โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

หุ้น การลงทุน

ดอลลาร์แข็งค่า หลังพาวเวลล์ส่งสัญญาณไม่ลดดอกเบี้ยเดือน ก.ย.

ประชาชาติธุรกิจ

อัพเดต 15 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 15 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ดอลลาร์แข็งค่า หลังพาวเวลล์ส่งสัญญาณไม่ลดดอกเบี้ยเดือน ก.ย. และเป็นการตรึงดอกเบี้ยติดต่อกันเป็นครั้งที่ 5 แม้เฟดถูกกดดันจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ให้ปรับลดดอกเบี้ยลงก็ตาม

ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพ รายงานว่า ภาวะการณ์เคลื่อนไหวของตลาดปริวรรตเงินตราประจำวันที่ 28 กรกฎาคม-1 สิงหาคม 2568 ค่าเงินบาทเปิดตลาดวันอังคาร (29/7) ที่ระดับ 32.47/49 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ปรับตัวอ่อนค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ (25/7) ที่ระดับ 32.36/37 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

โดยดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลัก หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐประกาศว่า สหรัฐได้บรรลุข้อตกลงการค้ากับสหภาพยุโรป (EU) แล้ว โดยจะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจาก EU ในอัตรา 15% ลดลงจากก่อนหน้านี้ที่ขู่ว่าจะเรียกเก็บในอัตรา 30% หลังการเจรจาระดับสูงกับอัวร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) เมื่อวันอาทิตย์ (27/7) ที่ผ่านมา

และในวันจันทร์ (28/7) ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า เขาจะประกาศใช้ภาษีศุลกากรพื้นฐานในอัตรา 15%-20% สำหรับสินค้านำเข้าทั้งหมดที่เข้ามายังสหรัฐ จากประเทศที่ยังไม่ได้ทำข้อตกลงการค้ากับสหรัฐ ซึ่ง ปธน.ทรัมป์กล่าวที่เมืองเทิร์นเบอร์รี่ ประเทศสกอตแลนด์ว่า สหรัฐไม่สามารถมานั่งเจรจาข้อตกลง 200 ฉบับกับทุกประเทศได้ ดังนั้น อัตราภาษีน่าจะอยู่ในช่วง 15% ถึง 20%

อย่างไรก็ดี อัตราภาษีพื้นฐานที่ระดับ 15%-20% ที่ ปธน.ทรัมป์กล่าวนั้นสูงกว่าระดับ 10% ที่เขาเคยประกาศไว้ในเดือน เม.ย.

ด้านตัวเลขทางเศรษฐกิจในคืนวันจันทร์ (28/7) ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาดัลลัส เปิดเผยผลสำรวจระบุว่า ดัชนีชี้วัดกิจกรรมในภาคการผลิตของรัฐเท็กซัสปรับตัวขึ้นสู่ระดับ +0.9 ในเดือน ก.ค. จากระดับ -12.7 ในเดือน มิ.ย.

ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตราส 2/2568 โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 3.0% ในไตรมาสดังกล่าว สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 2.3% และดีกว่ามาก เมื่อเทียบกับการหดตัว 0.5% ในไตรมาส 1/2568 ซึ่งเป็นการหดตัวครั้งแรกในรอบ 3 ปี

นอกจากนี้ ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) ได้เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้น 104,000 ตำแหน่งในเดือน ก.ค. สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 64,000 ตำแหน่ง หลังจากลดลง 23,000 ตำแหน่งในเดือน มิ.ย.

