“สุชาติ” เล็งตั้งธนาคารศาสนา แยกทรัพย์สินพระออกจากวัด
สำนักข่าวไทย Online
อัพเดต 7 กรกฎาคม 2568 เวลา 21.46 น. • เผยแพร่ 6 ชั่วโมงที่ผ่านมา • สำนักข่าวไทย อสมททำเนียบ 7 ก.ค.-“สุชาติ” รมต.ประจำสำนักนายกฯ เผยเล็งตั้งธนาคารศาสนา แยกทรัพย์สินส่วนตัวพระออกจากวัด มีหน่วยงานตรวจสอบชัดเจน แก้วิกฤตศรัทธา เตรียมคุยมหาเถรสมาคมออกเป็นกฎหมายดูแลเฉพาะ
นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การแบ่งงานในตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐรัฐมนตรี ตนเองถนัดและสามารถทำได้ทุกเรื่อง เพราะอยู่การเมืองมาเกือบ 40 ปีแล้ว และเป็นรัฐมนตรีมาหลายครั้ง โดยเฉพาะตำแหน่งรองประธานสภาฯ ที่หลายคนคงเบื่อหน้ากันแล้ว
เมื่อถามว่า หากมากำกับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) จะรู้สึกหนักใจหรือไม่นั้น นายสุชาติ ระบุว่า ขณะนี้เกิดวิกฤตวงการสงฆ์อย่างหนัก ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำให้พุทธศาสนิกชนมีความไม่สบายใจ เศร้าหมองใจเกี่ยวกับเรื่องความศรัทธา ดังนั้นเป็นวิกฤตหลักคงต้องรีบดำเนินการแก้ไข หากคิดง่ายๆ ว่าการเร่งดำเนินการแก้ไขประการแรกจะต้องเริ่มที่การหาปัญหาว่ามาจากจุดใด ซึ่งปัญหาที่ทราบมาจากทรัพย์สินของวัด กับการประพฤติของเจ้าอาวาสหรือพระผู้ใหญ่ ที่ได้รับการบริจาคในจำนวนมาก ดังนั้น จึงต้องจัดการที่ต้นตอ และตั้งแต่นี้ต่อไป ส่วนตัวจะดำเนินนโยบายที่ว่าจะดำเนินการจัดการทรัพย์สินของวัดให้เป็นระบบ เช่น วัดนี้มีทรัพย์สินของวัดเท่าไหร่ พระเท่าไหร่ ซึ่งควรจะแยกแยะดำเนินการให้ถูกต้อง และมีหน่วยงานเข้าไปตรวจสอบ ซึ่งไม่ควรปล่อยปละละเลย หรือมองเป็นเรื่องธรรมดา หากเมื่อเกิดวิกฤตขึ้นมาเรื่อย ๆ และไม่ทราบว่าจะเป็นกระบวนการหรือไม่ ทำให้เกิดเหตุการณ์นี้อย่างต่อเนื่อง เป็นช่องทางทำมาหากิน ดังนั้น วิกฤตศรัทธาตรงนี้ต้องรีบแก้ไข เพราะประชาชนคนไทยนับถือศาสนาพุทธ เป็นจำนวนมาก หากเกิดวิกฤตเช่นนี้ ก็จะเกิดความเศร้าหมองความไม่สบายใจในการนับถือศาสนาพุทธ จึงเห็นว่าต้องจัดการในเรื่องของต้นตอก่อน หลังจากนี้จะต้องหารือกับมหาเถรสมาคมอย่างใกล้ชิด และกำหนดกฎเกณฑ์ หรือถึงขั้นต้องออกกฏหมายใหม่ออกมา หรืออาจจะมีการตั้งธนาคารพระพุทธศาสนาขึ้นมาดูแลทรัพย์สินโดยตรง เช่นเดียวกับธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย
ส่วนจะต้องทำความเข้าใจกับพุทธศาสนิกชน เพราะว่ามีการบัญญัติเรื่องเงินไว้แล้วนั้น นายสุชาติ กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องดูระเบียบให้ชัดเจน เมื่อมีกฎหมายแล้วทำไมถึงต้องมีการฝ่าฝืนกันอยู่ในขณะนี้ ยอมรับว่าเรื่องนี้เกิดวิกฤตมาก เมื่อเกิดข่าวก็เกิดความเศร้าหมอง เพราะพุทธศาสนิกชน จะตั้งคำถามว่าทำไมเกิดเรื่องแบบนี้ ทั้งที่กราบไหว้เคารพบูชา กลับมาเกิดเรื่องราวเช่นนี้ ก็จะเกิดความเศร้าหมอง แบบนี้เรื่อย ๆ และเมื่อเกิดแบบนี้ต่อเนื่องก็จะเกิดผลกระทบกับสังคมและประชาชน ดังนั้น เรื่องนี้จะรีบดำเนินการและจะมีการรายงานเป็นระยะให้ประชาชนทราบต่อไป.-316.-สำนักข่าวไทย