็จฮุน เซน ไม่ว่าจะออกมาแนวทางไหนเราก็พร้อมรับมือ ในส่วนของไทยก็ขึ้นอยู่กับรัฐบาลเช่นกัน
ส่วนนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกฯ กล่าวถึงการประชุมอาร์บีซีว่า เป็นการประชุมระดับเจ้าหน้าที่ เงื่อนไขของกองทัพภาคที่ 2 จะเหมือนกองทัพภาคที่ 1 เป็นประเด็นต่อจากการประชุมจีบีซีที่ผ่านมา แต่อาจแตกต่างกันบ้างจากสภาพพื้นที่และสภาพปัญหา
ผู้สื่อข่าวถามว่า แนวโน้มน่าจะเป็นสัญญาณที่ดีใช่หรือไม่ ซึ่งมีเรื่องของรั้วลวดหนามที่แตกต่างจากกองทัพภาคที่ 1 นายภูมิธรรมกล่าวว่า เรื่องรั้วลวดหนามอาจไม่ตรงกับสิ่งที่ได้คุยกันมา เพราะไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้เลย เข้าใจว่าทูตทหารที่กัมพูชาได้ยื่นหนังสือประท้วงไปแล้ว ขณะนี้สิ่งที่เป็นปัญหาที่เราหนักใจอยู่บ้างคือ เวลาพูดตกลงกันก็อาจเป็นอีกอย่างหนึ่ง ทางกัมพูชาทางโฆษกของเขาชี้แจงเป็นอีกแบบหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก
เมื่อถามว่า ครบรอบ 1 เดือนสถานการณ์ไทย-กัมพูชา มีแนวโน้มทิศทางที่ดีขึ้นมากน้อยแค่ไหน นายภูมิธรรมกล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการ และถ้าไปดูประวัติศาสตร์โลก การเจรจาเรื่องเขตแดนไม่เคยจบได้ง่ายๆ บางประเทศเป็นหลายๆ สิบปี หรือบางประเทศเป็นร้อยปีก็มี เพราะฉะนั้นตอนนี้เพิ่งเริ่มต้นรอบใหม่ จริงๆ เรามีปัญหามาตลอด แต่ก็จบได้เป็นช่วงๆ อยู่ที่ว่าแต่ละช่วงสถานการณ์เป็นอย่างไร อย่าไปกังวลใจ ยังยืนยันที่จะรักษาผลประโยชน์อธิปไตยของประเทศ เจรจาจบหรือไม่จบมันยังอยู่แค่ตรงนี้ ไม่รุกล้ำไปไหน
นายภูมิธรรมยังกล่าวถึงกรณีนายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ที่ได้กล่าวต่อหน้าคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราวอาเซียน (ไอโอที) ว่าบ้านหนองจาน อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ไม่มีเอกสารสิทธิเป็นพื้นที่ป่า จนทำให้ฝ่ายกัมพูชานำคำพูดดังกล่าวไปแอบอ้างว่าไม่ใช่พื้นที่ของไทย ว่าอย่าไปกังวล ผวจ.ได้ออกมาชี้แจงแล้วว่าเป็นการสื่อสารที่ผิด ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวมีหนังสือ ส.ค.1 แต่ ผวจ.อาจหมายถึงโฉนด เรื่องนี้ความจริงก็ความจริง ถ้าเรามีโฉนด มี ส.ค.1 มีหลักฐาน ไม่ใช่อยู่ๆ มาสร้างตอนนี้ได้ ขออย่าเป็นกังวลกับคำพูดหรือการเคลื่อนไหวทางโซเชียล
ในช่วงเช้า ที่หอประชุมที่ว่าการ อ.โคกสูง นายปริญญาพร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดให้มีการยื่นเอกสารสิทธิการถือครองที่ดินเพื่อคัดกรองเตรียมออกโฉนด โดยเจ้าหน้าที่ที่ดิน จ.สระแก้ว ได้มาดำเนินการให้ชาวบ้านในพื้นที่บ้านหนองจานและบ้านกุดผือ ที่มีที่ดินอยู่ติดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณหลักเขตแดนที่ 46-47 เพื่อดำเนินการออกโฉนดที่ดินให้โดยเร็ว
