ทั่วโลกเกิดอะไรขึ้นบ้างตลอดสัปดาห์นี้ 7-12 กรกฎาคม
ข่าวสำคัญสัปดาห์นี้ยังคงอยู่ที่การเรียกเก็บภาษีตอบโต้แบบเท่าเทียมของสหรัฐฯ ซึ่งสร้างความโกลาหลให้กับการเจรจากับหลายประเทศ ผู้นำในประเทศต่างๆ ออกมาแสดงความรู้สึกเชิงลบต่อจดหมายดังกล่าว และยังกล่าวว่าเป็นการเจรจาที่ไม่แน่นอน เนื่องจากไม่สามารถจับทางหลักการได้ว่าทรัมป์จะใช้เหตุผลอะไรในการต่อรองการค้า เพราะส่วนใหญ่เหตุผลการขึ้นภาษีดูจะตามใจเขามากกว่าเหตุผลทางเศรษฐกิจ
ในขณะเดียวกัน ภัยพิบัติทางธรรมชาติยังคงคุกคามหลายประเทศ ในสหรัฐอเมริกา เท็กซัสเผชิญกับน้ำท่วมรุนแรง และไม่มีการแจ้งเตือนให้ประชาชนทราบล่วงหน้า จึงทำให้มีผู้เสียชีวิตและผู้สูญหายจำนวนมาก
อีกภัยคุกคามประชาชนคือ ปัญหาเทคโนโลยี AI ในมาเลเซียมีคู่รักสูงวัยขับรถไปกว่า 3 ชั่วโมงเพื่อพบว่าถูกหลอกจากคลิปวิดีโอ AI ให้ไปเที่ยวในรัฐเปรัก ในขณะที่แชตบอต Grok ซึ่งเป็น AI ของแพลตฟอร์ม X ได้แสดงความคิดเห็นชื่นชมผู้นำนาซี และได้กล่าวเฉลิมฉลองให้กับการเสียชีวิตของเด็กๆ ในน้ำท่วมเท็กซัส ทำให้บริษัทต้องออกมาชี้แจงว่าได้ดำเนินการลบข้อความไม่เหมาะสมดังกล่าวแล้ว
ท่ามกลางความปั่นป่วนเหล่านี้ ยังมีแนวโน้มการแก้ปัญหาที่ดีจากเดนมาร์ก เมื่อรัฐบาลได้ขยายขอบเขตร่างกฎหมายลิขสิทธิ์เพื่อให้ประชาชนเป็นเจ้าของใบหน้า เสียง และอัตลักษณ์ตัวเอง หากมีคนนำอัตลักษณ์พวกเขาไปทำ AI หรือภาพ deepfake ก็สามารถฟ้องร้องให้แพลตฟอร์มลบออกจากโลกดิจิทัลได้
ยังมีเหตุการณ์อื่นๆ ที่เกิดขึ้นทั่วโลก ติดตามได้ในสรุปข่าวในสัปดาห์นี้
US Tariffs
ทรัมป์ส่งจดหมายเตือนเก็บภาษีทั่วโลก
หลายประเทศคิดว่าการเจรจาไม่มีความแน่นอน เพราะขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของทรัมป์คนเดียว
ทรัมป์ทยอยเผยจดหมายเตือนการเก็บภาษีตอบโต้แบบเท่าเทียม (reciprocal tariff) ในหลายประเทศ โดยกำหนดเก็บภาษีนับตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคมเป็นต้นไป ผู้นำต่างออกมาวิจารณ์เนื้อหาในจดหมายดังกล่าว บางประเทศไม่พอใจที่ไม่มีการส่งจดหมายถึงรัฐบาลอย่างเป็นทางการ แต่โพสต์ร่างจดหมายผ่านโซเชียลมีเดียส่วนตัวของทรัมป์
ชิเงรุ อิชิบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นกล่าวว่าการเคลื่อนไหวของสหรัฐฯ เป็นเรื่องที่ ‘น่าเสียดายอย่างยิ่ง’ ส่วนประธานาธิบดีแอฟริกาใต้อย่างซิริล รามาโฟซากล่าวว่า ภาษีตอบโต้แบบเท่าเทียม 30 เปอร์เซ็นต์นั้นมาจากมุมมองทางการค้าที่ไม่ถูกต้อง ฝั่งเกาหลีใต้ที่เพิ่งได้อี แจมยองเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ยังไม่ได้ตอบโต้อะไร แม้ว่าจะเริ่มมีเสียงจากผู้ประกอบการและผู้เชี่ยวชาญเร่งให้รัฐบาลเข้าเจรจา แต่มีสัญญาณจากโฆษกพรรครัฐบาลวิจารณ์การเรียกเก็บภาษีของสหรัฐฯ ว่า “การเป็นพันธมิตรจะมีความหมายก็ต่อเมื่อมันตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเคารพซึ่งกันและกัน การแจ้งและการกำหนดภาษีศุลกากรฝ่ายเดียวโดยไม่ได้ปรึกษาหารือกันก่อนนั้นไม่สามารถหาเหตุผลมาสนับสนุนได้”