เฟดมีมติตรึงดอกเบี้ย

ในด้านของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุม (31/7) ตามการคาดการณ์ของตลาด โดยเป็นการตรึงอัตราดอกเบี้ยติดต่อกันเป็นครั้งที่ 5 แม้เฟดถูกกดดันจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงก็ตาม

อย่างไรก็ดี คณะกรรมการ FOMC มีมติด้วยคะแนนเสียง 9-2 ในการตรึงอัตราดอกเบี้ยในวันนี้ โดยกรรมการ 9 รายลงมติให้คงอัตราดอกเบี้ย ส่วนอีก 2 รายคือนางมิเชล โบว์แมน และนายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ ซึ่งต่างก็เป็นสมาชิกคณะกรรมการผู้ว่าการเฟด และมีความเห็นสนับสนุนให้เฟดลดอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากมองว่าเงินเฟ้ออยู่ภายใต้การควบคุม และตลาดแรงงานอาจเริ่มอ่อนแอในไม่ช้า

ซึ่งถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2536 ที่คณะกรรมการ FOMC เสียงแตกโดยมีสมาชิกงดออกเสียงมากกว่า 1 รายในการประชุมกำหนดนโยบายการเงิน ทั้งนี้คณะกรรมการ FOMC ที่เข้าประชุมมีเพียง 11 รายจากทั้งหมด 12 ราย เนื่องจากนางอาเดรียนา คุกเลอร์ หนึ่งในสมาชิกคณะกรรมการผู้ว่าการเฟด ได้ขาดการประชุมในครั้งนี้

ทางด้านของสงครามการค้า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐประกาศว่า สหรัฐได้บรรลุข้อตกลงการค้ากับเกาหลีใต้แล้ว โดยสหรัฐจะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากเกาหลีใต้ในอัตรา 15% ลดลงจากระดับ 25% ที่เขาได้ประกาศไว้ในช่วงต้นเดือน ก.ค.

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ปธน.ทรัมป์โพสต์ข้อความบนทรูธ โซเชียล (Truth Social) ในวันพุธ (30/7) โดยระบุว่า เกาหลีใต้จะให้เงิน 3.50 แสนล้านดอลลาร์ สำหรับการลงทุนที่ “เป็นเจ้าของโดยสหรัฐ และควบคุมโดยสหรัฐ” และเป็นการลงทุนที่เขาเป็นผู้เลือก ขณะเดียวกันเกาหลีใต้จะซื้อก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) และผลิตภัณฑ์พลังงานอื่น ๆ ของสหัฐ มูลค่า 1 แสนล้านดอลลาร์

ทั้งนี้นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของเฟดและเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือน ก.ค.ในวันศุกร์ (1/8) นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานเพิ่มขึ้นเพียง 108,000 ตำแหน่งในเดือน ก.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 147,000 ตำแหน่งในเดือน มิ.ย.

ไทยปิดดีลสหรัฐ ถูกเก็บภาษี 19%

สำหรับปัจจัยภายในประเทศนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Traiffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้า จากสินค้าของไทยในอัตรา 19% ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป

โดยนายจิรายุกล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ต่ำกว่าอัตราเดิม 36% และเกาะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้

ขณะที่นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลังระบุว่า การประกาศ Tariff rate ที่ 19% สะท้อนถึงมิตรภาพและความเป็นพันธมิตรที่แน่นแฟ้นระหว่างไทย-สหรัฐ ช่วยให้ไทยยังคงแข่งขันได้ในเวทีโลก สร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุน และเปิดประตูสู่การขยายตัวทางเศรษฐกิจ รายได้ และโอกาสใหม่ ๆ ให้กับประเทศไทย ซึ่งผลการเจรจาครั้งนี้เป็นสัญญาณให้ประเทศไทยต้องเร่งปรับตัว เดินหน้าสร้างเศรษฐกิจที่มั่นคง แข็งแกร่ง และพร้อมรับมือกับความท้าทายของโลกในอนาคต

นอกจากนี้ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้ประเมินภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปี 2568 โดยคาดการณ์ว่าส่งออกจะช่วยหนุนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตดีขึ้นเล็กน้อยที่ 1.5% จากเดิม 1.4% ท่ามกลางการท่องเที่ยวที่โตต่ำกว่าคาด โดยได้ปรับมุมมองการส่งออกไทยในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 ดีขึ้นกว่าเดิม ซึ่งคาดว่าจะหดตัวลดลงมาอยู่ที่ -7.4% YOY และการส่งออกไทยทั้งปี 2568 ปรับสูงขึ้นมาอยู่ที่ 3.4% เพิ่มขึ้นจากประมาณการก่อนหน้าที่ 1.5%