นายปริญญายังกล่าวถึงการตอบคำถาม IOT ในกรณีไม่มีเอกสารสิทธิในพื้นที่บ้านหนองจานว่า สิ่งที่พูดถึงนั้นเป็นเรื่องของโฉนดที่ดิน ไม่เกี่ยวข้องกับเอกสารสิทธิอื่นๆ และเป็นการตอบคำถามในประเด็นพื้นที่ที่กองกำลังบูรพาปฏิบัติการขับไล่ชาวกัมพูชาที่บุกรุกที่ดิน 27 ไร่เท่านั้น ไม่เกี่ยวกับประชาชนในพื้นที่บ้านหนองจานฝั่งไทย
บ้านหนองจานหวิดวุ่น
แหล่งข่าวจากกองทัพแจ้งว่า ตั้งแต่ช่วงเช้าหลังกองทัพภาคที่ 1 ชี้แจงและประชุมชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ บริเวณพื้นที่บ้านหนองจาน อ.โคกสูง ในช่วงบ่ายเป็นการปฏิบัติการของทหารในการไปวางแนวลวดหนามเพิ่มเติมในพื้นที่ของไทย เพื่อดำเนินการเกี่ยวกับข้อมูลของชาวบ้านที่มีเอกสารสิทธิ์ ซึ่งบางส่วนติดกับหมู่บ้านที่ชาวกัมพูชาอยู่ ได้เกิดเหตุชาวบ้านกัมพูชาประมาณ 20 คนตะโกนด่าทอทหารไทยระหว่างที่กำลังล้อมรั้วลวดหนาม โดยเอาไม้มาฟาดและตีลวดหนามไม่ให้ขึง เหตุการณ์เกิดขึ้นประมาณ 30 นาที ซึ่งผู้บังคับหน่วยฝ่ายไทย กองพลน้อย ร.51 ประสาน กกล.บูรพาเพื่อหารือกัน ก่อนเหตุการณ์ทุกอย่างจะยุติไป
พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ โฆษก ศบ.ทก. แถลงผลการประชุมว่า สถานการณ์ชายแดนโดยรวมในช่วงเวลาที่ผ่านมา ถือว่าทั้ง 2 ฝ่ายยังตรึงกำลังในฐานที่ตั้ง แต่ตรวจพบการลักลอบการวางทุ่นระเบิดของทหาร BHQ กัมพูชาในพื้นที่อธิปไตยของไทย ซึ่งแม้ว่าไทยได้ผลักดันกลับไปแล้ว แต่ก็เป็นการแสดงให้เห็นว่าฝ่ายกัมพูชาก็ยังคงละเมิดข้อตกลงของการประชุมเจบีซีต่อเนื่อง
ด้านนายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า การดำเนินการเชิงรุกของไทยในเวทีโลกคือการเดินทางเยือนนครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ของนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.การต่างประเทศ ระหว่างวันที่ 26-28 ส.ค. ภารกิจสำคัญครั้งนี้คือชี้แจงข้อเท็จจริงต่อประชาคมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะกรณีกัมพูชาลอบวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลในเขตอธิปไตยของไทยจนเกิดเหตุการณ์ทหารไทยเหยียบกับระเบิดหลายครั้ง ยังกำหนดพบกับสำนักงานใหญ่ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ และคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ เพื่อย้ำว่าการดำเนินการทั้งหมดของไทยตั้งอยู่บนพื้นฐานของหลักสิทธิมนุษยชนและกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ
บิ๊กอ้วนฟ้องมะกันแล้ว