ผู้นำที่วิจารณ์รุนแรงที่สุดคือ ประธานาธิบดีลุยซ์ อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวาของบราซิล โดยกล่าวว่า "เราไม่ต้องการจักรพรรดิ"
แม้ว่าบางประเทศได้ดำเนินการเจรจาภาษีไปตั้งแต่เนิ่นๆ แล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถจับทางหลักการเจรจาภาษีกับสหรัฐฯ ได้ เพราะไม่มีความแน่นอนเกิดขึ้น แอร์ลังกา ฮาร์ตาร์โต รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจอินโดนีเซีย กล่าวว่า การเจรจากับสหรัฐฯ เปรียบเหมือนการเดินในเขาวงกต คล้ายจะถึงที่หมายแล้วแต่ก็กลับไปจุดเริ่มต้น แม้ระหว่างการเจรจาเป็นไปด้วยดีแล้ว แต่สหรัฐฯ ก็ยังส่งจดหมายเก็บภาษีอินโดฯ เท่าเดิม
บางประเทศตั้งข้อสังเกตว่า วิธีการพิจารณาภาษีของสหรัฐฯ ขึ้นอยู่กับทรัมป์คนเดียว ไม่ว่าจะจัดทำข้อตกลงอย่างระมัดระวังอย่างไรก็ดูเหมือนว่าการเจรจาจะพลิกกลับได้จากการตัดสินใจของทรัมป์ เช่น ทรัมป์ประกาศเตรียมเรียกเก็บภาษี 50% กับบราซิล โดยอ้างว่าต้องการกดดันบราซิลกรณีจับกุม ฌาอีร์ เมซีอัส โบลโซนารู อดีตผู้นำฝ่ายขวา ซึ่งกำลังเจอกับข้อหาก่อรัฐประหาร โดยทรัมป์มองว่าสิ่งที่บราซิลทำเป็นการ ‘ล่าแม่มด’ ฝ่ายขวา ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่ไม่เกี่ยวอะไรทางการค้าเลย
ประธานาธิบดีลุยซ์ อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวาของบราซิลจึงกล่าวว่าจะตอบโต้การขึ้นภาษีกลับสหรัฐฯ “บราซิลเป็นประเทศที่มีอำนาจอธิปไตยและมีสถาบันอิสระที่ไม่ยอมรับการถูกละเมิดจากใครก็ตาม” พร้อมระบุในแถลงการณ์ว่า กรณีการดำเนินคดีโบลโซนารู ‘เป็นความรับผิดชอบของศาลยุติธรรมของบราซิลแต่เพียงผู้เดียว’
ประเทศที่ได้ข้อตกลงจากการเจรจาแล้ว คือ สหราชอาณาจักรและเวียดนาม ในเดือนกรกฎาคม ทรัมป์ได้ประกาศการเจรจาภาษีกับเวียดนามแล้ว โดยระบุว่า “เวียดนามจะทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน นั่นคือการให้สิทธิ์สหรัฐอเมริกาเข้าถึงตลาดการค้าของพวกเขาอย่างเต็มที่” แต่ทางเวียดนามมองว่าข้อตกลงดังกล่าวยังต้องพูดคุยกันในเชิงรายละเอียดอีก เนื่องจากทรัมป์จะเรียกเก็บภาษีจากเวียดนาม 20% แต่จะเรียกเก็บภาษีสินค้าจีนที่ส่งจากเวียดนาม 40%
คุช เดไซ โฆษกทำเนียบขาว กล่าวว่า ประเทศต่างๆ ยังเข้ามาประนีประนอมภาษีอย่างกระตือรือร้นเพื่อยังคงเข้าถึงเศรษฐกิจของอเมริกาได้ ทรัมป์กล่าวว่า สหรัฐอเมริกาในฐานะตลาดผู้บริโภคที่ใหญ่ที่สุดและดีที่สุดในโลกยังเป็น ‘ผู้ถือไพ่และอิทธิพลในการเจรจา’
คาร์สเทน เบรซกี หัวหน้าฝ่ายเศรษฐศาสตร์มหภาคระดับโลกของธนาคาร ING ในประเทศเยอรมนี กล่าวว่า ความไม่แน่นอนของทรัมป์และการเจรจาภาษีของสหรัฐฯ เป็น ‘ยาพิษ’ ที่จะทำลายเศรษฐกิจโลก
Texas Flood
น้ำท่วมฉับพลันในเท็กซัสทำให้เด็กในค่ายฤดูร้อนและนักท่องเที่ยวเสียชีวิตและสูญหายจำนวนมาก
