"แรงงาน" แห่กลับบ้านสะเทือนเศรษฐกิจ "กัมพูชา"
แรงงานกัมพูชาแห่เดินทางกลับประเทศผ่านจุดผ่านแดนต่างๆ ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นับตั้งแต่สถานการณ์ตึงเครียดระหว่างไทยกับกัมพูชาทวีความรุนแรงขึ้น จนกลายเป็นเหตุปะทะเมื่อปลายเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งข้อตกลงหยุดยิงไม่สามารถผ่อนคลายบรรยากาศความกังวลนี้ลงได้
ชาวกัมพูชาที่อพยพกลับประเทศในช่วงนี้บางคน ระบุว่า ไม่ต้องการเป็นแรงงานกลุ่มสุดท้ายที่ยังอยู่ในไทย หลังจากแรงงานจำนวนมากทยอยเดินทางกลับไปแล้ว ก่อนหน้านี้ตามการร้องขอของรัฐบาลกัมพูชาและความกังวลต่อความปลอดภัย ทำให้เหลือชาวกัมพูชาน้อยลงเรื่อยๆ
ขณะที่แรงงานส่วนใหญ่กลัวความไม่แน่นอนของสถานการณ์ ซึ่งไม่รู้ว่าเหตุรุนแรงจะจบลงเมื่อไหร่ รวมทั้งกังวลข่าวการทำร้ายชาวกัมพูชาในไทย ท่ามกลางกระแสความเกลียดชังที่ถูกโหมกระพือจากข่าวลวง ข่าวปลอมและการบิดเบือนข้อมูลต่างๆ ไปจนถึงข่าวลือเรื่องที่รัฐบาลกัมพูชาเตรียมยึดที่ดินและถอนสัญชาติชาวกัมพูชาที่ไม่ยอมกลับประเทศภายในช่วงกลางเดือน ส.ค.นี้
ข้อมูลจากองค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (IOM) เมื่อปี 2019 ชี้ว่า ผู้อพยพชาวกัมพูชาในไทย 6 ใน 7 คน ส่งเงินกลับไปให้ครอบครัวที่กัมพูชา ตกคนละตั้งแต่ 10,000 บาท ไปจนถึงสูงสุดมากกว่า 100,000 บาทต่อปี ซึ่งค่าเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 40,000 บาทต่อคนต่อปี
ขณะที่รายงาน UN เมื่อปี 2024 ระบุว่า ชาวกัมพูชาในไทยส่งเงินกลับประเทศประมาณ 20,000 ล้านบาทในปี 2022 ซึ่งตัวเลขนี้ประเมินจากแรงงานที่ขึ้นทะเบียนตามกฎหมายและมีข้อมูลชัดเจนเท่านั้น แต่ตัวเลขจริงๆ อาจสูงกว่านี้มาก เพราะหลายคนมักใช้วิธีฝากเงินกลับบ้าน หรือใช้ช่องทางที่ไม่ใช่ทางการ รวมทั้งไม่สามารถระบุจำนวนแรงงานกัมพูชาในไทยที่แน่ชัดได้
ข้อมูลทางการไทยเมื่อปี 2024 ชี้ว่า มีแรงงานกัมพูชาถูกกฎหมายในไทยกว่า 490,000 คน แต่ทางการกัมพูชาประเมินว่าตัวเลขจริงๆ อาจอยู่ที่ประมาณ 1.2 ล้านคน โดยโฆษกกระทรวงแรงงานกัมพูชา ระบุว่า นับตั้งแต่เกิดเหตุรุนแรงตามแนวชายแดน มีชาวกัมพูชากลับประเทศไปแล้วกว่า 910,000 คน
แม้รัฐบาลกัมพูชาจะประกาศมาตรการช่วยเหลือแรงงานที่เดินทางกลับจากไทย ทั้งการจัดหางาน จัดฝึกอบรมเพิ่มทักษะ สนับสนุนการเงินและลดภาระหนี้ แต่การไหลทะลักของแรงงานกลับประเทศส่งผลกระทบรุนแรงต่อเศรษฐกิจกัมพูชาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
อย่างอัตราการว่างงาน ซึ่งอาจเพิ่มสูงขึ้น โดยแรงงานที่กลับจากไทยในช่วงนี้มีมากถึง 1 ใน 10 ของประชากรวัยทำงานทั้งประเทศ 9 ล้านคน แรงงานกลุ่มนี้จะไปทำงานที่ไหน แม้ว่ารัฐบาลจะร้องขอให้บริษัทห้างร้านจ้างงานชาวกัมพูชาที่กลับจากไทยก็ตาม ขณะที่วิกฤตหนี้ในกัมพูชา ซึ่งลากยาวมาตั้งแต่ยุคโควิด-19 เป็นอีกโจทย์ใหญ่ที่แก้ได้ยาก ซึ่งการขาดรายได้และปัญหาการว่างงานย่อมส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ไปทั้งระบบ
ชาวกัมพูชาถือว่ามีบทบาทสำคัญอย่างมากในตลาดแรงงานไทย โดยมากกว่า 1 ใน 3 ของแรงงานกัมพูชาถูกกฎหมายในไทยทั้งหมด ทำงานในภาคการก่อสร้าง ตามมาด้วยภาคการผลิต เช่น ในโรงงานแปรรูปอาหารและสิ่งทอ ขณะที่แรงงานมากกว่า 60,000 คนทำงานในธุรกิจค้าปลีก ตามด้วยภาคเกษตรกรรม บริการและประมง แต่ตัวเลขเหล่านี้เปลี่ยนแปลงขึ้นลงได้ ซึ่งตามปกติตัวเลขแรงงานในภาคการประมงจะมีสัดส่วนสูงกว่านี้
แรงงานกัมพูชาเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยไม่ต่างจากในกัมพูชา ซึ่งแม้ธุรกิจไทยจะพยายามปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ในปัจจุบันที่มีแรงงานกัมพูชาขาดแคลน แต่การหาคนมาทำงานทดแทนตำแหน่งที่ว่างลงไม่ใช่เรื่อง เพราะต้องยอมรับว่างานหลายอย่างที่ชาวกัมพูชาทำเป็นงานที่คนไทยไม่ทำ ดังนั้นจึงพูดได้ว่าความขัดแย้งรุนแรงในครั้งนี้ทำให้ทั้งไทยและกัมพูชาล้วนต้องเจ็บตัวด้วยกันทั้งคู่
มีรายงานว่า ปัจจุบันมีแรงงานกัมพูชาที่กลับจากไทยได้งานทำแล้วประมาณ 60,000 คน ขณะที่อีกหลายหมื่นคนยื่นสมัครงานตามที่ต่างๆ แล้ว แต่ตำแหน่งงานจะมีมากพอรองรับแรงงานที่อพยพกลับกว่า 900,000 คนได้หรือไม่ เป็นงานหินที่รัฐบาลฮุน มาเนต ต้องเร่งหาทางแก้ไข ก่อนปัญหาจะบานปลายสะเทือนไปทั้งระบบ
อ่านข่าว
ทบ. แจงปมขอรับบริจาค "ลวดหนามหีบเพลง" เรื่องจำเป็นเร่งด่วน
ศบ.ทก.นำคณะสังเกตการณ์ลงอุบลฯ พรุ่งนี้ ถก RBC จันทบุรี-ตราด 16 ส.ค.