วันเดียวกัน ที่ห้องสีเหลือง ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล คณะสมาชิกรัฐสภาสหรัฐอเมริกาจากพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครต เข้าเยี่ยมคารวะนายภูมิธรรมในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทย ภายใต้โครงการสร้างเสริมความรู้เกี่ยวกับประเทศไทยแก่สมาชิกรัฐสภาสหรัฐอเมริกา ประจำปี 2568
นายภูมิธรรมกล่าวภายหลังว่า ได้พูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสหรัฐ และอีกหลายเรื่องรวมถึงปัญหากับกัมพูชา โดยวันที่ 26 ส.ค. คณะดังกล่าวจะเดินทางไปที่ จ.อุบลราชธานี เพื่อไปดูพื้นที่ความขัดแย้งของทั้งสองประเทศ โดยมีกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) เป็นผู้นำไป เพื่อให้เขาทราบชัดเจน สำคัญคือเราต้องสู้ด้วยความจริงไม่ใช่สงครามข่าวสาร หลังจากจากนั้นคณะสมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯ มีกำหนดการเดินทางไปกัมพูชาต่อ
ผู้สื่อข่าวถามว่า คณะที่มาพบมีความคิดเห็นอย่างไรต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายภูมิธรรมกล่าวว่า เขารู้สึกเป็นห่วง เพราะเขาเข้ามาในบทบาทผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว และนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก็ยื่นมือมาตั้งแต่แรก ถือว่ามีส่วนสำคัญ และเราก็ยอมรับบทบาทผู้สังเกตการณ์ทั้งสหรัฐฯ และจีน รวมถึงทูตทหารในไทยและอาเซียนเป็นทิศทางที่ดี ยืนยันว่าทุกอย่างเดินหน้าไปในทิศทางที่ดีขึ้น แม้มีความไม่เข้าใจกระทบกระทั่งกันบ้าง แต่ทั้งหมดจะจบและไปเริ่มต้นกันในวันที่ 10 ก.ย.นี้ที่ต้องไปพูดคุยกันต่อ
เมื่อถามว่า ได้บอกคณะที่มาหรือไม่ว่ากัมพูชาเป็นผู้ฝังระเบิดในประเทศไทย นายภูมิธรรมกล่าวว่า ได้พูดไปทั้งหมด
ที่กรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน เมื่อเวลา 12.20 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) นายมาริษร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามความตกลงจัดซื้อเครื่องบินขับไล่โจมตีกริพเพน ระยะที่ 1 จำนวน 4 เครื่อง วงเงิน 19,500 ล้านบาท โดยมี พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) เป็นผู้ลงนาม ฝ่ายสวีเดนมีนาย Mikael Granholm ผู้อำนวยการใหญ่ของ The Swedish Materiel Administration (FMV) ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐบาลสวีเดน ที่รับผิดชอบการจัดซื้อจัดจ้างและจัดหายุทโธปกรณ์ด้านการป้องกันประเทศให้แก่กองทัพสวีเดน โดยมี Dr. Pal Jonson รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของสวีเดนเป็นสักขีพยาน
การลงนามครั้งนี้เป็นการลงนามสัญญาจัดซื้อระยะที่ 1 จำนวน 4 ลำแรก จากแผนจัดซื้อทั้งหมด 12 ลำ หรือ 1 ฝูงบิน ซึ่งเป็นการจัดซื้อทดแทนเครื่องบินขับไล่ F-16 เนื่องจากบรรจุประจำการมานานกว่า 37 ปี โดยสวีเดนจะเริ่มจัดส่งให้ไทยในปี 2572 ปีละ 2 ลำ จนครบ 1 ฝูงบิน ทั้งนี้ ทอ.ได้ตั้งชื่อกริพเพนฝูงใหม่ JAS 39 Gripen E/F ว่า โครงการ PEACE BURAPHA หรือบูรพาสันติ โดยจะประจำการที่ฝูงบิน 102 กองบิน 1 จ.นครราชสีมา
