โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

'ไทย' ยื่นข้อเสนอสุดท้ายเจรจาสหรัฐ หวังภาษีแข่งขันอาเซียนได้

กรุงเทพธุรกิจ

อัพเดต 1 วันที่แล้ว • เผยแพร่ 1 วันที่แล้ว

การเจรจาภาษีระหว่างไทย และสหรัฐ มาถึงช่วงโค้งสุดท้ายก่อนครบเส้นตายวันที่ 1 ส.ค.2568 โดยมีแรงกดดัน และคาดหวังต่อทีมไทยแลนด์ที่ทำหน้าที่เจรจา หลังจากหลายประเทศในอาเซียนปิดดีลภาษีได้แล้ว ซึ่งเวียดนามเป็นประเทศแรกในเอเชียสรุปสหรัฐเก็บอัตราภาษีตอบโต้ 20% ต่อมาอินโดนีเซียสรุปที่ 19%

ล่าสุดนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดี ประกาศอัตราภาษีตอบโต้ญี่ปุ่น 15% ลดลงจาก 25% โดยทรัมป์ ระบุว่า ญี่ปุ่นจะเปิดประเทศสู่การค้าขาย ซึ่งรวมถึงนำเข้ารถยนต์และรถบรรทุก ข้าว และสินค้าเกษตรบางประเภท และอื่นๆ ” ข้อตกลงดังกล่าวจะสร้าง “งานหลายแสนตำแหน่ง” อีกด้วย

ทั้งนี้ รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อตกลงเบื้องต้นกับญี่ปุ่น รวมถึงประเด็นสำคัญ หากรถยนต์ และชิ้นส่วนรถยนต์ของญี่ปุ่นจะได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้า 25% แยกต่างหาก ยังไม่เปิดเผยในทันที

ก่อนหน้านั้นวันเดียวกันหลังพบกับประธานาธิบดีเฟอร์ดินันด์ มาร์กอส จูเนียร์ ของฟิลิปปินส์ ทรัมป์ประกาศผ่านทรูธโซเชียลว่าบรรลุข้อตกลงกับฟิลิปปินส์ โดยกำหนดอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากฟิลิปปินส์ 19% ซึ่งเป็นข้อตกลงล่าสุดที่บีบให้ผู้นำฟิลิปปินส์ยอมยกเว้นภาษีให้กับสินค้าสหรัฐ เดิมทรัมป์กำหนดอัตราภาษีนำเข้า 17% ให้ฟิลิปปินส์พันธมิตรของสหรัฐในเดือนเม.ย.2568 แต่ถูกระงับชั่วคราว

“ฟิลิปปินส์จะเปิดตลาดเสรีกับสหรัฐ และไม่มีภาษีนำเข้าใดๆ ฟิลิปปินส์จะจ่ายภาษีนำเข้า 19% นอกจากนี้เราจะร่วมมือกับทางทหาร” ทรัมป์โพสต์ลงบนโซเชียลมีเดียเมื่อวันอังคาร โดยไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อตกลงทางการค้านี้

สถานการณ์การเจรจาที่หลายประเทศเอเชียทยอยบรรลุข้อตกลงกำลังสร้างแรงกดดันให้กับไทยที่ได้ยื่นข้อเสนอให้สหรัฐอย่างเป็นทางการแล้ว 2 รอบ และล่าสุดได้ยื่นข้อเสนอรอบสุดท้ายให้สหรัฐ

“พิชัย” ส่งข้อเสนอสุดท้ายถึงสหรัฐ

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า สหรัฐเห็นข้อเสนอไทยแล้ว 90% โดยสหรัฐทำคำอธิบายหรือข้อเสนอตอบกลับมาบ้างเกี่ยวกับนโยบายที่สหรัฐต้องการ ซึ่งไทยจะนำกลับมาพิจารณาว่าทำได้หรือไม่อย่างไร

“หวังว่าสหรัฐจะลดอัตราภาษีนำเข้าจาก 36% ลงมาอยู่อัตราใกล้เคียงกับภูมิภาค ซึ่งสหรัฐจะพิจารณาอัตราภาษีแบบมองเป็นกลุ่มประเทศ เพื่อที่สหรัฐจะได้บริหารจัดการภาษีได้มีประสิทธิภาพ”

