โคเปนเฮเกน อันดับ 1 เมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลก กรุงเทพฯ ที่ 116 เชียงใหม่ 130 จาก 173 อันดับ

เผยแพร่ 5 ชั่วโมงที่ผ่านมา

คเปนเฮเกน ของเดนมาร์ก ได้แซงหน้าเวียนนาขึ้นสู่อันดับหนึ่งในการจัดอันดับของ EIU ได้ประเมินเมืองต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเมืองหลวง และเมืองใหญ่ของแต่ละประเทศ 173 เมืองทั่วโลก โดยกรุงเทพฯ ของไทยอยู่ที่อันดับ 116

เมืองน่าอยู่ ระบบขนส่งดี อำนวยความสะดวกคนอาศัยต่างก็เป็นเมืองที่ใครๆ อยากอยู่ และการจัดอันดับล่าสุดเรื่องเมืองน่าอยู่ของ The Economist Intelligence Unit (EIU) ได้ประกาศออกมาแล้ว โดยเมืองของไทยอย่างกรุงเทพฯ และเชียงใหม่ มีอันดับดีขึ้น แต่ก็ยังอยู่ในอันดับที่ไม่ได้ดีมากนัก

การจัดอันดับของ EIU ได้ประเมินเมืองต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเมืองหลวง และเมืองใหญ่ของแต่ละประเทศ 173 เมืองทั่วโลก ใน 30 ตัวชี้วัด แบ่งออกเป็น 5 หมวดหมู่ ได้แก่ เสถียรภาพ การดูแลสุขภาพ วัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม การศึกษา และโครงสร้างพื้นฐาน โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อแสดงให้เห็นว่าเมืองเหล่านี้น่าอยู่เพียงใด ซึ่งปีนี้โคเปนเฮเกน ของเดนมาร์ก ได้แซงหน้าเวียนนาขึ้นสู่อันดับหนึ่งในการจัดอันดับล่าสุด ทำลายสถิติเมืองน่าอยู่ 3 ปีซ้อนของเวียนนาได้

โดยโคเปนเฮเกน ได้คะแนนรวมทั้งหมด 98 คะแนนเต็ม 100 และได้ 100 คะแนนใน 3 หมวดหมู่จาก 5 หมวดหมู่ ได้แก่ เสถียรภาพ การศึกษา และโครงสร้างพื้นฐาน แต่ได้คะแนนน้อยสุดในหมวด วัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อมที่ 95.4 คะแนน ส่วนอันดับสองคือเวียนนาที่อันดับตกลงมา โดยปีที่ผ่านมาคะแนนด้านเสถียรภาพของกรุงเวียนนาลดลงอย่างรวดเร็ว เนื่องมาจากภัยคุกคามจากระเบิดในช่วงก่อนการแสดงคอนเสิร์ตของเทย์เลอร์ สวิฟต์ ที่ต่อมาถูกประกาศยกเลิก ในช่วงฤดูร้อนปี 2024 และการพบแผนโจมตีสถานีรถไฟในเมืองในปี 2025 ทำให้เวียนนากลายเป็นอันดับสองร่วมกับเมืองซูริก ของสวิตเซอร์แลนด์ ขณะที่อันดับ 4 เป็นของเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย และเจนีวา ประเทศสวิสเซอแลนด์ในอันดับ 5

โดยใน 10 อันดับแรกนั้น มีเมืองจากเอเชียแห่งเดียวคือ โอซาก้า ของญี่ปุ่นนอันดับที่ 7 และยังมีเมืองของออสเตรเลียติดถึง 3 เมือง ได้แก่ เมลเบิร์น (อันดับ 4), ซิดนีย์ (อันดับ 6) และแอดิเลด (อันดับ 9)

ขณะที่เมืองที่อยู่ในอันดับสุดท้าย หรือน่าอยู่น้อยที่สุดจาก 173 เมืองในการสำรวจได้แก่ ดามัสกัส ของซีเรีย โดยได้เพียง 30.7 คะแนน จาก 100 ซึ่งแม้จะมีการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองเมื่อปีที่แล้ว แต่เมืองหลวงของซีเรียยังคงได้รับผลกระทบจากสงครามกลางเมืองมาหลายปี และไม่ได้เห็นการพัฒนาที่ดีขึ้นในด้านความน่าอยู่ เช่นเดียวกับตริโปลี ของลิเบีย ที่อยู่อันดับสูงกว่าดามัสกัส 1 อันดับ ก็ไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงเช่นกัน จึงยังคงอยู่อันดับ 172 โดยทำให้ส่วนใหญ่เมืองที่น่าอยู่น้อยที่สุดมักอยู่ในภูมิภาคตะวันออกกลาง เอเชียใต้ และแอฟริกา

สำหรับประเทศไทย กรุงเทพอยู่ในอันดับที่ 116 ด้วยคะแนน 69.4 และเชียงใหม่อยู่อันดับ 130 กับคะแนน 63.8 ซึ่งทั้งสองเมืองอยู่ในอันดับ 3 ของเมืองที่เลื่อนอันดับขึ้นมากที่สุด โดยขยับขึ้นมาถึง 6 อันดับทั้งคู่ และได้คะแนนพิ่มขึ้นถึง 2.5 คะแนน แต่คะแนนนั้นยังอยู่ในระดับที่ปัจจัยลบมีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของคนในเมืองนั้นๆ

คะแนนเฉลี่ยความน่าอยู่อาศัยใน 173 เมืองในดัชนีของปีนี้ ถือว่าเท่ากับปีที่แล้วที่ 76.1 จาก 100 คะแนน คะแนนเสถียรภาพลดลงโดยเฉลี่ยเช่นเดียวกับปีที่แล้ว แต่ผลกระทบนี้ถูกชดเชยด้วยคะแนนด้านการศึกษา การดูแลสุขภาพ และโครงสร้างพื้นฐานที่เพิ่มขึ้น ทั้งยุโรปตะวันตกยังคงเป็นภูมิภาคที่มีผลการดำเนินงานด้านความน่าอยู่สูงสุด โดยได้รับคะแนนสูงสุดในสี่จากห้าหมวดหมู่ และมีเพียงอเมริกาเหนือเท่านั้นที่ทำได้ดีกว่าในด้านการศึกษา อย่างไรก็ตาม คะแนนด้านเสถียรภาพของภูมิภาคนี้ลดลงตั้งแต่ปี 2024 ท่ามกลางภัยคุกคามจากการก่อการร้าย การจลาจล และการโจมตีต่อต้านชาวยิวที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งมากขึ้น

ข่าวที่เกี่ยวข้อง