นายมาริษกล่าวภายหลังร่วมเป็นสักขีพยานว่า ข้อตกลงครั้งนี้ไม่เพียงแต่เสริมเขี้ยวเล็บให้กองทัพ แต่ยังเป็นหมุดหมายสำคัญในการผลักดันอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของไทยตามนโยบายรัฐบาล โดยการลงนามครั้งนี้ยังช่วยสร้างความมั่นใจให้แก่สวีเดนและประชาคมโลก ภายหลังจากสถานการณ์ปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งกองทัพไทยได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพและการปฏิบัติตามหลักสากลอย่างชัดเจน
คุมเข้มสกัดโดรน
ขณะเดียวกัน พล.ต.อ.ณัฐธร เพราะสุนทร กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) พร้อมหน่วยงาน ได้ประชุมหามาตรการจัดการเรื่องเครื่องวิทยุคมนาคมสำหรับอากาศยานซึ่งไม่มีนักบิน (โดรน) ซึ่งที่ประชุมได้ปรับปรุงแนวทางกำกับการซื้อโดรน โดยห้ามไม่ให้ผู้ขายส่งมอบโดรนแก่ผู้ซื้อทันที ผู้ซื้อต้องนําใบเสร็จรับเงินหรือใบสั่งซื้อโดรนไปขอขึ้นทะเบียนกับสํานักงาน กสทช.ให้เรียบร้อยก่อน และนําใบรับรองการขึ้นทะเบียนที่ผ่านการตรวจสอบแล้วมารับสินค้าในภายหลัง
ขณะเดียวกัน ที่ห้องประชุมสุธรรม อารีย์กุล อาคารสารนิเทศ 50 ปี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) พล.ท.บุญสินได้มาร่วมสนทนาพิเศษ “เรื่องจริงจากชายแดน” โดยมีผู้ร่วมงานเต็มความจุล้นออกจากห้องประชุม โดย พล.ท.บุญสินได้เล่าเหตุการณ์การสู้รบ 5 วัน นับตั้งแต่วันที่ 24-28 ก.ค. โดยยอมรับว่าเป็นภารกิจที่สร้างแรงกดดัน ที่ต้องตัดสินใจเสี้ยววินาที ระหว่างการรบกับการรอ การเจรจากับการยืนหยัด ถูกด่าขนานหนัก ลูกน้องขาขาด ทำไมไม่บุกไม่ยิง บางครั้งบริบทการรับผิดชอบมันไม่ได้มีอยู่แค่นั้น แต่บริบทอื่น เช่น เศรษฐกิจ สังคม การเปิดสงครามประเทศชาติจะเกิดอะไรขึ้น จะเหมาะสมหรือไม่ในช่วงเวลานั้น หากไปทะเลาะเวลานั้นเหมือนไปรังแก จะถูกทั่วโลกประณามใช่หรือไม่ ต้องคิดหลายอย่าง
“ใช้ความดุอย่างเดียว แต่ไร้ความคิด ไม่รอบคอบในการตัดสินใจอันตรายมาก จะกลายเป็นเผด็จการ และประเทศไทยจะถูกทั่วโลกประณามทันที แต่กรณีที่ผ่านมาเหมาะสมแล้วเพราะเขายิงเราก่อน”
พล.ท.บุญสินย้ำว่า หากรอแล้วผลประโยชน์ของชาติมาก่อนเราก็ต้องรอ แม้สูญเสียเราก็ต้องยอมรับ เพราะนี่คือแผ่นดินที่บรรพบุรุษเราสละเลือดเนื้อ แต่ถ้าเจรจาแล้วเราเสียผลประโยชน์ เราต้องยืนหยัดไม่เจรจา เจรจาแล้วเสียเปรียบก็อย่าไปเจรจา ไม่ยอมรับข้อเสนอ ดังนั้นผู้เจรจาต้องทันเกม รู้ว่าเราต้องทำอย่างไรเพื่อไม่ให้เสียแผ่นดินนี้ การเจรจาที่เราเสียเปรียบเราต้องยืนหยัดไม่ยอมรับ เหมือนที่เขาจะขึ้นศาลโลก ทางรัฐบาลก็ยืนยันว่าเราไม่ยอมรับ มีสิทธิ์ที่จะไม่ยอมรับ รื้อลวดหนามเราก็ไม่รื้อเพราะเป็นแนวประชาธิปไตยของเรา แต่หากไม่ยอมรับจะมาใช้กำลัง ก็มาเจอกันเท่านั้น ต้องมีความเด็ดขาด อยู่บนผลประโยชน์ของชาติ
