2568 ปีที่เต็มไปด้วยสัญญาณบวกของการพัฒนาอุตสาหกรรมหนังไทย
หาก ปี พ.ศ. 2567 คือปีทองของ ‘หนังไทย’ มีภาพยนตร์ที่สามารถทำเงินทะลุ 100 ล้านบาทได้ถึง 8 เรื่อง ได้แก่ ธี่หยด 2, หลานม่า, พี่นาค 4, อนงค์, วิมานหนาม, หอแต๋วแตกแหกสัปะหยด, เทอม 3, วัยหนุ่ม 2544
พอมาถึงปี พ.ศ. 2568 ถึงแม้จะมีจำนวนหนังไทยที่ทำเงินทะลุ 100 ล้านบาทลดจำนวนลงค่อนข้างมาก (นับถึงปัจจุบันมีเพียง ‘ซองแดงแต่งผี’ จากค่าย GDH เรื่องเดียวเท่านั้น) แต่หนังไทยกลับไปสร้างประวัติศาสตร์ในเวทีระดับโลกกันมากขึ้น
‘หลานม่า’ เข้ารอบ 15 เรื่องสุดท้ายออสการ์
เริ่มด้วย ‘หลานม่า’ จากค่าย GDH ผลงานการกำกับของ พัฒน์ บุญนิธิพัฒน์ ที่นอกจากจะทุบสถิติ “หนังไทยทำเงินทั่วโลกสูงสุดตลอดกาล” ด้วยรายได้กว่า 2,000 ล้านบาท จนทำให้วงการภาพยนตร์ไทยคึกคักเป็นอย่างมากเมื่อปีที่แล้ว
พอล่วงเข้าปี 2568 ‘หลานม่า’ ก็ยังทำให้อะดรีนาลีนของคนไทยหลั่ง จากการช่วยกันลุ้นจนสุดตัวให้ติดโผเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์นานาชาติยอดเยี่ยม ถึงแม้ว่าจะจบลงที่ติด shortlist 15 เรื่องสุดท้ายที่ได้เข้าชิง ก็ถือว่ายิ่งใหญ่และเป็นความภาคภูมิใจของคนไทยเป็นอย่างมากแล้ว
‘ผีใช้ได้ค่ะ’ คว้ารางวัลเมืองคานส์
“หนังไทยไม่เคยห่างหายจากเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติระดับโลก”
คำกล่าวนี้ได้รับการยืนยันอีกครั้งเมื่อ ‘ผีใช้ได้ค่ะ’ จากค่าย 185 Films ผลงานการกำกับและเขียนบทโดย รัชฏ์ภูมิ บุญบัญชาโชค สร้างประวัติศาสตร์ เป็นหนังไทยเรื่องแรกที่ได้รับรางวัล AMI Paris Grand Prize สายประกวด Semaine de la Critique จากเทศกาลภาพยนตร์คานส์ 2025
ตามมาด้วยข่าวสมาคมภาพยนตร์ประกาศเลือก ‘ผีใช้ได้ค่ะ’ เป็นตัวแทนหนังไทยเข้าชิงรางวัลออสการ์ในปีหน้า ซึ่งน่าจะทำให้เราได้ลุ้นกันสนุกกันอีกครั้ง แบบเดียวกับที่ส่งเสียงเชียร์ ให้กำลังใจ ‘หลานม่า’ ให้ได้เข้ารอบเป็น nominees รางวัลออสการ์กันมาแล้ว
‘Human Resource’ เข้าประกวดเทศกาลหนังเวนิซ
‘เต๋อ–นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์’ ผู้กำกับสายอินดี้ของไทยนำพาผลงานเรื่องล่าสุดในรอบ 3 ปี ‘Human Resource’ ไปฉายรอบปฐมทัศน์โลก (World Premiere) ณ เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเวนิซครั้งที่ 82 แถมยังได้รับเลือกให้เข้าสายประกวดสาย Orizzonti Competition อีกด้วย
ดรสะรณ โกวิทวณิชชา อนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านภาพยนตร์ สารคดี และแอนิเมชัน และผู้อำนวยการเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพมหานคร 2568 พูดถึงความสำคัญของเรื่องนี้เอาไว้ว่า
“เทศกาลหนังเวนิซมีการประกวดสองสายหลักคือ รางวัลสิงโตทองคำ และ Orizzonti ที่ผ่านมาหนังไทยยังไม่เคยเข้าชิงรางวัลสิงโตทองคำ ถือเป็นเรื่องยากมาก ส่วนสาย Orizzonti เองก็มีหนังไทยที่เคยฉายอยู่ไม่กี่เรื่อง”
