'อินเดีย' ยังคงเดินหน้า 'ซื้อน้ำมันจากรัสเซีย' ไม่หวั่นทรัมป์ขู่ลงโทษเพิ่ม
แหล่งข่าวรัฐบาลอินเดียเผยกับรอยเตอร์สเมื่อวันเสาร์ (2 ส.ค.) อินเดีย จะยังคง ซื้อน้ำมันรัสเซีย แม้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ทรัมป์ ขู่ลงโทษ
รอยเตอร์สระบุว่า นอกเหนือจากภาษีสินค้านำเข้าที่สหรัฐเรียกเก็บจากอินเดียแล้ว ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ระบุในโพสต์เมื่อเดือน ก.ค. ด้วยว่า อินเดียอาจเผชิญบทลงโทษเพิ่มจากการซื้อน้ำมันและอาวุธจากรัสเซีย แต่เมื่อวันศุกร์ (1 ส.ค.) ทรัมป์เผยกับผู้สื่อข่าวว่า เขาได้ยินมาว่าอินเดียจะไม่ซื้อน้ำมันจากรัสเซียอีก
อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวบอกว่า อาจยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงในทันที เนื่องจากสัญญาการซื้อน้ำมันนั้นเป็นสัญญาระยะยาว และไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหยุดซื้อได้ในชั่วข้ามคืน
แหล่งข่าวอีกรายหนึ่งให้เหตุผลสนับสนุนการซื้อน้ำมันจากรัสเซียของอินเดียว่า การนำเข้าน้ำมันดิบจากรัสเซียของอินเดียช่วยหลีกเลี่ยงภาวะราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นทั่วโลก ซึ่งขณะนี้ราคายังคงทรงตัวแม้ชาติตะวันตกจะควบคุมการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียก็ตาม
แหล่งข่าวกล่าวว่า น้ำมันดิบรัสเซีย ไม่ได้ถูกคว่ำบาตรโดยตรง ซึ่งต่างจากน้ำมันของอิหร่านและเวเนซุเอลา และอินเดียกำลังซื้อน้ำมันดิบดังกล่าวต่ำกว่าเพดานราคาปัจจุบันที่สหภาพยุโรปกำหนดไว้
หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ยังอ้างคำกล่าวของเจ้าหน้าที่อาวุโสชาวอินเดีย 2 คนที่ไม่เปิดเผยชื่อเมื่อวันเสาร์ (2 ส.ค.) ซึ่งรายงานในทิศทางเดียวกันว่า ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายของรัฐบาลอินเดีย
ด้านเจ้าหน้าที่รัฐบาลอินเดียยังไม่ตอบสนองคำขอความคิดเห็นอย่างเป็นทางการของรอยเตอร์สเกี่ยวกับความตั้งใจในการซื้อน้ำมัน
อย่างไรก็ตาม ในระหว่างการแถลงข่าวประจำวันศุกร์ รันธีร์ ไจสวาล โฆษกกระทรวงการต่างประเทศอินเดีย กล่าวว่า อินเดียมีความร่วมมือที่มั่นคงและยาวนานกับรัสเซีย พร้อมเสริม ข้อกำหนดจัดหาพลังงานจะพิจารณาจากสิ่งที่มีอยู่ในตลาด สิ่งที่มีให้ และสถานการณ์โลกในปัจจุบัน
ส่วนทำเนียบขาวยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นใดๆ
ก่อนหน้านี้ ทรัมป์เคยขู่เก็บภาษีสินค้านำเข้าจากประเทศต่างๆ ที่ซื้อน้ำมันจากรัสเซีย ในอัตรา 100% หากมอสโกไม่บรรลุข้อตกลงสันติภาพกับยูเครน
ทั้งนี้ รัสเซียเป็นซัพพลายเออร์รายใหญ่ของอินเดีย ซึ่งอินเดียเป็นประเทศที่นำเข้าและบริโภคน้ำมันมากเป็นอันดับสามของโลก หรือคิดเป็นประมาณ 35% ของอุปทานทั้งหมด
อินเดียนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียราว 1.75 ล้านบาร์เรลล์ต่อวัน ตั้งแต่เดือน ม.ค.-มิ.ย. ปีนี้ เพิ่มขึ้น 1% จากปีก่อน
อ้างอิง: Reuters