ทั้งนี้ การส่งออกไทยในครึ่งปีหลังที่ยังหดตัว เป็นผลจากการเร่งส่งออกสูงในช่วงครึ่งปีแรกที่ขยายตัวถึง 15.0% YOY ประกอบกับมีปัจจัยฐานการส่งออกทองคำที่สูงในครึ่งหลังของปี 2567 อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจไทยเผชิญปัจจัยกดดันที่เพิ่มขึ้นจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยคาดว่าในปี 2568 จะลดลงจากประมาณการเดิมมาอยู่ที่ราว 32.2 ล้านคน ซึ่งเป็นการหดตัวครั้งแรกในรอบ 5 ปีจากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ยังคงไม่กลับมา ประกอบกับ สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา รวมถึงการเบิกจ่ายงบประมาณที่อาจต่ำกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้านี้

ทั้งนี้ในระหว่างสัปดาห์ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 32.33-32.85 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดในวันศุกร์ (1/8) ที่ระดับ 32.83/85 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

เงินยูโรปรับตัวอ่อนค่า

เงินยูโร

สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินยูโร เปิดตลาดวันอังคาร (29/7) 1.1587/90 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร ปรับตัวอ่อนค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ (25/7) ที่ระดับ 1.1736/37 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร จากการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐ โดยค่าเงินยูโรได้รับแรงกดดันจากการที่ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐออกมาดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ รวมถึงสำนักงานสถิติแห่งชาติเยอรมนี (Destatis) เปิดเผยข้อมูลเบื้องต้นในวันพุธ (30/7) ว่า เศรษฐกิจเยอรนีในไตรมาสที่ 2/2568 หดตัวลง 0.1% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QOQ)

ตัวเลขดังกล่าวสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และถือเป็นการชะลอตัวลงอย่างชัดเจนจากไตรมาสแรกที่เศรษฐกิจขยายตัว 0.3% แม้ว่าสำนักงานสถิติยุโรป (Eurostat) เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของยูโรโซนประจำไตรมาส 2 ของปีนี้ ขยายตัว 0.1% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะไม่เปลี่ยนแปลง

และเมื่อเทียบเป็นรายปีแล้ว GDP ยูโรโซนปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.4% ดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 1.2% โดยตัวเลขดังกล่าวได้รับแรงหนุนจากเศรษฐกิจสเปน ฝรั่งเศส และไอร์แลนด์ ขณะที่ได้แรงกดดันจากเศรษฐกิจเยอรมนีและอิตาลีซึ่งแผ่วลง

นอกจากนี้การที่เศรษฐกิจยูโรโซนเติบโตได้ดีกว่าที่ตลาดกังวล ยังสะท้อนให้เห็นว่าภาคธุรกิจกำลังปรับตัวเข้ากับความไม่แน่นอนทางการค้าได้ดีขึ้น ซึ่งอาจทำให้ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ไม่ต้องลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมแล้ว ทั้งนี้ระหว่างสัปดาห์ค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 1.1399-1.1772 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร และปิดตลาดในวันศุกร์ (1/8) ที่ระดับ 1.1403/06 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร

เยนปรับตัวอ่อนค่า

สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินเยน เปิดตลาดวันอังคาร (29/7) ที่ระดับ 148.54/58 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ ปรับตัวอ่อนค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ (25/7) ที่ระดับ 147.84/85 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ จากการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐ โดยค่าเงินเยนได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐ

เงินเยน

นอกจากนี้ในช่วงบ่ายวันพฤหัสบดี (31/7) นายคาซูโอะ อุเอดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ได้จัดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนหลังเสร็จสิ้นการประชุม โดยคณะกรรมการ BOJ มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.5% ตามคาด และได้ปรับเพิ่มคาดการณ์เงินเฟ้อสำหรับปีงบประมาณ 2568 ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่า BOJ มีมุมมองบวกว่าการบรรลุข้อตกลงการค้ากับสหรัฐ จะช่วยให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นสามารถหลีกเลี่ยงการชะลอตัวลงอย่างรุนแรงได้

ทั้งนี้ BOJ คาดการณ์ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่นับรวมราคาอาหารสด จะปรับตัวขึ้น 2.7% ในปีงบปะมาณ 2568 เทียบกับก่อนหน้านี้ที่คาดว่าดัชนี CPI พื้นฐานจะเพิ่มขึ้น 2.2% ขณะเดียวกันคาดว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นจะขยายตัว 0.6% ในปีงบประมาณ 2568 เทียบกับที่คาดการณ์ไว้ในเดือน เม.ย.ว่าเศรษฐกิจจะขยายตัว 0.5% ทั้งนี้การเคลื่อนไหวของค่าเงินเยนอยู่ในกรอบระหว่าง 147.49-150.91 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดในวันศุกร์ (1/8) ที่ระดับ 150.44/46 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ดอลลาร์แข็งค่า หลังพาวเวลล์ส่งสัญญาณไม่ลดดอกเบี้ยเดือน ก.ย.

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ประชาชาติธุรกิจ

บดินทร์ บุญวิสุทธิ์ ‘เมโทร กรุ๊ป’ สยายปีก รับโอกาสใหม่

46 นาทีที่แล้ว

3 รัฐวิสาหกิจไทย รับสมัคร "บิ๊กบอส" คนใหม่ สิงหาคม 2568

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ราชกิจจาฯ ประกาศกำหนดแบบใบสั่งจราจร 2568 เริ่มใช้ 4 ส.ค. นี้

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ตลาดเก๋งเล็กไฮบริดแข่งดุ โตโยต้าดัน ‘ยาริสเอทีฟHEV’

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความหุ้น การลงทุนอื่น ๆ

PTTEP กำไรไตรมาส 2 อ่อนตัว แต่เงินสดแน่น!

The Bangkok Insight

อัปเดตมุมมองหุ้น ‘ช.การช่าง’ BEM และ CKP ช่วยดันกําไร

The Bangkok Insight

ราคาทองวันนี้ 2 ส.ค. ประกาศครั้งเดียว! ทะยาน 250 บาท

The Bangkok Insight

ราคาทอง 2 ส.ค. เปิดตลาดปรับขึ้น 250 บาท อัปเดตราคาล่าสุด

The Better

‘ดาวโจนส์’ ปิดตลาดร่วงกว่า 500 จุด กังวลเศรษฐกิจซบเซา-จ้างงานอ่อนแอ

The Bangkok Insight

เช็ก! 7หุ้นดีเลิศ..เดือนส.ค.

หุ้นวิชั่น

เอสซีบี เอกซ์ กวาดกำไรครึ่งปี 2.5 หมื่นล้านบาท

The Bangkok Insight

ราคาทองคำโลกพุ่งขึ้นแรง คาดเฟดลดดอกเบี้ย หลังจ้างงานสหรัฐต่ำ

กรุงเทพธุรกิจ

ข่าวและบทความยอดนิยม

ดอลลาร์แข็งค่า หลังพาวเวลล์ส่งสัญญาณไม่ลดดอกเบี้ยเดือน ก.ย.

ประชาชาติธุรกิจ

ภาษีสหรัฐ 19% บิ๊กเอกชนสะท้อนมุมมองบวก 'หนุนส่งออก-ดึงดูดต่างชาติลงทุน'

ประชาชาติธุรกิจ

ก.ล.ต. สั่งปรับ 65.9 ล้าน "ปรีชา ใคร่ครวญ กับพวก" 6 ราย ร่วมกันปั่นหุ้น UREKA

ประชาชาติธุรกิจ
ดูเพิ่ม
Loading...