พล.ท.บุญสินรับน้อยใจ
“หลายคนถามว่ามีทหารไว้ทำไม ผมบอกเป็นคำถามที่ทำให้ทหารน้อยใจจริงๆ ผมน้อยใจและเสียใจจริงๆ ไปตอบโต้ก็ไม่ได้ เห็นได้ว่าสมรภูมิที่ผ่านมาฝึกมาทั้งชีวิต รับราชการมาจนจะเกษียณ เพิ่งได้รบวันนี้ เพราะเราไม่รู้ว่าจะเกิดการรบกันเมื่อไหร่ บางคนบอกว่าทหารไม่ต้องฝึกมากหรอก ขอย้ำว่าไม่ได้ฝึกกันง่ายๆ ทั้งความอดทน เทคนิคการใช้อาวุธ ต้องสั่งสมไว้ปฏิบัติทันทีเมื่อมีเหตุการณ์ ช่วงไม่รบก็ฝึกและช่วยชาวบ้าน นี่ไงทหารมีไว้ทำไม เมื่อบ้านเมืองสงบเราช่วยพัฒนาประเทศ รักษาความสงบเรียบร้อยภายใน" พล.ท.บุญสินกล่าว
ส่วน พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษก ทบ. กล่าวถึงผลการประชุมหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก ครั้งที่ 11/2568 ที่มี พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธาน ว่าฝ่ายเสนาธิการและหน่วยขึ้นตรงกองทัพบกได้ชี้แจงข้อมูลสำคัญ โดยเฉพาะสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาให้ที่ประชุมทราบ ซึ่งกองทัพภาคที่ 1 และกองทัพภาคที่ 2 ได้รายงานว่า ยังคงตรวจพบความเคลื่อนไหวของโดรนและการเพิ่มเติมกำลังของฝั่งกัมพูชา รวมถึงพบการลักลอบการวางทุ่นระเบิดในพื้นที่เขตไทย ซึ่งแสดงถึงเจตนาละเมิดข้อตกลงหยุดยิงอย่างชัดเจน
ในโอกาสนี้ ผบ.ทบ.ได้กล่าวต่อที่ประชุมว่า ในนามของข้าราชการกองทัพบก ขอน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ที่ได้พระราชทานความช่วยเหลือให้เจ้าหน้าที่ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ในการปกป้องอธิปไตยของชาติ รวมถึงประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนในพื้นที่ชายแดน นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ที่สถาบันพระมหากษัตริย์ได้ทรงมีความห่วงใยและเมตตาต่อพสกนิกรไทยทุกภาคส่วน
พล.ท.บุญสินสนทนาพิเศษ “เรื่องจริงจากชายแดน” ตอนหนึ่งว่า พระมหากษัตริย์ทรงเป็นหลักชัยให้ประเทศชาติ ท่านทรงเป็นกลางทุกอย่าง ท่านไม่ทรงยุ่งเรื่องการเมืองทั้งสิ้น ทรงเป็นจอมทัพไทยที่ดูแลเสาหลักให้ประเทศชาติ ผู้ที่ใกล้ชิดท่าน ทำงานเข้าเวร จะต้องไม่เกี่ยวกับการเมือง รัชกาลที่ 9 ทรงพัฒนาทุกอย่างจนเสด็จพระราชดำเนินไม่ไหว ส่วนรัชกาลที่ 10 ท่านทรงเป็นหลักชัยให้แก่ประเทศชาติต้องคงไว้ อดีตไม่รู้ว่ามีเท่าไหร่ ปัจจุบันมีเท่านี้ ในฐานะแม่ทัพภาคที่ 2 จะต้องดูแลแผ่นดินนี้ให้ดีที่สุด ถ้ารุกเข้ามาในห้วงที่ตนเองอยู่ไม่ได้เด็ดขาด คุณจะเป็นใครยิ่งใหญ่มาจากไหนไม่ได้.