กต.แจงสมาชิกUNสู้เขมร ปลดล็อกแรงงานอยู่ยาว
"ศบ.ทก." ปลดล็อกปัญหาแรงงานต่างด้าวใบอนุญาตหมดอายุ ให้อยู่ต่อได้เป็นกรณีพิเศษจนกว่าสถานการณ์ชายแดนจะปกติ ไทยเดินเกมรุกโต้กลับเขมร ร่อนหนังสือถึงเลขาฯ ยูเอ็นให้แจงสมาชิกทั้ง 193 ชาติถึงจุดยืนต่อสู้ข้อพิพาท ด้าน “อดีต มทภ.2” งัดหลักฐานรั้ว "ปราสาทตาเมือนธม" นายพลกัมพูชาขออนุญาตทหารไทยเข้าพื้นที่ ชี้รั้วกั้นถูกรื้อยุคยิ่งลักษณ์หวังลดความตึงเครียด
เมื่อวันจันทร์ ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ในฐานะโฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) และนางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศ และรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงผลการประชุม ศบ.ทก.
พล.ร.ต.สุรสันต์กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยจะพิจารณาผ่อนผันแรงงานต่างด้าว ที่มีใบอนุญาตแต่หมดอายุและอยู่ในประเทศไทยให้อยู่ต่อได้เป็นกรณีพิเศษ โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมใดๆ จนกว่าด่านชายแดนจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ และภายหลังด่านเปิดเป็นปกติให้คนต่างด้าวเหล่านั้นเดินทางออกนอกราชอาณาจักรภายใน 14 วัน
“ขณะที่กระทรวงแรงงานจะออกมาตรการให้คนต่างด้าวสามารถยื่นคำขออนุญาตทำงานพร้อมเอกสารและหลักฐานการทำงานต่อในทะเบียนอนุญาต โดยสามารถทำงานได้ครั้งละ 90 วัน และต้องต่อใบอนุญาตอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันคนต่างด้าวที่มีงานทำอยู่แล้ว สามารถเปลี่ยนนายจ้างและเพิ่มนายจ้างได้ 3 รายตลอดระยะเวลา ในพื้นที่จังหวัดที่คนต่างด้าวนั้นได้รับอนุญาตทำงาน” พล.ร.ต.สุรสันต์ระบุ
พล.ร.ต.สุรสันต์กล่าวว่า จากผลการประชุมของคณะทำงานที่ผ่านมา กรมการจัดหางานจะนำผลการประชุมเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวในวันที่ 8 ก.ค. ก่อนที่จะนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาในโอกาสต่อไป โดยหากมีการประกาศของ ครม.จะมีผลย้อนหลังให้ถึงวันที่ 7 มิ.ย. 2568
นางมาระตีกล่าวว่า ตามที่ปรากฏรายงานข่าวในสังคมออนไลน์เมื่อ 1-2 วันที่ผ่านมา เกี่ยวกับหนังสือของเอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรกัมพูชาประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ถึงเลขาธิการสหประชาชาติ ลงเมื่อวันที่ 16 มิ.ย. 2568 แจ้งความประสงค์ของกัมพูชาที่จะฟ้องร้องเกี่ยวกับประเด็นชายแดนระหว่างไทยกับกัมพูชาต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ)
นางมาระตีระบุว่า กระทรวงการต่างประเทศได้สั่งการไปที่เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ให้มีหนังสือเช่นกันถึงเลขาธิการสหประชาชาติแล้ว เพื่อชี้แจงถึงข้อเท็จจริง ตลอดจนท่าทีและการดำเนินการของฝั่งไทยในเรื่องนี้เป็นไปตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ หลักสิทธิมนุษยชน หลักมนุษยธรรม