นายพิชัย ตอบคำถามประเด็นสหรัฐยื่นเงื่อนไขเพิ่มหรือไม่ว่า ไม่ถึงขั้นสหรัฐขอเพิ่มเติม แต่สหรัฐมีรายการที่ต้องการเห็นนโยบายของไทย ซึ่งไทยต้องนำมาพิจารณาว่าทำได้หรือไม่อย่างไร โดยหวังว่าจะได้คำตอบจากสหรัฐก่อนวันที่ 1 ส.ค.2568 เพราะส่งข้อมูลไปหมดแล้ว

“ทีมไทยแลนด์ทำงานทุกด้านเต็มที่เพื่อบรรลุการเจรจา โดยวันที่ 23 ก.ค.2568 ยื่นข้อเสนอสุดท้ายเรียบร้อย น่าจะสุด ๆ แล้วที่เสนอเพิ่ม ตอนนี้เหลืออีกนิดเดียว เพราะสหรัฐจะมีคำอธิบายข้อเสนอกลับมาที่ผมต้องนำมาดูประกอบ” นายพิชัย กล่าว

ไทยลุ้นผลกระทบภาษี 3 ระดับ

นอกจากนี้ ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจ และธุรกิจธนาคารไทยพาณิชย์ (SCBEIC) ได้มีการคาดการณ์ผลกระทบจากการเจรจาภาษีสหรัฐ (U.S.tariff,)ของไทยไว้ 3 กรณี ได้แก่

1.กรณีเจรจาลดภาษีไม่ได้เลย สหรัฐเรียกเก็บภาษีจากไทย 36% เท่าเดิม ภาษีของไทยสูงกว่าคู่แข่งหลักจะกระทบกับเศรษฐกิจของไทยอย่างมาก โดยจีดีพีในปี 2568 จะขยายตัวได้เพียง 1.1% และจีดีพีปี 2569 จะขยายตัวได้แค่ 0.4%

2.กรณีที่เจรจาลดภาษีลงมาได้บ้าง แต่ยังสูงกว่าคู่แข่งหลัก บนสมมติฐานที่ไทยเสียภาษี 25% จะทำให้จีดีพีในปี 2568 ขยายตัวได้ 1.5% และจีดีพีในปี 2569 ขยายตัวได้ 1.2%

3.กรณีที่ไทยเจรจาลดภาษีลงมาได้ใกล้เคียงกับคู่แข่งหลัก โดยอยู่ที่ไม่เกิน 23% จีดีพีของไทยในปี 2568 จะอยู่ที่ 1.5% และในปี 2569 จะขยายตัวได้ 1.4%

ภาษีไม่ใช่เงื่อนไขเดียวลงทุนไทย

นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การที่ญี่ปุ่นปิดดีลภาษีสหรัฐอัตรา 15% ไม่น่ามีผลกระทบต่อไทยมากนัก เพราะส่วนใหญ่ญี่ปุ่นส่งออกรถยนต์ไปสหรัฐมาก รวมถึงไม่กระทบการลงทุน และการย้ายฐานการผลิตในไทย ไปสหรัฐ เพราะภาษีไม่ใช่เงื่อนไขเดียวของการลงทุนหรือย้ายฐานการผลิต

ทั้งนี้ การตัดสินใจลงทุนที่ประเทศใดจะดูหลายองค์ประกอบคือ ความพร้อมด้านการลงทุน พื้นที่ แรงงาน ค่าใช้จ่ายต่างๆ โดยหากจะย้ายฐานจริงไม่เฉพาะไทยประเทศเดียว แต่ย้ายจากประเทศอื่น ดังนั้นจึงไม่กระทบกับไทยนัก

ขณะนี้ต้องรอข้อสรุปการเจรจาภาษีระหว่างไทย และสหรัฐ เพราะหลายประเทศในอาเซียนปิดดีลแล้ว โดยอินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์สรุปภาษีอัตรา 19% ซึ่งหวังว่าไทยจะสรุปไม่มากกว่า 20% โดยนายพิชัย จะประชุมกับผู้แทนการค้าไทย (ยูเอสทีอาร์) อีกรอบผ่านระบบออนไลน์ ในสัปดาห์นี้ คาดว่าไทยจะปิดดีลได้สัปดาห์หน้า

จับตาผลกระทบญี่ปุ่นลงทุนไทย

นายนณริฏ พิศลยบุตร นักวิชาการอาวุโสสถาบันวิจัยเพื่อพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวว่า กรณีญี่ปุ่นปีดดีลเจรจาภาษีกับสหรัฐที่อัตราภาษี 15% และญี่ปุ่นจะลงทุนในสหรัฐ 500,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งประเด็นนี้ต้องประเมินความชัดเจนจะกระทบลงทุนในไทยหรือไม่ เพราะการลงทุนเป็นกิจกรรมหวังผลระยะปานกลางถึงยาว 5-10 ปี

ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงการลงทุนทำได้ไม่ง่าย ซึ่งการย้ายฐานจะเกิดขึ้นกรณีนักลงทุนแน่ใจว่าไทยได้ข้อสรุปเจรจาสหรัฐที่แข่งขันไม่ได้ และภาษีไทยจะสูงกว่าญี่ปุ่นระยะยาว

“นอกจากเรื่องภาษี ต้นทุนการย้ายการลงทุนก็ไม่ถูก และไม่ได้ย้ายกันง่ายๆ นั่น คือถ้าภาษีที่โดนจัดเก็บของไทยไม่สูงกว่าญี่ปุ่นอย่างมีนัยสำคัญ เช่น สูงกว่า 10-15% อาจไม่ตัดสินใจย้ายเพราะมีปัจจัยเรื่องอื่นด้วย”

สำหรับการลงทุนขณะนี้นักธุรกิจชะลอการลงทุน เพื่อรอข้อสรุปอัตราภาษีให้ชัดเจนจึงจะเริ่มลงทุนเพื่อให้แน่ใจว่าตัดสินใจได้ถูกต้อง

ส่วนประเด็นข้อเสนอการลงทุนในสหรัฐของญี่ปุ่น 500,000 ล้านดอลลาร์ จะทำให้การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) อาเซียนลดหรือไม่ นายนณริฏ กล่าวว่า ต้องจับตาดูเป็นการลงทุนสาขาใด และระยะเวลาที่ลงทุนนานแค่ไหน โดยถ้าลงทุนระยะยาวเมื่อเฉลี่ยมูลค่าการลงทุนต่อปีจะไม่สูง

ขณะที่ถ้าเป็นการลงทุนสาขาที่ไม่ตรงกับการลงทุนในไทยอาจเป็นเงินคนละส่วน และไม่กระทบแผนการลงทุนของญี่ปุ่นในไทย ส่วนถ้าเป็นเงินลงในสาขาที่ตรงกับไทยอาจจะเสี่ยงมากขึ้น

เงินทุนกระจายความเสี่ยงในภูมิภาค

ความเคลื่อนไหว “ตลาดหุ้นไทย” วันที่ 23 ก.ค.2568 พุ่ง 27.87 จุด มาอยู่ที่ 1,219.62 จุด หรือ 2.34% โดยระหว่างวันทำจุดสูงสุดที่ 31 จุด มูลค่าซื้อขาย (วอลุ่ม) 45,127.72 ล้านบาท ซึ่งหุ้นไทยได้รับแรงหนุนจากหลายปัจจัยทั้งเงินทุนต่างชาติไหลเข้ามาสะท้อนนักลงทุนต่างชาติ “ซื้อสุทธิ” วานนี้อยู่ที่ 4,492.43 ล้านบาท

นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ รองกรรมการผู้จัดการบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) ให้สัมภาษณ์ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นวานนี้ปัจจัยหลักจากการซื้อของต่างชาติค่อนข้างต่อเนื่อง ไม่ใช่แค่ในไทยแต่รวมถึงตลาดภูมิภาคนี้ ซึ่งสะท้อนการกระจายความเสี่ยงออกจากภูมิภาคอื่นเข้ามาตลาดเกิดใหม่มากขึ้น

ทั้งนี้ แม้การเจรจาการค้ายังไม่ชัดเจนแต่ตลาดมองเป็นบวกที่อัตราภาษีแต่ละประเทศไม่ต่างกันมาก โดยส่วนใหญ่อยู่ที่ 19-20% ไม่รวมญี่ปุ่นที่ได้อัตรา 15% ซึ่งการที่อัตราภาษีไม่ต่างกันมากทำให้คาดหวังว่าอาเซียนรวมถึงไทยอาจอยู่ช่วงบวกลบ 20% ดังนั้นปัจจัยดังกล่าวทำให้ตลาดมองว่าภาษีการค้าของไทย และภูมิภาคอาจไม่ต่างกันนัก และเป็นเหตุผลทำให้หุ้นขนาดใหญ่หลายตัวฟื้น

ขณะเดียวกัน บวกกับผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2568 มีแนวโน้มดีกว่าปกติ ซึ่งไตรมาส 2 มักเป็นช่วง soft season นอกจากนี้ หากดูตัวเลขการขาดดุลการค้าของสหรัฐสูงเป็นประวัติการณ์ และ GDP ที่ดีของจีน และเวียดนามที่เป็นประเทศส่งออกเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าธุรกิจส่งออกไทยควรดีตามไปด้วย

