Market Alert 05-08-2568
ภาษีการค้าทรัมป์เริ่มใช้วันที่ 7 ส.ค. เงินเฟ้อพุ่ง บวกต่อราคาทองระยะยาว
แคนาดาสวิตเซอร์แลนด์ ไต้หวัน เผชิญภาษีทรัมป์สูง
ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ปรับปรุงอัตราภาษีนำเข้าสำหรับประเทศคู่ค้า 69 ประเทศ จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคม 2568
ประเทศคู่ค้าสำคัญของสหรัฐฯ ที่เจอการตั้งกำแพงภาษีการค้าทรัมป์ ได้แก่ แคนาดาอัตรา 35% สวิตเซอร์แลนด์อัตรา 39% ไต้หวันอัตรา 20%
ประเทศกลุ่ม BRICS ที่แสดงท่าทีต่อต้านทรัมป์ ทำให้เผชิญกับอัตราภาษีนำเข้าที่สูง ได้แก่ แอฟริกาใต้อัตรา 30% อินเดียอัตรา 25% ทรัมป์ขึ้นภาษีนำเข้าจากบราซิล 50% เพื่อตอบโต้กรณีที่บราซิลดำเนินคดีกับอดีตประธานาธิบดีฌาอีร์ โบลโซนาโร แต่ยกเว้นสินค้าส่งออกสำคัญของบราซิลหลายรายการที่ส่งมายังสหรัฐฯ รวมทั้งเครื่องบินพลเรือน เหล็กดิบ โลหะมีค่า เยื่อไม้ พลังงาน ปุ๋ย น้ำส้ม เป็นต้น
ประเทศชาติพันธมิตรของสหรัฐฯ ที่ดีลการค้าได้สำเร็จ มีอัตราภาษีนำเข้าเท่ากันที่ 15% คือ EU ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้
เม็กซิโกได้รับการขยายระยะเวลาออกไปอีก 90 วัน ขณะที่ผู้แทนเจรจาการค้ายังคงดำเนินการเจรจาต่อไป
ภาษีทรัมป์ เงินเฟ้อพุ่ง บวกต่อราคาทองในระยะยาว
ฮั่วเซ่งเฮงคาดการณ์ว่าการตั้งกำแพงภาษีของทรัมป์ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคม 2568 ทำให้เงินเฟ้อของสหรัฐฯ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และมีความเสี่ยงที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัวลง ทำให้มีแรงซื้อทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยงของเศรษฐกิจ เนื่องจากอัตราภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ จะสูงขึ้น ทางฟิทช์ เรทติ้งส์ (Fitch Ratings) คาดการณ์ว่าอัตราภาษีนำเข้าที่แท้จริง (Effective Tariff Rate) ของสหรัฐฯ จะเพิ่มขึ้นเป็น 17% จาก 2.3% ในปี 2567 ทั้งนี้ต้องติดตามว่าทรัมป์จะตัดสินใจว่าจะขยายการพักรบทางการค้ากับจีน ซึ่งจะหมดอายุในวันที่ 12 สิงหาคมหรือไม่ ซึ่งจะมีผลต่อทิศทางราคาทองคำในระยะต่อไป
อัตราภาษีนำเข้าที่แท้จริง (Effective Tariff Rate) ของสหรัฐฯ
ราคาทองคำ Spot