“และฝ่ายไทยได้ขอให้เลขาธิการสหประชาชาติเวียนหนังสือชี้แจงของไทยเป็นเอกสารของสำนักงานสหประชาชาติเพื่อให้สมาชิกสหประชาชาติทั้ง 193 ประเทศได้รับทราบเช่นกัน ยืนยันว่าไม่ได้นิ่งนอนใจและชี้แจงจุดยืนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และจุดยืนของรัฐบาลไทยคือ การแก้ไขปัญหาเขตแดนกับกัมพูชาด้วยสันติวิธีภายใต้พันธกรณี 2543 ที่ทั้งสองฝ่ายต้องแก้ไขปัญหาเขตแดนผ่านการเจรจาภายใต้กลไก JBC” นางมาระตีระบุ
พล.ท.กนก เนตระคะเวสนะ อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 และอดีตผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี เคยรับผิดชอบดูแลพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา กล่าวว่า เรายืนยันว่าทั้ง 3 ปราสาทนี้อยู่ในเขตประเทศไทย โดยยึดตามแผนที่ของกองทัพไทย คือแผนที่ 1 ต่อ 50,000 ซึ่งมีหลักฐานเป็นภาพถ่ายชัดเจน ในช่วงปี 2551 ได้มีรั้วกั้นแนวชายแดน โดยทหารไทยเป็นผู้ถือกุญแจเปิด-ปิดตามเวลา หากนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาจะขึ้นมาเที่ยวที่ปราสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ จะต้องมารับบัตรคิวก่อนผ่านขึ้นไปเที่ยวบนปราสาท
“ผมได้ถ่ายภาพร่วมกับ รมช.กลาโหมกัมพูชา และผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 4 ในสมัยนั้น ซึ่งได้ถ่ายภาพนี้ไว้ในวันที่ 13 ส.ค. 2551 ซึ่งยืนอยู่ที่รั้วทางขึ้นปราสาทตาเมือนธม ฝั่งประเทศไทย มีภาพของ พล.ท.เจีย มอญ ผบ.ภูมิภาคทหารที่ 4, พล.ต.กนก ผบ.กกล.สุรนารี (ยศในขณะนั้น), พล.อ.เนียง พาด รมช.กลาโหม และ พล.ต.สลัยดึ๊ก (ยศในขณะนั้น) ไว้เป็นหลักฐาน" พล.ท.กนกกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รั้วกั้นแนวชายแดนปราสาทตาเมือนธมถูกรื้อหลังการสู้รบปี 2554 เนื่องจากรัฐบาลขณะนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ มีนโยบายรื้อฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชา ลดความตึงเครียดชายแดน และส่งเสริมการท่องเที่ยว
ขณะที่เว็บไซต์ข่าว Khmer Times รายงานว่า มีแถลงการณ์อย่างเป็นทางการจากกระทรวงกลาโหม กัมพูชาสำหรับสื่อมวลชน ระบุช่วงหนึ่งว่า กัมพูชาขอยืนยันว่าปราสาทตาควาย ซึ่งตั้งอยู่บนภูเขาดังเร็ก ในหมู่บ้านมโนรม เซนเจย ชุมชนโคกขปอส อำเภอบันทายอัมปิล จังหวัดอุดรมีชัย อยู่ในดินแดนและอำนาจอธิปไตยของกัมพูชาทั้งหมด จุดยืนนี้ขึ้นอยู่กับแผนที่ที่ได้รับการรับรองทางกฎหมาย ซึ่งได้รับการยอมรับจากชุมชนระหว่างประเทศ เพื่อกำหนดความเป็นเจ้าของปราสาทตาควายอย่างชัดเจน ไทยต้องให้ความร่วมมือกับกัมพูชาในการนำคดีปราสาทตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด วัดตาควาย และพื้นที่ชายแดนสามจุดขึ้นสู่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ)
