โรมซัดเพื่อไทย “ไร้กระดูกสันหลัง” คว่ำนิรโทษ 112-เลิกเรียกตัวเองฝ่าย ปชต.
เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน แสดงความผิดหวังต่อมติของที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคมที่ผ่านมา ที่ลงมติไม่รับหลักการร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ทั้งฉบับที่เสนอโดยพรรคก้าวไกล และฉบับของภาคประชาชน พร้อมตั้งคำถามถึงความจริงใจของฝ่ายรัฐบาล และวิจารณ์พรรคเพื่อไทยว่า “ไม่ควรเรียกตัวเองว่าเป็นพรรคฝ่ายประชาธิปไตยอีกต่อไป”
—————-
วิจารณ์แรง: รัฐบาลใจแคบ-เลือกปฏิบัติ
รังสิมันต์ กล่าวว่า รู้สึกผิดหวังอย่างยิ่งที่สภาปฏิเสธร่างกฎหมายซึ่งมุ่งคลี่คลายความขัดแย้งและเยียวยาผู้เห็นต่างทางการเมือง โดยชี้ว่าร่างของภาคประชาชนมีความชัดเจน ส่วนร่างของพรรคประชาชนเอง ก็เปิดประตูให้กว้างที่สุด ครอบคลุมผู้ได้รับผลกระทบหลากหลายกลุ่ม
“เรารู้ว่าแต่ละคดียากง่ายไม่เหมือนกัน อาจต้องมีการพูดคุยสร้างความเข้าใจ แต่ด้วยความใจแคบของรัฐบาล และคิดแต่เพียงพวกพ้อง ไม่ได้สนใจการคลี่คลายปัญหา สุดท้ายจึงทำให้การนิรโทษกรรมทำได้อย่างจำกัด”
—————-
ย้ำกรรมาธิการต้องโปร่งใส
ในฐานะกรรมาธิการตัวแทนพรรคประชาชน รังสิมันต์ระบุว่า จะพยายามผลักดันให้เต็มที่ในชั้นกรรมาธิการ แม้จะยอมรับว่าหากพรรครัฐบาลยังมีท่าทีแข็งกร้าวเหมือนเดิม ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย อย่างไรก็ตาม ร่างของพรรครวมไทยสร้างชาติไม่ได้ตัดสิทธิ์คดีมาตรา 112 โดยตรงในหลักการ จึงยังมีช่องให้เจรจาได้
“อย่างน้อยการพิจารณาเรื่องนี้ต้องโปร่งใส…เพราะกฎหมายฉบับนี้มีส่วนได้เสียต่อโชคชะตาและชีวิตของคนหลายคน ซึ่งเขามีความปรารถนาดีต่อประเทศชาติ”
————————
ซัดเพื่อไทย: ไร้กระดูกสันหลัง-หยุดเรียกตัวเองเป็นฝ่าย ปชต.
รังสิมันต์ ยังกล่าวถึงมติของพรรคเพื่อไทยที่สนับสนุนร่าง พ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุข ที่เสนอโดยพรรคภูมิใจไทย แต่กลับลงมติไม่รับหลักการร่างของภาคประชาชนและพรรคก้าวไกล โดยระบุว่า
“พรรคเพื่อไทยไม่ควรจะเรียกตัวเองว่าเป็นพรรคของฝ่ายประชาธิปไตยอีกแล้ว…คุณคือพรรคการเมืองที่ปราศจากซึ่งกระดูกสันหลังแห่งความกล้าหาญในการพาสังคมไทยฝ่าออกจากวิกฤต”
———————
ขอบคุณ ส.ส. 6 คนเพื่อไทยที่กล้าสวนมติพรรค
อย่างไรก็ตามรังสิมันต์ แยกความเห็นต่อพรรคออกจากตัวบุคคล พร้อมกล่าวขอบคุณ ส.ส.จากพรรคเพื่อไทย 6 คน ที่ลงมติเห็นชอบกับร่างของภาคประชาชนและพรรคก้าวไกล
“ขอขอบคุณทั้ง 6 คน แต่ก็ยังเสียดายที่พรรคเพื่อไทยมีพฤติกรรมแบบนี้ ซึ่งชัดเจนว่าพรรคเพื่อไทยก็มีอุดมการณ์ ความคิด ความเชื่อ ไม่ต่างจากพรรคการเมืองอื่นอีกแล้ว”