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในสัปดาห์ที่สหรัฐอเมริกาเฉลิมฉลองวันชาติ 3-4 กรกฎาคม ผู้คนในเขตเคอร์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเท็กซัสฮิลล์คันทรี ชอบการพักผ่อนในวันหยุดด้วยการตั้งแคมป์ริมแม่น้ำ หรือขับรถบ้านไปจอดยังริมตลิ่ง ในขณะที่ค่ายฤดูร้อนของเด็กหญิงคริสเตียนหรือที่เรียกว่า ‘ค่ายมิสติก’ ก็จัดขึ้นในสถานที่ใกล้กับแม่น้ำ โดยมีผู้เข้าร่วมกว่า 750 คน
แต่จู่ๆ น้ำจากการสะสมของฝนตกหนักก็ไหลบ่าและเอ่อล้นตลิ่งแม่น้ำกัวดาลูปอย่างรวดเร็ว ภายในเวลา 90 นาที น้ำจากระดับ 1 เมตรขึ้นมาเป็น 10 เมตร ทำให้ประชาชนต้องเจอกับน้ำท่วมอย่างรวดเร็วขณะกำลังนอนหลับ ส่งผลให้เกิดผู้เสียชีวิตกว่า 121 คน โดยมีเด็กในจำนวน 36 คน และเจ้าหน้าที่ยังคงเร่งหาจำนวนผู้สูญหายมากกว่า 170 ท่ามกลางซากต้นไม้จากแรงน้ำ โคลนจำนวนมาก และข้าวของพังเสียหายหลายจุด
อุทกภัยครั้งนี้ไม่มีการแจ้งเตือนภัยพิบัติประชาชนล่วงหน้า แม้ในปีที่แล้ว เจ้าหน้าที่จะระบุในรายงานสำนักงานจัดการเหตุฉุกเฉินกลางสหรัฐฯ ว่ามีแนวโน้มที่เขตเคอร์ในเท็กซัสจะเจอน้ำท่วม และจะก่อให้เกิดอันตราย เพราะโครงสร้างบ้านไม่แข็งแรง ทางออกหนึ่งคือการติดตั้งระบบเตือนภัยน้ำท่วม โดยใช้งบประมาณต่ำกว่า 1 ล้านดอลลาร์ แต่ก็ไม่มีการลงมือวางระบบนี้จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว
เหตุการณ์นี้ยังนำมาซึ่งคำถามต่อการรับมือภัยพิบัติของรัฐบาลกลางและรัฐบาลท้องถิ่น โดยเฉพาะประเด็นที่ว่ากฎหมายฉบับใหม่นั้น ทรัมป์ได้ตัดงบการรับมือกับสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง อีกทั้งยังดำเนินการปลดพนักงานจำนวนมากในหน่วยงานด้านสภาพอากาศและสภาพภูมิอากาศที่สำคัญสองแห่ง ได้แก่ องค์การมหาสมุทรและบรรยากาศแห่งชาติ (NOAA) และสำนักงานอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติ (NWS)
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่สาธารณภัยทั้งจากท้องถิ่นและรัฐบาลกลางได้เร่งเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้ช่วยเหลือผู้คนกว่า 850 คนด้วยเฮลิคอปเตอร์ ม้า เรือ และรถบรรทุก กู้ภัยหนึ่งคนได้รับการยกย่องว่าช่วยชีวิตผู้คนได้ 165 คนที่แคมป์มิสติก
X
AI ของแพลตฟอร์ม X แสดงความชื่นชมฮิตเลอร์
Grok คือ AI แชตบอตในแพลตฟอร์ม X ไม่นานนี้ ผู้ใช้งานได้แชร์คำตอบของ Grok เมื่อถูกถามว่า ใครคือบุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์ในศตวรรษที่ 20 Grok ตอบว่า “สำหรับการจัดการกับการเกลียดชังคนผิวขาว ต้องเป็นอดอล์ฟ ฮิตเลอร์สิ”
นอกจากนี้ยังมีคำตอบของ Grok ที่เฉลิมฉลองการเสียชีวิตของเด็กๆ ในเหตุการณ์น้ำท่วมในเท็กซัส ทีม X ออกมาแจงว่ากำลังดำเนินการลบโพสต์ที่ไม่เหมาะสม และยังได้ระบุในแถลงการณ์ว่า "นับตั้งแต่ทราบถึงเนื้อหาดังกล่าว xAI ได้ดำเนินการห้ามใช้ถ้อยคำที่แสดงความเกลียดชังก่อนที่ Grok จะโพสต์บน X"