อย่างไรก็ตาม แนะนำนักลงทุนระวังในระยะสั้นโซน 1,210-1,230 จุด เป็นโซนที่นักลงทุนควรระมัดระวัง ซึ่งหุ้นหลายตัวได้ปรับตัวขึ้นมาระดับ 30-40% แล้ว และบางตัวขึ้นโดยไม่สนใจผลประกอบการ ซึ่งในความเป็นจริงผลประกอบการอาจไม่ดีทุกตัว

มองผลเจรจาภาษีทรัมป์ในภูมิภาคใกล้เคียงกัน

นายพิริยพล คงวาณิช ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์พื้นฐานสายงานวิจัย บล.บัวหลวง กล่าวว่า ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นมีปัจจัยหนุนข่าวดีจากต่างประเทศเป็นหลัก จากดีลภาษีกับฟิลิปปินส์ที่ระดับ 19% และการเจรจาระหว่างจีน และสหรัฐมีแนวโน้มกลับมาพูดคุยอีกครั้ง ซึ่งปัจจุบันจีนถูกเก็บภาษี 55% จะหมดอายุวันที่ 12 ส.ค.68 นี้ และจะพูดคุยกันว่าจะขยายเวลาการเจรจา ขณะที่ญี่ปุ่นได้รับดีลที่ 15%

สำหรับประเทศอาเซียนเริ่มเห็นอัตราภาษีใกล้เคียงกัน เช่น ฟิลิปปินส์ 19% เวียดนาม 20% อินโดนีเซีย 19% และมาเลเซีย 25% ซึ่งคาดการณ์ว่าไทยจะได้อัตราภาษี 20-25% ซึ่งหมายความว่าผลกระทบต่อตลาดจะไม่รุนแรงเมื่อเทียบคู่แข่ง

ทั้งนี้ แม้ว่าจะเห็นโฟลว์ของนักลงทุนต่างชาติเริ่มกลับเข้ามาซื้อ ขณะที่แนวโน้มตลาดหุ้นได้รับข่าวดี และปรับตัวขึ้นมามากพอสมควรแล้ว หากมีการประกาศอัตราภาษีที่ 20-25% จริง ตลาดอาจมีแรง Sell on fact หรือมีการเทขายทำกำไรออกมา หลังจากนั้นคาดว่าตลาดจะเคลื่อนไหวออกข้าง เนื่องจากที่ผ่านมาดัชนีตลาดหุ้นได้ปรับตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็วมาก

“ศิริกัญญา” กังวลข้อเสนอไทย

นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวว่า การเจรจากับสหรัฐเหลือเวลาน้อยลง แต่ไทยยังแก้ไขข้อเสนอกับสหรัฐ ซึ่งหลายประเทศบรรลุข้อตกลงแล้วไม่ว่าจะเป็นฟิลิปปินส์ได้เกรดเดียวกับอินโดนีเซียที่ 19% หรือจะเป็นญี่ปุ่นที่ได้ 15%

“วันนี้สำหรับเราต้องรอไฟนอล บีบหัวใจของคนไทยทุกคนว่าสุดท้ายจะโดนอัตราภาษีที่เท่าไร และจำเป็นต้องเปิดตลาดให้สหรัฐมากขนาดไหน การเจรจาครั้งนี้ ไม่ได้มุ่งหวังเพื่อลดอัตราภาษีอย่างเดียว เพราะหากจำได้ ฟิลิปปินส์ ตั้งแต่เดือนเม.ย.ได้ 17% แต่พอต้นเดือนก.ค. ขึ้นเป็น 20% พอปิดดีลจบที่ 19% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากที่ประกาศในครั้งแรก”

ดังนั้น เมื่อดูจากอัตราภาษีหลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ได้รับ 19-20% พอจะคาดเดาได้ว่าประเทศไทยน่าจะใกล้กัน คงไม่ลดลงไปถึงญี่ปุ่นที่ 15% แต่ต้องแลกกับการนำเงินไปลงทุนในสหรัฐ 550,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

เมื่อถามว่านายพิชัย คาดการณ์ไทยจะได้ไม่เกิน 20% เป็นไปได้หรือไม่ น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า มีแนวโน้มจบไม่ถึง 20% ถ้าดูตัวอย่างอินโดนีเซีย และทางอินโดนีเซียเปิดเผยเงื่อนไขให้กับสหรัฐ เช่น การยกเลิกการจัดเก็บภาษีดิจิทัลในโซเชียลมีเดีย แพลตฟอร์มต่างๆ และข้อตกลงในการส่งออกแร่สำคัญ รวมถึงยอมรับมาตรฐานรถยนต์ของสหรัฐ แต่สุดท้ายก็ต้องรอฟังคำตอบจากโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐคนเดียว

ห่วงเปิดเสรีสินค้าเกษตรกระทบหนัก

ทั้งนี้ หากเปิดเสรีสิ่งที่รัฐบาลต้องทำคือ เตือนผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ตอนนี้ให้เปลี่ยนไปปลูกพืชอื่น ถ้าเราเอาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ไปเปิดเสรีให้กับสหรัฐทั้งหมด ไม่เช่นนั้น เราจะไม่สามารถแข่งขันได้ ตนได้ข่าวว่าบริษัทผลิตอาหารสัตว์รายใหญ่ของประเทศหยุดรับซื้อข้าวโพดจากเกษตรกรเรียบร้อยแล้ว แม้จะมีการประกันราคาที่ 7 บาท แต่ก็ไม่รับซื้อ ดังนั้นเกษตรกรกำลังกังวลกับอนาคตของตัวเองอยู่

ส่วนการสวมใส่สินค้าจีนส่งออกไปยังสหรัฐ น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ค่อนข้างสำคัญ ถ้าเป็นสินค้าที่เราตรวจจับง่ายๆ แค่เข้ามาผ่านทางแล้วออกไป เราก็ไม่ยอมให้เขามานุ่งโจงกระเบน แล้วตีตราว่าเป็นสินค้าไทยอยู่แล้ว แต่ปัจจุบันซับซ้อนมากยิ่งขึ้น เพราะสหรัฐเองอาจจะตั้งเกณฑ์ ต้องเป็นวัตถุดิบที่ผลิตในไทย

ทั้งนี้ทำให้ไทยไม่สามารถใช้วัตถุดิบที่ผลิตจากประเทศจีนได้เลย ซึ่งเป็นความซับซ้อนและยุ่งยาก เพราะสหรัฐต้องการที่จะตัดห่วงโซ่อุปทานที่ไทยมีกับประเทศจีนอย่างเหนียวแน่น เป็นการตรวจเข้มมากขึ้นว่าสินค้าใดใช้วัตถุดิบจากประเทศจีน เรื่องของการสวมสิทธิปกติ เพราะหากตรวจเข้มข้นขนาดนี้ เราก็ไม่มั่นใจว่ากระทบเศรษฐกิจมากหรือไม่

พิสูจน์อักษร….สุรีย์ ศิลาวงษ์

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก กรุงเทพธุรกิจ

ศาลฎีกาเรียกแพทยสภา 6 ปากไต่สวนคดีชั้น 14 คาดต้องการความชัดเจน

23 นาทีที่แล้ว

ธุรกิจ AI กำไรโต สวนทางธุรกิจพึ่งพาผู้บริโภคทรุดหนักจาก ‘ภาษีทรัมป์’

29 นาทีที่แล้ว

ธปท.ชี้ ‘แบงก์ไทย’ ในกัมพูชา เรียกพนักงานกลับไทยแล้ว สั่งติดตามใกล้ชิด

42 นาทีที่แล้ว

‘รัฐบาล’ วอน ม็อบ อย่าลงถนน ผสมโรง ‘ฮุน เซน’ คนสั่งยิงผู้บริสุทธิ์ไทย

49 นาทีที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความไอที ธุรกิจอื่น ๆ

ราคาทองในประเทศเช้าวันนี้ไม่เปลี่ยนแปลง

ทันหุ้น

SUPER จ่อรับทรัพย์ 4 พันลบ. หลังขายหุ้น 17 โรงไฟฟ้าโซลาร์ กำลังผลิต 98 MW คาดแล้วเสร็จ Q3-4/68

efinanceThai

เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้

ทันหุ้น

สรุปหุ้นเด่นทางพื้นฐาน (25/07/68)

efinanceThai

ดาโอ ส่องหุ้นที่รับผลกระทบสถานการณ์ตึงเครียดไทย-กัมพูชา

ทันหุ้น

“ทองคำ” เปิดเช้านี้คงที่ “รูปพรรณ” ขายออก 52,250 บาท

ข่าวหุ้นธุรกิจ

สรุปหุ้นเด่นทางเทคนิค (25/07/68)

efinanceThai

KTB ประเมินค่าเงินบาทวันนี้

ทันหุ้น

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...