ทุเรียนแช่แข็ง ไทยชนเวียดนาม อนาคตจีนมี AI Scan เช็กคุณภาพ
สถานการณ์ทุเรียนภาคตะวันออกและภาคใต้ รวมทั้งภาคอื่น ๆ ทั่วประเทศไทยในปี 2568 ปัญหาอุปสรรคสำคัญที่สุด คือ คุณภาพทุเรียน ที่เกิดจากสภาวะภูมิอากาศ แม้ว่าปริมาณทุเรียนจะเพิ่มขึ้น แต่ทุเรียนสดเกรดส่งออกลดลงเหลือเพียง 50-70% ของปริมาณทุเรียนทั้งหมด ส่งผลให้ผู้ประกอบการ (ล้ง) ส่งออก เพิ่มมาตรการคัดกรองอย่างเข้มงวด เพื่อรักษาตลาดปลายทางไว้
เนื่องจากต้องเผชิญกับคู่แข่งเวียดนาม มาเลเซีย ในตลาดจีน ส่งผลให้ทุเรียนตกไซซ์ และเบอร์ห้องเย็นมีถึง 30-50% โรงงานต้องแบกสต๊อกสินค้าอ่วม เนื่องจากปริมาณผลผลิตมาก และต้องเผชิญกับตลาดคู่แข่งกับเวียดนามที่ต้นทุนต่ำกว่า ต้องปรับราคาทุเรียนลงมาจาก กก.ละ 350 บาท เหลือ 270 บาท คาดอนาคต 3-4 ปี ตลาดทุเรียนแช่แข็งเจอปัญหาแข่งขันราคาเช่นเดียวกับทุเรียนสด ภาครัฐควรสนับสนุนห้องเย็นเตรียมรองรับผลผลิตก่อนเกิดวิกฤต
ทุเรียนตกไซซ์ 30-50%
แหล่งข่าวจากวงการทุเรียนภาคใต้เปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ผลผลิตทุเรียนภาคใต้ปีนี้ตามที่คาดการณ์ตัวเลขเป็นทางการจำนวน 700,000 ตัน เพิ่มขึ้น 32% จากปี 2567 นั้น ตามสภาพที่แท้จริงผลผลิตน่าจะใกล้เคียงกับปี 2567 คือ 530,000 ตัน มากกว่าเล็กน้อย ด้วยสภาพอากาศ ฝนตกต่อเนื่อง ซึ่งจากปริมาณทุเรียนที่ให้ผลผลิตนั้นในปีนี้ นอกจากจะให้ผลผลิตลดลงแล้ว คุณภาพทุเรียนยังเสียหาย ไส้ซึม เนื้อทุเรียนเสีย ไม่สุก สุกไม่ทั่ว รูปทรงไม่สวย มีตำหนิเป็นราดำ ทำให้สัดส่วนทุเรียนคุณภาพเกรดส่งออก AB เบอร์ C และ D มีจำนวนไม่เกิน 50% เปรียบเทียบกับทุเรียนที่ตกไซซ์ เข้าห้องเย็น มีจำนวน 30-50%
โดยทุเรียนตกไซซ์ชาวสวนจะแยกไปขายเองจากล้งส่งออก ต้องขายในราคาต่ำแล้วแต่เบอร์สวย เบอร์เล็ก ราคา กก.ละ 20-55 บาท และราคาทุเรียนห้องเย็น (โรงงาน) ดิ่งลงเหลือ กก.ละ 30-40 บาท จากปีที่ผ่านมา กก.ละ 60-70 บาท เป็นโอกาสของโรงงานห้องเย็นที่จะเลือกทุเรียนที่มีคุณภาพราคาต่ำ
“ปีนี้ทุเรียนตกไซซ์มีจำนวนมากจริง ๆ หลายโรงงานรับซื้อวันละ 100-200 ตัน เปรียบเทียบปี 2567 ทุเรียนผลสดส่งออกกันเกือบหมด ราคาดีไม่มีทุเรียนเข้าห้องเย็น ปีนี้ของตกไซซ์มาก 30-50% ของปริมาณทุเรียน ราคาทุเรียนเบอร์ห้องเย็นลดลงมาเหลือ 30-40 บาท ทำให้ทุเรียนห้องเย็นทั้งภาคใต้มีปริมาณมาก ภาคตะวันออกเองซื้อได้ทุเรียนภาคใต้เข้าโรงงานหลังไม่มีทุเรียนทำกันมาหลายปี ตอนนี้ทุกโรงงานทำกันไม่ทัน จนกระทั่งล้นสต๊อก เพราะการส่งออกทุเรียนแช่แข็งต้องรอสต๊อกส่งออก 2-3 เดือน/รอบ แต่คาดว่าปัญหาทุเรียนแช่แข็งสวมสิทธิจากกัมพูชาน่าจะน้อยลงหรือไม่มี เพราะมีปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา” แหล่งข่าวกล่าว
