‘ธุรกิจเดินรถไฟฟ้า’ คาดโตต่อ ผู้คนใช้รถไฟฟ้ามากขึ้น?
หุ้นวิชั่น
อัพเดต 1 วันที่แล้ว • เผยแพร่ 4 ชั่วโมงที่ผ่านมา • HoonVision | หุ้นวิชั่น - หุ้น ข่าวหุ้น หุ้นไทยวันนี้ หุ้นวันนี้ หุ้นเด่น วิเคราะห์หุ้น ธุรกิจ การเงิน เศรษฐกิจ การลงทุน ดัชนีราคาหุ้นหุ้นวิชั่น - Krungthai COMPASS ระบุว่า ในปี 2568-69 รายได้ของธุรกิจเดินรถไฟฟ้ามีแนวโน้มขยายตัวที่ 9.5%YoY และ 15.9%YoY ตามลำดับ ทั้งนี้ประเมินว่าจำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้าในปี 2568-69 จะมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง มาอยู่ที่ประมาณ 394.1 และ 450.2 ล้านทริป ตามลำดับ โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจาก
1) การเติบโตของจำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้าสายใหม่ๆ เช่น สายสีเหลือง สายสีชมพู ที่มีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งจะช่วยดึงผู้โดยสารจากกรุงเทพฯ ชั้นนอก และปริมณฑล เข้ามายังพื้นที่ชั้นใน และส่งต่อผู้โดยสารมายังเส้นหลักอย่างสายสีเขียว และสายสีน้ำเงิน รวมถึงยังมีแรงหนุนจากจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นจากส่วนต่อขยายของสายสีชมพู (ศรีรัช-เมืองทองธานี)
นอกจากนี้ ยังได้อานิสงส์จากการเปลี่ยนพฤติกรรมการเดินทางรูปแบบอื่นมาสู่การเดินทางด้วยรถไฟฟ้ามากขึ้น โดยเฉพาะการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะ อาทิ รถเมล์ และแท็กซี่ ที่มีจำนวนผู้ใช้บริการลดลงอย่างมีนัยสำคัญ หลังการขยายเส้นทางรถไฟฟ้าที่ครอบคลุมมากขึ้น
2) จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ยังอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับช่วงโควิด โดยคาดว่า ในปี 2568-69 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทย 33.5 และ 35.5 ล้านคน ตามลำดับ รวมทั้งการยกเลิกมาตรการ Work From Home ของหลายองค์กร จะมีส่วนช่วยให้จำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้าเพิ่มขึ้น
3) นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายของรัฐบาลที่คาดว่าจะเริ่มใช้ในวันที่ 1 ต.ค. 2568 ซึ่งจูงใจให้ประชาชนหันมาเดินทางโดยรถไฟฟ้ามากขึ้น ขณะที่ราคาค่าโดยสาร (ราคาที่ยังไม่มีการอุดหนุนจากภาครัฐ) ยังคงมีแนวโน้มเติบโต เนื่องจากมีการขยายโครงข่ายรถไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ผู้โดยสารมีแนวโน้มที่จะเดินทางในระยะที่ไกลขึ้น (จำนวนสถานีมากขึ้น) อีกทั้งผู้ประกอบการยังสามารถปรับขึ้นราคาค่าโดยสารได้ตามเงื่อนไขของสัมปทาน
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจยังมีความเสี่ยงจาก
1) ราคาค่าไฟฟ้าที่ยังอยู่ในระดับสูง โดยคาดว่า ในปี 2568-69 ค่าไฟฟ้าจะสูงกว่าช่วงก่อนโควิดราว 6%-10%
2) พฤติกรรมของคนไทยที่ยังนิยมใช้ยานพาหนะส่วนตัว โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งอาจกดดันการเติบโตของจำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้าในระยะยาว แม้จะมีการขยายเส้นทางเดินรถไฟฟ้าและอุดหนุนราคาค่าโดยสารแล้วก็ตาม ทั้งนี้ ลักษณะของสัญญาสัมปทานที่แตกต่างกันในรถไฟฟ้าแต่ละสาย ยังส่งผลให้ระดับความเสี่ยงทางธุรกิจแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ
3) ความล่าช้าในการดำเนินโครงการ (Project Delay) ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้จากขั้นตอนต่างๆ เช่น การอนุมัติโครงการ กระบวนการเปิดประมูล การก่อสร้าง เป็นต้น ซึ่งอาจกระทบต่อช่วงเวลาในการรับรู้รายได้ของผู้ประกอบการสำหรับโครงการในอนาคต
ภาครัฐยังมีแผนผลักดันธุรกิจเดินรถไฟฟ้าอย่างต่อเนื่องจากเป็นธุรกิจที่ใช้พลังงานสะอาด โดยรถไฟฟ้า 1 ขบวน สามารถลดการปล่อย CO2 เทียบเท่าการใช้รถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) ราว 600 คัน โดยภาครัฐตั้งเป้าที่จะขยายโครงข่ายรถไฟฟ้าเป็น 33 เส้นทาง รวมระยะทางกว่า 553.4 กิโลเมตร ภายในปี 2573