ก่อนหน้านี้ Grok ยังเคยถูกวิจารณ์จากกรณีแสดงความคิดเห็นว่าในแอฟริกาใต้มีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์คนขาว แม้ว่าผู้ใช้งานจะไม่ได้ถามสิ่งที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อดังกล่าวเลยก็ตาม บริษัท X ได้ออกมาชี้แจงว่า ปัญหาดังกล่าวเกิดจากการดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาต
แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า คำตอบของ Grok ทำให้คนจับโยงท่าทางของอีลอน มัสก์ขณะขึ้นหาเสียงร่วมกับทรัมป์ และร่วมงานปฏิญาณตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีช่วงต้นปีที่ผ่านมา เนื่องจากเขาแสดงสัญลักษณ์เดียวกับผู้นำนาซี
หลังจากมีกระแสข่าวดังกล่าว อีลอน มัสก์ เจ้าของ X ได้ออกมาโพสต์อ้างว่า เหตุผลที่ Grok ตอบสนองเช่นนั้น เนื่องจากมันทำตามคำสั่งของคนจำนวนมากที่เข้ามาโต้ตอบในแชตบอต AI "มันกระตือรือร้นเกินไปที่จะเอาใจและถูกหลอกล่อ จริงๆ แล้ว เรื่องนี้กำลังได้รับการแก้ไข" มัสก์ระบุ
ADL องค์กรต่อต้านการเกลียดชังชาวยิวและการเลือกปฏิบัติในรูปแบบอื่นๆ กล่าวว่าโพสต์เหล่านี้ไร้ความรับผิดชอบ อันตราย และต่อต้านชาวยิว "การใช้ถ้อยคำรุนแรงเกินขอบเขตเช่นนี้จะยิ่งขยายและส่งเสริมการต่อต้านชาวยิวที่กำลังระบาดอยู่บน X และแพลตฟอร์มอื่นๆ อีกมากมาย" พวกเขาระบุในแถลงการณ์
หน่วยงานรัฐในหลายประเทศเคยประกาศแบนแชตบอต AI ของ X มาก่อนหน้านี้แล้ว เช่น ศาลตุรกีสั่งบล็อก Grok จากกรณีตอบกลับข้อความผู้ใช้งานที่มีการดูหมิ่นประธานาธิบดีเรเจป ไตยิป แอร์โดอัน ซึ่งถือเป็นการห้ามเข้าถึง AI ครั้งแรกในตุรกี
โปแลนด์ก็ได้รายงานแชตบอต AI ของ X ต่อคณะกรรมาธิการยุโรป โดยกล่าวหาว่า Grok ได้แสดงความคิดเห็นที่ไม่เหมาะสมเกี่ยวกับนักการเมืองโปแลนด์ และนายกรัฐมนตรีโดนัลด์ ทัสก์
รัฐมนตรีกระทรวงดิจิทัลของโปแลนด์กล่าวว่า รัฐบาลต้องการให้คณะกรรมาธิการยุโรปสอบสวนและสั่งปรับเงิน X เพราะ “เสรีภาพในการพูดเป็นของมนุษย์ ไม่ใช่ปัญญาประดิษฐ์”
Malaysia
คู่รักสูงวัยในมาเลเซียขับรถกว่า 3 ชั่วโมงเพื่อชมกระเช้าลอยฟ้าก่อนพบว่าคลิปที่ได้ดูเป็นภาพ AI
พนักงานโรงแรมในรัฐเปรักต้องตกใจ เมื่อมีคู่รักสูงวัยเดินทางจากกัวลาลัมเปอร์กว่า 3 ชั่วโมงมาเช็กอินในโรงแรมและบอกว่าจะเดินทางไปชมกระเช้าลอยฟ้า ตอนแรกเธอคิดว่าพวกเขาล้อเล่น จึงบอกไปว่าที่นี่ไม่มีกระเช้าลอยฟ้า และที่นี่ไม่มีอะไรให้ดูเลย
คู่รักสูงวัยไม่เชื่อคำพูดดังกล่าว ทั้งยังอ้างอิงถึงวิดีโอสำนักข่าวชื่อว่า TV Rakyat ที่มีผู้สื่อข่าวสาวได้ถ่ายทำสถานที่ท่องเที่ยว กระเช้า และสัมภาษณ์นักท่องเที่ยวจำนวนมาก เมื่อพนักงานโรงแรมได้ชมวิดีโอก็บอกกับคู่รักสูงวัยว่า วิดีโอนี้สร้างมาจาก AI
หญิงสูงวัยรู้สึกโกรธอย่างมากที่ถูกหลอกจากวิดีโอดังกล่าว และกล่าวว่าจะฟ้องสำนักข่าวในคลิปนี้ จนพนักงานต้องอธิบายว่าไม่มีใครมีตัวตนจริงในคลิปนี้ ทำให้คู่รักสูงวัยเอ่ยถามว่า “ทำไมพวกเขาถึงทำกับคนอื่นแบบนี้?”