ทั้งนี้ แหล่งข่าวจากแผงรับซื้อทุเรียนตกไซซ์ ทุเรียนห้องเย็น ใน จ.ชุมพร เปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า รับซื้อทุเรียนตกไซซ์วันละ 60-70 ตันต่อวัน ราคาตั้งแต่ 20-60 บาท/กก. แยกเป็น 4 เบอร์ ตกไซซ์สวย 55-60 บาท ตกไซซ์เล็ก (เบอร์ตลาด) 40 บาท ห้องเย็น 40 บาท และเบอร์สุดท้าย 20 บาท ปีนี้ทุเรียนออกมาจำนวนมากพร้อม ๆ กัน และมีเบอร์ตกไซซ์มาก
โดยเฉพาะทุเรียน จ.ยะลา ล้งไม่กล้ารับซื้อ ต้องนำไปแปรรูปหรือเข้าห้องเย็น ทำให้โรงงานห้องเย็นมีโอกาสเลือก ประกอบกับการตรวจอย่างเข้มงวดของจีน ทำให้ล้งส่งออกจะต้องคัดเข้มข้น ทำให้มีปริมาณทุเรียนตกไซซ์ 30-40% มีทั้งราดำ ทรงไม่สวย หนามเสีย หนามแดง ที่ต้องขายเป็นเบอร์ตกไซซ์ โดยราคาเบอร์ห้องเย็น กก.ละ 40 บาท จากปีก่อน กก.ละ 60 บาท ส่วนใหญ่จะรับซื้อไปส่งโรงงานห้องเย็นทางภาคใต้ และที่จันทบุรี
จีนกดราคาเหลือ 300 บาท/กก.
แหล่งข่าวจากโรงงานทุเรียนแช่แข็ง จ.จันทบุรี กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ปีนี้ทางห้องเย็นมีผลผลิตทุเรียนเข้ามาจำนวนมาก สาเหตุหลัก 2 ประการ คือ 1) ล้งมีการคัดเลือกทุเรียนผลสดอย่างเข้มข้น เพื่อให้ได้ทุเรียนคุณภาพดีส่งออก ซึ่งทุเรียนในภาคใต้ที่ผ่านเกณฑ์การคัดเลือกมีปริมาณน้อยมาก เพียง 20-30% 2) ทุเรียนที่มาจากทั่วทุกภาคของไทยมีคุณภาพไม่ดีจากสภาพอากาศเช่นเดียวกับภาคใต้ ทำให้มีทุเรียนเบอร์ตกไซซ์จำนวนมาก และราคาต่ำ กก.ละ 40-42 บาท
เห็นได้ชัดว่าโรงงานห้องเย็นในพื้นที่ภาคใต้ที่มีจำนวนมาก ปีนี้ซื้อทุเรียนได้วันละ 200-300 กก. ต่อเนื่องเป็นเดือน แต่ตลาดจีนที่ส่งออกกดราคาลดลงเหลือ กก.ละ 40-50 บาท เพราะเห็นว่าวัตถุดิบมีปริมาณมาก จากราคาทุเรียนแช่แข็งภาคตะวันออกในฤดูขายได้ 340-350 บาท/กก. มาถึงปลายฤดูภาคตะวันออกและภาคใต้ รวมทั้งภาคอื่น ๆ ออกกันมาก ตอนนี้ราคาลดเหลือ กก.ละ 300-310 บาท
