’45 is a new 60: ทำอย่างไร เมื่อวัยเกษียณถูกร่นเข้ามาเร็วขึ้น…’
GM Live
อัพเดต 24 สิงหาคม 2568 เวลา 15.30 น. • เผยแพร่ 5 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เว็บไซต์ว่าด้วยเรื่องราวของผู้ชาย เทรนด์ บทสัมภาษณ์ บทวิเคราะห์ธุรกิจ รถยนต์ Gadget สุขภาพ อัพเดทก่อนใครในความเข้าใจเกี่ยวกับชีวิตการทำงานโดยทั่วไปนั้น ก็มักจะเริ่มต้นที่อายุยี่สิบกว่าๆ แล้วทำงานต่อไปจนถึงอายุ 60 ปี ก่อนที่จะ ‘เกษียณ’ จากตำแหน่งงาน และได้เงินค่าตอบแทนเป็นบำเหน็จหรือบำนาญ ขึ้นกับกฏระเบียบของหน่วยงานนั้นๆ กระนั้นแล้ว ความเคลื่อนไหวล่าสุดของธนาคารกสิกรไทย หรือ K-Bank ที่ ‘Early Retired’ พนักงานที่อายุ 45 ปีนั้น ก็เป็นสิ่งที่น่ากลัว น่าห่วงกังวล ถึงแนวทางการทำงานและการใช้ชีวิต ทั้งก่อนและหลังชีวิตการทำงานด้วยกันทั้งสิ้น
กระแสการเกษียณที่อายุ 45 ปีนั้น ถูกพูดถึงเป็นกระแสที่ประเทศอินเดียมาแล้วก่อนหน้านั้น เมื่อแนวคิดของการทำงานไปเรื่อยๆ จนถึงอายุ 60 ปีนั้น ค่อยๆ เริ่มหายไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในสายงานที่เกี่ยวข้องกับการขาย การตลาด จนถึงเทคโนโลยี ที่อายุย่างเข้า 40 แล้ว พบว่า งานที่ทำมีความซ้ำซ้อนและไม่เกิดประสิทธิภาพ
“พวกเขาไม่ได้มีทักษะเพิ่มขึ้น ไม่ว่องไวเหมือนคนที่อายุน้อยกว่าที่มีความสามารถมากกว่า ซึ่งมาพร้อมกับต้นทุนเพียงเศษเสี้ยวของพวกเขา ซึ่งเป็นสาเหตุที่หลายบริษัทไม่ได้ไล่คนเหล่านี้ออกทันที แต่ตั้งแผนกใหม่กับคนที่อายุน้อยกว่าจํานวนมาก และให้ทรัพยากร และให้ความสนใจกับกลุ่มนี้มากขึ้น” สารธัก อาฮูจา นายธนาคารเพื่อการลงทุน กล่าวถึงธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วของอินเดีย และต้นสายธารของกระแสการเกษียณก่อนเวลาปกติ
เมื่ออายุงานลดน้อยลง และอายุที่จะเกษียณถูกร่นเข้ามา ย่อมส่งผลต่อไลฟ์สไตล์ การใช้ชีวิตหลังการเกษียณ เมื่อผู้คนอายุยืนยาวมากขึ้น ค่าใช้จ่ายก็ย่อมมากขึ้น อายุการทำงานที่น้อยลงทำให้เงินเก็บจากการทำงานโดยไม่มีหลักประกันเบื้องหลังนั้น เป็นไปได้ยากมากยิ่งขึ้น
ปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัวก็เป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลอย่างยิ่งกับชีวิตหลังเกษียณ โดยเฉพาะแนวคิดการใช้เงินอย่างเกินตัว ส่งเสริมภาพลักษณ์ ก่อให้เกิดการใช้เงินแบบเดือนชนเดือน และเมื่ออายุเกษียณโดนร่นเข้ามา การชีวิตหลังการเกษียณใหม่ก็ยิ่งทวีความลำบากมากขึ้นเป็นเท่าตัว
สิ่งที่น่ากลัวของการเกษียณที่ถูกร่นเข้ามานั้นคือ มันทำให้แต่ละคนต้องเร่งกระบวนการทุกอย่างให้รวดเร็วขึ้น แข่งกันภายใต้ความเร็วที่มากขึ้น ภายใต้การต่อสู้กับเศรษฐกิจและค่าเงินเฟ้อที่แทบไม่เห็นหนทางชนะ และก่อให้เกิดสภาวะหมดไฟในการทำงานได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งสอดพ้องกับแนวทางการเกษียณในวัย 45 ได้อย่างน่าประหวั่น
เอาเข้าจริงๆ แล้ว ไม่ว่าจะเกษียณในอายุ 45 หรือ 60 ปีนั้น สิ่งที่คนทำงานยุคใหม่ต้องพึงระลึกเอาไว้อยู่เสมอนั้นคือ ทุกอย่างจะเปลี่ยนผ่านไปอย่างรวดเร็ว การทำงานเพียงอาชีพเดียวโดยไม่มีหลักประกันความมั่นคงหรือทางเลือกที่สองกับสาม อาจจะไม่ใช่วิธีการใช้ชีวิตที่มีประสิทธิภาพนัก เมื่อพิจารณาว่า ช่วงอายุที่จะต้องอยู่โดยไม่มีงาน ไม่มีเงินนั้น จะมากขึ้นกว่าแต่ก่อน
การฝึกฝนวิชาชีพใหม่ๆ การเรียนรู้ตลอดชีวิต การวางแผนการเงินอย่างชาญฉลาด คือสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะช่วยให้รอดพ้นผ่านสถานการณ์ที่ไม่สู้ปกตินี้ไปได้
ในตอนนี้ การเกษียณในวัย 45 อาจจะไม่ใช่เรื่องที่เป็นปกตินัก แต่การเตรียมพร้อม รู้เท่าทัน และตระหนักว่าอายุงานอาจจะสามารถลดน้อยลงไปจากเดิม ก็เพื่อเป็นหลักประกันว่า เมื่อสถานการณ์ที่ไม่ปกติ กลายเป็นความ ‘ปกติใหม่’ เมื่อไร เราจะพร้อมที่จะรับมือกับมัน และสามารถออกแบบชีวิต ทั้งในช่วงทำงาน และช่วงวัยเกษียณ ได้อย่างเป็นปกติสุขนั้นเอง