สำนักข่าวในมาเลเซียยังรายงานด้วยว่า มีชาวมาเลเซียคนหนึ่งเล่าว่าพ่อแม่ของเขาก็เชื่อวิดีโอจาก AI และจ่ายเงิน 9,000 ริงกิตเช่ารถตู้เพื่อไปเที่ยว
เหตุการณ์เหล่านี้ทำให้ชาวเน็ตในมาเลเซียกังวลต่อผลกระทบของ AI และเรียกร้องให้รัฐบาลหามาตรการควบคุม เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา รัฐบาลมาเลเซียได้ตั้งสำนักงานปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติขึ้น โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อกำหนดนโยบายและกฎระเบียบ แต่ปัจจุบันยังไม่มีกฎหมายที่ควบคุมปัญญาประดิษฐ์โดยเฉพาะ
Israel
นิวยอร์กไทมส์เปิดรายงานข่าวสืบสวน เนทันยาฮูอาจใช้สงครามในกาซาเพื่อรักษาอำนาจตัวเอง
จากการสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่กว่าร้อยคนในอิสราเอล สหรัฐอเมริกา และทั่วโลกอาหรับ รวมถึงตรวจสอบบันทึกของรัฐบาลและเอกสารหลายสิบฉบับ สำนักข่าวเดอะนิวยอร์กไทมส์เปิดรายงานข่าวสืบสวนสอบสวนถึงความเป็นไปได้ที่เบนจามิน เนทันยาฮูใช้สงครามในกาซาเป็นข้ออ้างให้เขาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในอิสราเอล
พวกเขาย้อนไปก่อนหน้าวันที่ 7 ตุลาคม ปี 2023 ช่วงก่อนที่ฮามาสจะโจมตีอิสราเอล การเมืองภายในประเทศกำลังขัดแย้งอย่างหนัก เมื่อรัฐบาลจากพรรคของเนทันยาฮูต้องการจำกัดอำนาจของตุลาการผ่านกฎหมายฉบับหนึ่ง ในขณะที่เนทันยาฮูกำลังรักษาตัวอยู่โรงพยาบา ลนายพลอา วุโสท่านหนึ่งได้นำรายงานประเมินข่าวกรองเตือนว่าศัตรูของอิสราเอลกำลังเคลื่อนไหวจากการสังเกตเห็นความวุ่นวายภายในประเทศ เนทันยาฮูเพิกเฉยต่อคำเตือนดังกล่าว ทั้งยังเร่งผ่านกฎหมายทำให้อำนาจฝ่ายตุลาการอ่อนแอ ก่อให้เกิดความไม่สงบมากขึ้น
สองวันต่อมา ผู้นำฮามาสได้สังเกตเห็นความวุ่นวายในอิสราเอล จึงตัดสินใจก่อเหตุการณ์วันที่ 7 ตุลาคมขึ้น เนทันยาฮูได้หลีกเลี่ยงความผิดพลาดดังกล่าว โดยโยนความผิดให้เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองและความมั่นคงในกลาโหม ทีมงานของเขายังพยายามปิดบังความผิดพลาดของเนทันยาฮู ป้องกันการรั่วไหลของบทสนทนาที่อาจสร้างปัญหาให้กับเนทันยาฮู ไม่ให้กองทัพบันทึกการพบปะกับเนทันยาฮูอย่างเป็นทางการ
ต่อมาในช่วงสงคราม ทีมงานของเนทันยาฮูได้สั่งให้คนจัดเก็บเอกสารแก้ไขบันทึกทางโทรศัพท์ครั้งแรกของเขาเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม จากนั้นพวกเขาก็ปล่อยเอกสารหลุดเกี่ยวกับคนที่วิจารณ์เนทันยาฮู รวมถึงครอบครัวตัวประกันที่วิจารณ์นายกฯ อิสราเอล โดยมอบข้อมูลให้สำนักข่าวต่างประเทศเพื่อทำให้คนเหล่านี้เสื่อมเสียชื่อเสียง
ช่วงสงครามเริ่มต้น การเมืองอิสราเอลก็กำลังเผชิญความท้าทาย พรรคฝ่ายค้านเสนอให้เนทันยาฮูจัดตั้งรัฐบาลผสม แต่เขาปฏิเสธ โดยหันไปร่วมมือกับพรรคฝ่ายขวาจัด ซึ่งสนับสนุนให้เขายังอยู่ในตำแหน่งได้โดยที่สนับสนุนให้มีสงครามด้วย การตัดสินใจดังกล่าวทำให้เนทันยาฮูต้องยอมจำนนต่อข้อเรียกร้องของกลุ่มขวาจัดตลอดช่วงสงคราม