“การทำธุรกิจแช่แข็งไม่ง่าย มีความแตกต่างและยากลำบากจากทุเรียนผลสด ทั้งการตรวจสารตกค้างหลายตัวเข้มข้นมาก ขณะที่ต้นทุนการผลิตสูงกว่า ในกระบวนการแช่แข็งที่ต้องใช้เวลา และไฟฟ้าแช่แข็งทุเรียนไว้ ในสต๊อก 3-6 เดือน เพื่อรอจังหวะขาย และต้องใช้ทุเรียนผลสดปริมาณมากถึง 3 กก.ต่อเนื้อทุเรียนแช่แข็ง 1 กก. เงินลงทุน ตู้ละ 6-10 ล้านบาท (ตู้ละ 27 ตัน) ทุเรียนสดตู้ละ 17 ตัน เงินลงทุน 3-4 ล้านบาท ใช้เวลาส่งทุเรียนภายใน 10 วัน ระยะเวลา 35-45 วันได้รับเงิน ทุเรียนแช่แข็งต้องทำกำไรให้ได้ กก.ละ 20-30 บาท ถ้าทุเรียนสด กก.ละ 10 บาท” ผู้ประกอบการโรงงานแช่แข็งกล่าว
เวียดนามกดเหลือ 250-270 บาท
นางสาววรัญญภัคก์ มหัทธนเวคิน ผู้บริหารบริษัท ควีน โฟรเซ่น ฟรุต จำกัด กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า บริษัททำธุรกิจทุเรียนแช่แข็งส่งตลาดจีน ไต้หวัน เกาหลี ยุโรป อเมริกา แต่ตลาดจีนเป็นตลาดหลัก 90% ปกติทุเรียนแช่แข็ง บริษัทเป็นคนตั้งราคา ปี 2567 ราคา 350 บาท/กก. แต่ปีนี้จีนกลับเป็นผู้ตั้งราคา เพราะเวียดนามส่งออกได้ทั้งทุเรียนสด ทุเรียนแช่แข็ง และราคาถูกกว่าไทย ทุเรียนแช่แข็งเกรด A ของไทย ราคาประมาณ 270 บาท/กก.
แต่เวียดนาม ตั้งราคาที่ 250 บาท/กก. ถูกกว่าไทย บริษัทต้องลดราคาลงมาถึงจะขายได้ ซึ่งภาวะเศรษฐกิจจีนเองไม่ดีนัก ทุเรียนเกรด B กก.ละ 200-220 บาท จะขายดีกว่าเกรด A ราคาแพงกว่า กก.ละ 250-270 บาท และที่ผ่านมามีปัญหาแรงงานกัมพูชาที่ตื่นตระหนกพากันกลับบ้าน ทำงานไม่ทัน ตอนนี้กำลังซื้อเครื่องยืดอายุมาใช้งาน เพื่อส่งทุเรียนแกะเนื้อ (Fresh Cut) ที่จีนไม่ให้นำเข้า ไปตลาดอินโดนีเซีย ไต้หวัน อเมริกา เกาหลี เพราะจะช่วยยืดอายุได้ 45 วัน
“ปีนี้ราคาทุเรียนส่งเข้าห้องเย็นภาคใต้ราคาถูก กก.ละ 30-45 บาท เทียบกับราคาภาคตะวันออกช่วงที่ผ่านมาขายได้ 65-75 บาท/กก. แต่คาดว่าต่อไปราคาทุเรียนแช่แข็งจะไม่สูงขึ้น น่าจะกลับไปเหมือน ปี 2559 เกรด A ราคา 230-240 บาท/กก. เพราะมีคู่แข่งเวียดนาม และต่อไปมาเลเซีย” นางสาววรัญญภัคก์กล่าว
จี้รัฐหนุนโรงงานแช่แข็งสหกรณ์
นายวุฒิพงศ์ รัตนมณฑ์ ประธานสหกรณ์การเกษตรเพื่อการแปรรูปและส่งออกจังหวัดตราด จำกัด กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า การแปรรูปทุเรียน โดยเฉพาะทุเรียนแช่แข็งต้องเตรียมตัวรองรับผลผลิตที่มีปริมาณมากในอีก 3-4 ปีข้างหน้า จะรอให้ทุเรียนราคาตกต่ำไม่ทัน แต่สิ่งสำคัญที่สุด คือ คู่ค้า ซึ่งในระบบสหกรณ์ยังทำไม่ได้ เพราะยังไม่มีศักยภาพพอ ไม่ใช่มืออาชีพที่จะประสานกับคู่ค้าหาตลาดได้ เพื่อป้องกันความเสี่ยง สหกรณ์จึงร่วมมือกับบริษัทคนจีนที่จะหาตลาด ต่อรองราคา ควบคุมต้นทุน ทำคุณภาพตามตลาดต้องการ รวมทั้งการใช้ทุนรับซื้อจากต้นทางทุกอย่างต้องใช้เวลาเป็น 10 ปีที่กว่าจะพบคู่ค้าที่ดี