“ทางเทศกาลฯ จะมีคณะกรรมการคัดเลือกที่ต้องพิจารณาหนังเป็น 1,000 เรื่อง การจะถูกคัดเลือกได้เป็นเรื่องยากมาก ๆ เพราะต้องไปแข่งกับหนังจากทั่วโลก ต้องเข้าใจก่อนว่าการคัดเลือกภาพยนตร์ในเทศกาลนี้เปิดรับผลงานจากทั่วทุกมุมโลก พื้นที่สำหรับหนังจากเอเชียจึงไม่ได้มีมากนัก ดังนั้น การที่หนังสักเรื่องหนึ่งจะถูกเลือก ย่อมต้องมีความพิเศษหรือโดดเด่นบางอย่าง เพราะไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่หนังไทยจะผ่านการคัดเลือก แม้แต่หนังเอเชียเองก็มีจำนวนไม่มากนัก"
"กว่าจะมีหนังไทยได้รับเลือกไปฉายก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก การที่ Human Resource กลายเป็นภาพยนตร์ไทยเพียงเรื่องเดียวที่ได้รับเลือกในปีนี้ จึงถือเป็นเหตุการณ์ที่ไม่ธรรมดาเลย”
'บ้านผีสิงธี่หยด’ ในธีมพาร์คระดับโลก
ส่วนหนังผีกระแสแรงอย่าง ‘ธี่หยด’ ที่สองภาคแรกกวาดรายได้ในประเทศไทยไปกว่า 1,300 ล้านบาท อีกทั้งยังขายลิขสิทธิ์การฉายและจัดจำหน่ายกว่า 30 ประเทศ มาแหวกแนวจากเรื่องอื่น ๆ ด้วยการสามารถขาย IP เพื่อนำไปสร้าง ‘บ้านผีสิง’ ที่ Universal Studios Singapore ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์หนังไทยที่ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในธีมพาร์กระดับโลก
โดย ‘บ้านผีสิงธี่หยด’ ที่นำคาแรกเตอร์ตัวละครในหนัง ฉาก ตลอดจนความเชื่อแบบไทยไปออกแบบให้น่าขนหัวลุกที่สุด จะไปเปิดตัวในเทศกาล Halloween Horror Nights ครั้งที่13 ณ ประเทศสิงคโปร์ ในวันที่ 26 กันยายน 2568 นี้
การนำ BKKIFF กลับมาในรอบ 16 ปี
ปิดท้ายด้วยการรื้อฟื้น กลับมาจัด ‘เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพมหานคร’ หรือ BKKIFF 2025 ขึ้นมาอีกครั้งหลังจากที่ห่างหายไปนานถึง 16 ปี เพื่อให้ประเทศไทยได้มีเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเป็นของตัวเอง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างระบบนิเวศน์ที่จะช่วยพัฒนาอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยอย่างยั่งยืนต่อไป
สิ่งที่น่ายินดีคือ พัฒนาการของอุตสาหกรรมหนังไทยที่เราเห็นความก้าวหน้ากันอย่างเป็นรูปธรรมนี้เกิดขึ้นจากความมุ่งมั่นและร่วมมือกันทุกภาคส่วน ทั้งเหล่าคนทำหนัง สตูดิโอผู้สร้าง นักแสดง ตลอดจนภาครัฐอย่าง กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง THACCA (Thailand Creative Culture Agency) ที่เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาซอฟท์พาวเวอร์ ‘หนังไทย’
เช่น การสนับสนุนงบประมาณในขั้นตอน Post-production กับภาพยนตร์ ‘ผีใช้ได้ค่ะ’, การนำผู้ประกอบการด้านภาพยนตร์ไทยจำนวน 12 บริษัทเดินทางไปเข้าร่วมการซื้อขายลิขสิทธิ์ ณ เทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ 2025 และการสนับสนุนให้มีการรื้อฟื้น BKKIFF 2025 ขึ้นมาอีกครั้ง