เนทันยาฮูยังหลีกเลี่ยงการเจรจาสงบศึกหลายครั้ง เมื่อไหร่ก็ตามที่กระแสการเจรจาสงบศึกเพิ่มขึ้น เขาจะเริ่มให้ความสนใจกลยุทธ์ทางการทหาร แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะไม่ได้สนใจเลย หรือแม้ว่าเจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงบอกเขาว่าไม่คุ้มกับต้นทุนในการยึดเมืองราฟาห์ทางตอนใต้ และต่อมาการยึดครองชายแดนกาซา-อียิปต์ แต่เขาก็ยังต้องการลงมือ
เดือนพฤษภาคม ปี 2024 สหรัฐฯ พยายามจัดการเจรจาอย่างเข้มข้นที่มีซาอุดีอาราเบียเข้าร่วมเจรจาด้วย ผู้นำซาอุดีอาราเบียได้ลองเสี่ยงส่งสัญญาณว่าพร้อมที่จะสร้างความสัมพันธ์อย่างเป็นทางการกับอิสราเอล ตราบใดที่สงครามกาซาสิ้นสุดลง สหรัฐฯ ยังคงผ่อนปรนเงื่อนไขต่างๆ ให้กับซาอุดีอาราเบีย และอิสราเอลก็เริ่มกระบวนการรับรองสถานะรัฐของปาเลสไตน์
แต่เนทันยาฮูไม่เห็นด้วยกับเส้นทางเหล่านี้ ซึ่งเป็นหนึ่งในหลายประเด็นที่ก่อให้เกิดความสัมพันธ์อันตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ ในยุคของไบเดนและอิสราเอลขึ้นมา ในเดือนธันวาคม 2566 ผู้เสียชีวิตในกาซ่าเพิ่มขึ้น ไบเดนรู้สึกหงุดหงิดอย่างมากระหว่างการโทรศัพท์คุยกับเนทันยาฮูจนเขาตัดสายทิ้งไปอย่างรวดเร็ว
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ พยายามอ้างผลสำรวจว่าชาวอิสราเอลมากกว่า 50% สนับสนุนข้อตกลงคืนตัวประกันเพื่อจะได้ไม่ต้องทำสงครามต่อ แต่เนทันยาฮูตอบกลับว่า “ไม่ใช่ 50% จากโหวตเตอร์ของผม”
ปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอลไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในกาซ่า เนทันยาฮูวางแผนกำจัดภัยคุกคามหลายกลุ่มในตะวันออกกลาง เช่น ฮิซบอลเลาะห์และอิหร่าน ช่วงแรกเขาเลี่ยงโจมตีฮิซบอลเลาะห์และอิหร่านโดยตรง แต่เมื่อสงครามกาซาผ่านไป 1 ปี เนทันยาฮูเริ่มกล้าสังหารณ์ผู้บัญชาการระดับสูงของฮิซบอลเลาะห์หลายนาย ลอบสังหารผู้นำของฮิซบอลเลาะห์ และบุกโจมตีพื้นที่ใจกลางทางตอนใต้ของเลบานอน ซึ่งเป็นแหล่งคลังอาวุธของฮิซบอลเลาะห์ สิ่งเหล่านี้เริ่มทำให้เขามีชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือในการปราบปรามมากขึ้น รวมถึงในวันที่เขากล้าบุกโจมตีอิหร่านเมื่อช่วงกลางปี 2025 ด้วย
Denmark
เดนมาร์กจะให้ประชาชนเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์หน้าตัวเองเพื่อป้องกันปัญหา deepfake
พัฒนาการของเทคโนโลยีอย่าง deepfake และการสร้างภาพด้วย AI กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว รัฐบาลเดนมาร์กต้องการปกป้องประชาชนจากการถูกนำภาพไปแอบอ้าง จึงมีการร่างกฎหมายเพื่อขยายขอบเขตกฎหมายลิขสิทธิ์ให้ครอบคลุมถึงการเป็นเจ้าของใบหน้า เสียง และอัตลักษณ์อื่นๆ เพื่อป้องกันการสร้างภาพจาก AI โดยเป็นกฎหมายฉบับแรกของยุโรปที่ให้ประชาชนยืนยันสิทธิ์ตัวเอง และฟ้องร้องแพลตฟอร์มต่างๆ ให้ลบเนื้อหาได้
ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายกล่าวว่า โดยปกติ การปราบปรามอันตรายอันเกิดจากเทคโนโลยีมักใช้กฎหมายอาญาในการดำเนินคดี แต่ร่างกฎหมายของเดนมาร์กจะเป็นแนวทางใหม่ โดยการแก้ไขกฎหมายลิขสิทธิ์เพื่อทำให้การแชร์ภาพดีปเฟกของผู้อื่นโดยไม่ได้รับความยินยอมเป็นสิ่งผิดกฎหมาย
จาคอบ เองเงิล-ชมิดท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเดนมาร์ก กล่าวว่า ร่างกฎหมายฉบับนี้เป็นความพยายามที่จะปกป้องสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน ในยุคที่โลกดิจิทัลกำลังท้าทายขอบเขตความเป็นส่วนตัวของผู้คนและก้าวล้ำหน้ากฎหมายปัจจุบันไปแล้ว โดยเขาหวังว่า กฎหมายนี้จะมอบอำนาจให้ประชาชนมีสิทธิในเสียง รูปลักษณ์ของตนเอง และไม่มีใครสามารถคัดลอกสิ่งเหล่านี้ได้หากไม่ได้รับความยินยอมจากพวกเขา อย่างไรก็ตาม กฎหมายนี้จะไม่ครอบคลุมภาพล้อเลียนหรือเสียดสี
ร่างกฎหมายฉบับนี้เข้าสู่ช่วงรับฟังความคิดเห็นจากสาธารณชนในสัปดาห์นี้ พรรคการเมืองส่วนใหญ่ในเดนมาร์กให้การสนับสนุน และคาดว่าจะมีผลบังคับใช้หลังจากที่รัฐสภาเดนมาร์กพิจารณาร่างกฎหมายนี้ในช่วงปลายปี หากเดนมาร์กทำสำเร็จจะเป็นตัวอย่างให้กับประเทศอื่นๆ
Ireland
คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลสหภาพยุโรปเปิดการสอบสวนเจ้าหน้าที่จีนเก็บข้อมูลผู้ใช้งาน TikTok เอาไว้
สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลแห่งยุโรปซึ่งตั้งอยู่ที่ไอร์แลนด์ ได้เปิดการสอบสวน TikTok จัดเก็บข้อมูลของผู้ใช้งานยุโรปเอาไว้ในประเทศจีน
หน่วยงานกำกับดูแลกล่าวว่า แม้ตลอดระยะการสืบสวน 4 ปี TikTok จะแจ้งตลอดว่าไม่ได้จัดเก็บข้อมูลผู้ใช้งานสหภาพยุโรปไว้ในจีน แต่ในเดือนเมษายน TikTok ก็ได้เปิดเผยว่า มีข้อมูลจำนวนหนึ่งที่ถูกจัดเก็บไว้ชั่วคราวบนเซิร์ฟเวอร์ในจีน และได้ถูกลบไปแล้ว
ตัวแทนจาก TikTok กล่าวว่า บริษัทได้ค้นพบปัญหานี้ด้วยตัวเอง และได้ลบข้อมูลจำนวนเล็กน้อยนี้ออกจากเซิร์ฟเวอร์ทันที และแจ้งให้คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลแห่งยุโรปทราบ
“รายงานเชิงรุกที่เรามีต่อคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลยุโรป ตอกย้ำความมุ่งมั่นของเราต่อความโปร่งใสและความปลอดภัยของข้อมูล” แถลงการณ์จากตัวแทน TikTok
ก่อนหน้านี้ TikTok เคยถูกปรับเงินกว่า 530 ล้านยูโรจากปัญหาที่แพลตฟอร์มไม่ปกป้องข้อมูลของผู้ใช้ในยุโรป เนื่องจากพนักงานในประเทศจีนสามารถเข้าถึงข้อมูลบางส่วนจากระยะไกลได้ ส่วน TikTok กำลังอุทธรณ์ค่าปรับ โดยระบุว่าคำตัดสินดังกล่าวอาจสร้างบรรทัดฐานที่มีผลกระทบในวงกว้างต่อบริษัทและอุตสาหกรรมทั้งหมดทั่วยุโรป
Spain
สเปนเริ่มเปิดเทศกาลวิ่งไล่วัวกระทิงอันโด่งดัง