“การแปรรูปแช่แข็ง ต้องเจอกับคู่แข่งขันเวียดนามที่ราคาถูกกว่า กก.ละ 20-30 บาท แรงงานหาง่ายกว่า ทำให้ต้องลดราคามาแข่งขันกับเวียดนาม ที่ผ่านมาตั้งแต่หลังโควิด-19 ทุเรียนราคาสูงมาตลอด ตกไซซ์ กก.ละ 70-90 บาท ไม่สามารถทำทุเรียนแช่แข็งได้ หลังโควิด-19 มา 3 ปี เพิ่งมีทุเรียนทำแช่แข็ง ราคาทุเรียนห้องเย็น กก.ละ 30-40 บาท ซึ่งในกระบวนการทำต้องเลือกทุเรียนที่มีคุณภาพเช่นกัน เช่น แก่จัด ไม่อมน้ำ ถ้าวันหนึ่งทุเรียนราคาถูกลงไปเรื่อย ๆ เหลือ กก.ละ 60-70 บาท โรงงานแช่แข็งเป็นความจำเป็น
ดังนั้นตอนนี้จึงต้องพยายามให้สหกรณ์ที่มีโรงงานแช่แข็งอยู่รอด การสร้างโรงงานเป็นเรื่องที่ยากเพราะลงทุนสูง รัฐบาลต้องส่งเสริมระบบสหกรณ์ให้เรียนรู้ แทรกอยู่ในธุรกิจทุเรียนแช่แข็งเพื่อส่งออกให้ได้ ช่วยสนับสนุนการดำเนินงานของระบบสหกรณ์เพียง 5% ให้สหกรณ์ไปต่อได้ เช่น เงินกู้ในอัตราดอกเบี้ยต่ำร้อยละ 2 ไม่ใช่ร้อยละ 6 ตอนนี้ไม่มีใครคิดล่วงหน้าถึงความจำเป็นของห้องเย็น ราคาทุเรียนยังไม่ต่ำมาก” นายวุฒิพงศ์กล่าว
จีนมี AI TC Scan เนื้อทุเรียน
แหล่งข่าวจากผู้ประกอบการส่งออกทุเรียนเปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ล้งภาคใต้เปิดรับซื้อปีนี้น้อยอยู่แล้ว เกือบทั้งหมดเป็นล้งคนจีน น่าจะมีจำนวน 200 กว่าล้ง เนื่องจากเห็นว่ามีความเสี่ยงมากขึ้น จากการปล่อยเงินกู้ให้ ให้ชาวจีนมาลงทุนค้าขายทุเรียนในไทย แต่กลับประสบภาวะขาดทุนอย่างมากช่วง 2-3 ปีก่อน ๆ จึงไม่สนับสนุนเงินทุนให้อีก ล้งจีนที่เข้ามารับน้อยลง ทำให้การแข่งขันราคากันน้อยลง ล้งที่อยู่ได้ คือ ล้งที่ทำคุณภาพ มีแบรนด์เป็นที่น่าเชื่อถือ รวมทั้งคุณภาพทุเรียน มีปัญหาไส้ซึม ราดำ จากสภาพอากาศ
ขณะที่จีนมีการคัดคุณภาพกันเข้มข้น สถานการณ์ดังกล่าวทำให้ราคาทุเรียนภาคใต้ราคาตกต่ำกว่าภาคตะวันออกมาก และมีผลผลิตที่ตกเกรดจากการส่งออกจำนวนมาก ทำให้วิกฤตเป็นโอกาสของการทำธุรกิจห้องเย็น การทำทุเรียนคุณภาพในอนาคต จีนจะมีเครื่องมือ นวัตกรรมเทคโนโลยีใหม่ ๆ ทั้ง AI TC Scan ตรวจสอบ วิเคราะห์เนื้อทุเรียน ทั้งความแก่ ความสุก สารตกค้าง ทุเรียนไทยต้องเตรียมปรับตัว
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ทุเรียนแช่แข็ง ไทยชนเวียดนาม อนาคตจีนมี AI Scan เช็กคุณภาพ
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net