ที่รัฐสภา นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล สว. ในฐานะเลขานุการและโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การทหาร วุฒิสภา กล่าวถึงกรณีที่ได้มีการเชิญ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มาชี้แจงกรณีสถานสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เกี่ยวกับความมั่นคงตามแนวชายแดนไทยและกัมพูชา ว่ากำหนดไว้วันที่ 16 ก.ค. แต่สถานการณ์การเมืองเปลี่ยน ทำให้วันที่ 9 ก.ค.นี้จะมีการประชุมเพื่อกำหนดวันเชิญมาชี้แจงใหม่อีกครั้ง
ด้านนายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการด้านกฎหมาย ได้เขียนบทความเรื่อง “จุดจบวิกฤต ไทย-เขมร … พฤษภา-สิงหา 2565” ระบุช่วงหนึ่งว่า วิกฤตระบอบฮุน เซน เผด็จการฮุน เซน กำลังจะพังลงทั้งระบอบ ประชาชนยากแค้น นานาชาติเลิกคบ เศรษฐกิจใกล้ล้มละลาย จึงสร้างไทยเป็นศัตรู รุกล้ำดินแดน ให้คนเขมรเกลียดชัง เห็นลูกชายคือนายกฯ ฮุน มาเนต เป็นวีรบุรุษ น่าเชื่อว่าระบอบ ฮุน เซนอยู่ไม่ได้นาน แต่ต้องระวังแรงดิ้นเฮือกสุดท้ายโดยสร้างการประทะบริเวณชายแดน
นายแก้วสรรระบุด้วยว่า วิกฤตฮุน-ชิน ตระกูลชินติดหนี้บุญคุณตระกูลฮุน ลงทุนในเขมรไว้มาก ถึงขนาดตกลงสร้างพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล แบ่งสิทธิไทย-เขมรคนละครึ่งเพื่อให้สัมปทานร่วม และแบ่งนายหน้าจากบริษัทน้ำมัน ต่อมาตระกูลชินมีอำนาจขึ้นมาใหม่แล้ว แต่ทำไม่ได้ตามสัญญา ทวงแล้วเฉย จึงเกิดเหตุการณ์ต่อไปนี้เป็นลำดับ ฮุน เซนแล่นไปพบทักษิณทันทีที่ออกจากโรงพยาบาล ทักษิณขึ้นเวที NATION เสนอโครงการแบ่งน้ำมันอ่าวไทยคนละครึ่ง, กระแสค้านรุนแรงจนทำไม่ได้, อุ๊งอิ๊งไปพบเจรจาฮุน เซนที่บ้านแต่ไม่สำเร็จ, ฮุน เซนลงมือสั่งสอนเปิดคลิปแบล็กเมล์ต่างๆ นานา ล่าสุดมีข่าวอุ๊งอิ๊งได้โทร.คุยกับนาย เอมมานูเอล มาครง (ประธานาธิบดีฝรั่งเศส) เรื่องความร่วมมือไทย-ฝรั่งเศส เข้าใจว่ายืนยันกับประธานาธิบดีมาครงผ่านไปยังบริษัทน้ำมันฝรั่งเศส ว่า โครงการสัมปทานร่วมพลังงานอ่าวไทย ตระกูลฮุน-ชิน ยังเดินหน้าต่อ เป็นไปได้ว่าในที่สุดวิกฤตนี้จะหายไปเพราะระบอบฮุน เซน หรือระบอบทักษิณจะล้มไปก่อน
“วิกฤตการเมืองไทย ทักษิณคืนอำนาจด้วยดีลลับ ให้ลูกสาวเป็นนายกฯ หุ่นเชิด ต้องเติมนโยบายที่อยู่นอกเวทีหาเสียงหลายประการ เพื่อหวังเป็นรัฐบาลพรรคเดียวหลังการเลือกตั้งครั้งหน้าให้ได้ ทั้งหาเสียงแจกเงินหมื่น และหาเงินจากกาสิโนคอมเพล็กซ์ แต่ก็เกิดปัญหาจากวิกฤตอื่น ทั้งฮุน เซนปล่อยคลิป, ภูมิใจไทยได้จังหวะถอนตัว, ประชาชนชุมนุมขับไล่ จนศาลรัฐธรรมนูญสั่งพักงานอุ๊งอิ๊ง น่าเชื่อว่าทักษิณจะเจรจายอมพรรคส้มเรื่องนิรโทษกรรม 112 และตั้ง ส.ส.ร.เพื่อตั้งรัฐบาลสีแสด (แดง+ส้ม) แล้วขายชาติต่อไปให้จงได้” นายแก้วสรรระบุ.