เทศกาลวิ่งไล่วัวกระทิง หรือที่รู้จักในชื่อ San Fermín festival จัดขึ้นในเมืองปัมโปลนา ประเทศสเปน เป็นเทศกาลที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน โดยเกี่ยวข้องกับเทศกาลทางศาสนาเพื่อเป็นเกียรติแก่นักบุญแฟร์มิน นักบุญอุปถัมภ์ของเมืองปัมโปลนา เมื่อเวลาผ่านไป เทศกาลนี้ได้พัฒนาไปสู่การวิ่งวัวกระทิง จากการเคลื่อนย้ายวัวกระทิงไปยังสนามสู้ San Fermín festival ยังได้รับการพูดถึงในนิยายของเออเนสต์ เฮมิงเวย์ เรื่อง The Sun Also Rises ในปี 1926
เทศกาลนี้จัดขึ้นทุกปีของวันที่ 6-14 กรกฎาคม โดยวันเปิดงานจะเริ่มต้นด้วยดอกไม้ไฟแบบดั้งเดิมที่เรียกว่า ‘ชูปินาโซ’ หลังจากนั้นผู้ร่วมงานจะสาดไวน์แดงหรือไวน์สปาร์กลิงใส่กัน ต่อมาจะเป็นการวิ่งไล่วัวกระทิง ซึ่งปีนี้นักวิ่งมากถึง 4,000 คนเข้าร่วมเทศกาล โดยต้องวิ่งไปตามถนนระยะ 846 เมตรและป้องกันช่วงเวลาอันน่าหวาดเสียวที่จะถูกกระทิงไล่ขวิด ถึงอย่างนั้นก็ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก และที่ผ่านมาก็เคยมีคนเสียชีวิตมาแล้ว
นักวิ่งส่วนใหญ่ใส่กางเกงขายาวและเสื้อเชิ้ตสีขาว คาดด้วยผ้าคาดเอวและผ้าพันคอสีแดง มีผู้ชมหลายพันคนเฝ้าชมจากระเบียงและตามทางเดินที่มีแบริเออร์คอยกั้นระหว่างกระทิง นักวิ่ง และผู้ชมเอาไว้ นอกจากนี้ยังมีการถ่ายทอดสดผ่านทีวีด้วย
เมื่อจบการวิ่งแล้วจะเป็นช่วงเวลาแห่งการกิน ดื่ม เต้นรำ และความบันเทิงทางวัฒนธรรม รวมถึงการนำวัวกระทิงที่วิ่งในตอนเช้าไปต่อสู้กัน มีคนจำนวนไม่น้อยต่อต้านเทศกาลนี้ เพราะมีการทรมานและสังหารสัตว์ในสนามสู้วัวกระทิง
K-Pop
ศาลตัดสินให้แทอิล อดีตสมาชิกวง NCT จำคุก 3 ปี 6 เดือนจากกรณีทำร้ายร่างกายและข่มขืนผู้หญิง
ปีที่แล้ว นักท่องเที่ยวจีนคนหนึ่งได้กล่าวหาว่าแทอิล สมาชิกวง NCT ได้หลอกเธอไปยังที่พักและข่มขืน แม้จะยังไม่มีการสืบสวนอย่างเป็นทางการ แทอิลได้ออกจากการเป็นสมาชิกวงบอยแบนด์ทันที
เมื่ออัยการได้ทำการสืบสวน และศาลได้พิจารณาคดีนี้แล้ว พบว่า มีมูลความจริงที่แทอิล รวมทั้งพรรคพวกอีก 2 คน ซึ่งใช้นามย่อว่า ลีและฮง ได้ล่วงละเมิดทางเพศนักท่องเที่ยวชาวจีน โดยทั้งหมดยอมรับสารภาพว่า ได้ผลัดกันทำร้ายเหยื่อ ซึ่งเจอกันในบาร์แห่งหนึ่งย่านอิแทวอน เหยื่ออยู่ในสภาพเมาอย่างหนัก และถูกชวนให้ไปบ้านของพวกเขา
ผู้พิพากษาระบุว่าเป็นอาชญากรรมที่ร้ายแรงอย่างยิ่ง อัยการได้ยื่นให้ตัดสินจำคุกสูงสุดที่ 7 ปี แต่ศาลตัดสินด้วยการลดโทษให้กึ่งหนึ่ง จำคุก 3 ปี 6 เดือน เนื่องจากมองว่าเป็นการกระทำผิดครั้งแรก โดยทั้งสามคนจะต้องเข้ารับการบำบัดสำหรับผู้กระทำผิดทางเพศเป็นเวลา 40 ชั่วโมงด้วย
อ้างอิง: koreatimes.co.kr, nytimes.com, nytimes.com, bbc.com, nytimes.com, nytimes.com, bbc.com, scmp.com, nytimes.com, nytimes.com, reuters.com, apnews.com, bbc.com
ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : plus.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath