ถ้อยแถลง ’มาริษ‘ แจงยิบรัฐภาคีฯ ออตตาวา ชี้กัมพูชาละเมิดออตตาวา วางทุ่นระเบิดใหม่
เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2568 เวลา 16.15 น. ณ สำนักงานสหประชาชาติ นครเจนีวา นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้แถลงต่อที่ประชุมผู้แทนประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในกรอบอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (APMBC) โดยกล่าวถึงสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาที่ทวีความตึงเครียด พร้อมชี้ว่ากัมพูชามีการวางทุ่นระเบิดใหม่ ซึ่งถือเป็นการละเมิดอธิปไตยและข้อตกลงระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง
รัฐมนตรีต่างประเทศเปิดเผยว่า เหตุการณ์เริ่มต้นเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคมที่ผ่านมา เมื่อทหารไทยสูญเสียขาจากทุ่นระเบิดระหว่างปฏิบัติหน้าที่ลาดตระเวนบริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ต่อมาพบทุ่นระเบิดเพิ่มเติมประเภท PMN-2 โดยมีร่องรอยชัดเจนว่าเพิ่งถูกวางใหม่ และเป็นชนิดที่กัมพูชามีไว้ในครอบครองตามรายงานความโปร่งใสของกัมพูชาเอง ขณะที่ประเทศไทยไม่มีทุ่นระเบิดไม่ว่าประเภทใดอยู่ในครอบครองแล้ว
นายมาริษย้ำว่า เหตุการณ์ดังกล่าวตามมาด้วยการโจมตีข้ามพรมแดนของกัมพูชาเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม ที่อำเภอตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ โดยมีการใช้ระบบยิงจรวดหลายลำกล้อง BM-21 โจมตีพื้นที่ชุมชนไทย รวมถึงโรงเรียน โรงพยาบาล และร้านสะดวกซื้อ ส่งผลให้พลเรือนผู้บริสุทธิ์เสียชีวิต ซึ่งไทยตอบโต้ด้วยการป้องกันตนเองอย่างจำกัดและตรงเป้าทางทหารเท่านั้น
แม้จะมีการตกลงหยุดยิงภายใต้การอำนวยความสะดวกของอาเซียนเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม แต่สถานการณ์ยังไม่ยุติ โดยเกิดเหตุทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดซ้ำอีกหลายครั้งในเดือนสิงหาคม ส่งผลให้ทหารไทยทุพพลภาพถาวรแล้ว 6 นาย พร้อมพบหลักฐานว่าทหารกัมพูชาได้รับการฝึกฝนในการวางทุ่นระเบิดชนิดนี้
“การกระทำเหล่านี้ถือเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศไทยอย่างร้ายแรง รวมถึงละเมิดอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคลและข้อตกลงหยุดยิงอย่างชัดเจน” นายมาริษกล่าว พร้อมระบุว่าพฤติกรรมดังกล่าวยังเป็นการบ่อนทำลายเจตนารมณ์ของปฏิญญาและแผนปฏิบัติการเสียมราฐ-อังกอร์ ที่กัมพูชาเองมีส่วนร่วมผลักดัน
ไทยจึงได้ยื่นเรื่องเข้าสู่กระบวนการของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดฯ ตามข้อ 8 เพื่อขอให้มีการพิจารณาอย่างเป็นทางการ และเรียกร้องให้ประชาคมโลก “ดำเนินการอย่างเต็มที่เพื่อนำกัมพูชากลับสู่การปฏิบัติตามอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคลอย่างสมบูรณ์”
นอกจากนี้ นายมาริษยังเปิดเผยถึงความพยายามในระดับทวิภาคี โดยกัมพูชาเพิ่งแสดงท่าทีเห็นพ้องหลักการร่วมมือกับไทยในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม ซึ่งคาดว่าจะมีการหารือต่อเนื่องในเดือนหน้า แต่ย้ำว่าความร่วมมือนี้จะเกิดขึ้นจริงได้ก็ต่อเมื่อกัมพูชาต้องไม่วางทุ่นระเบิดใหม่ และต้องไม่ขัดขวางการปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิดของประเทศไทย
ในตอนท้าย รัฐมนตรีต่างประเทศประกาศว่า ไทยจะเข้าร่วมโครงการรณรงค์ระดับโลกเพื่อการลดอาวุธเพื่อมนุษยธรรมและการดำเนินการด้านทุ่นระเบิดของเลขาธิการสหประชาชาติ เพื่อยืนยันความมุ่งมั่นต่ออนุสัญญาออตตาวาและกฎหมายมนุษยธรรมสากล พร้อมทิ้งท้ายด้วยการอ้างคำพูดของ Jody Williams เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพว่า “ทุ่นระเบิดไม่สามารถหยุดการรุกรานได้ ทุ่นระเบิดไม่สามารถเปลี่ยนผลลัพธ์ของสงครามได้ สิ่งที่ทุ่นระเบิดทำได้มีเพียงทำร้ายหรือพรากชีวิตประชาชนของตนเองเท่านั้น”
"ถึงเวลาแล้วที่อาวุธที่ไร้มนุษยธรรมเหล่านี้ต้องถูกกำจัดอย่างสมบูรณ์และไม่ถูกนำกลับมาใช้อีก เพื่อความปลอดภัย ศักดิ์ศรี และอนาคตของทุกคน รวมถึงเพื่อปกป้องและธำรงไว้ซึ่งคุณค่าของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล"