โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

สุขภาพ

เตือนภัย! น้ำต้มพืชกระท่อม ‘เรนโบว์ ช็อต’ อันตรายแรงเกินเบอร์

กรุงเทพธุรกิจ

อัพเดต 11 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 4 ชั่วโมงที่ผ่านมา

หลังจากพืชกระท่อมถูกปลดออกจากบัญชียาเสพติดให้โทษประเภท 5 ตามพ.ร.ย.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2564 ประชาชนสามารถต้มน้ํากระท่อมเพื่อบริโภคภายในครัวเรือนได้ โดยไม่ผิดกฎหมาย อย่างไรก็ตาม การผลิตหรือจําหน่ายน้ําต้มพืชกระท่อมต้องได้รับอนุญาตจากสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ซึ่งมีการตรวจจับผู้กระทำผิดกฎหมายอยาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหลายครั้งที่น้ำต้มพืชกระท่อมนั้น มีการผสมสิ่งที่อันตรายเข้าไปด้วย
ในการประชุมวิชาการคุ้มครองผู้บริโภคด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพแห่งชาติ ประจำปี 2568 ภายใต้หัวข้อ DIGITAL ECONOMY CHALLENGE FOR SUSTAINABILITY "เศรษฐกิจดิจิทัล ความท้าทายและโอกาสในการพัฒนาที่ยั่งยืน" จัดโดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) เมื่อเร็วๆนี้

มีการนำเสนอผลการศึกษาวิจัย เรื่อง “สถานการณ์ของการใช้ยาน้ําเชื่อมผิดวัตถุประสงค์จากของกลางน้ําต้มพืชกระท่อมในเขตสุขภาพที่ 5 ระหว่างปีงบประมาณ 2564-2568” ของตวงพร เข็มทอง, ปริญญา มาประดิษฐ และณัชชา แก้ววงล้อม ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 5 สมุทรสงคราม

ระบุว่า จากข้อมูลบันทึกการจับกุมของเจ้าหน้าที่รัฐหลังการเปลี่ยนแปลงกฎหมาย พบว่าลั กษณะของการกระทําผิดได้เปลี่ยนจากการจับกุมผู้เสพมาเป็นการจับกุมผู้จําหน่ายน้ำต้มพืชกระท่อมโดยไม่ได้รับอนุญาต และพบการผสมยาน้ำเชื่อม เช่น ยาแก้แพ้หรือยาแก้ไอ ลงในน้ําต้มพืชกระท่อม

หรือมีการจําหน่ายยาน้ำเชื่อมควบคู่กันเพื่อให้ผู้บริโภคนําไปผสมเอง เข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.ยา พ.ศ. 2510 พฤติกรรมดังกล่าวแพร่หลายในกลุ่มเยาวชนและผู้ใช้แรงงาน โดยเฉพาะในพื้นที่เขตสุขภาพที่ 5

การใช้ยาน้ำเชื่อมร่วมกับน้ำต้มพืชกระท่อม ก่อให้เกิดผลกระทบต่อระบบประสาทส่วนกลาง เช่น อาการง่วงซึมสับสน หมดสติ เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ โดยเฉพาะผู้ที่ต้องขับขี่ยานพาหนะหรือทํางานร่วมกับเครื่องจักร อีกทั้ง ยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการใช้ซ้ำ เพื่อความผ่อนคลายและพฤติกรรมเสพติดจากรสหวานของยาน้ำเชื่อม

เมื่อความต้องการบริโภคยาน้ำเชื่อมเพิ่มขึ้น ภายใต้การควบคุมการจําหน่ายยาอย่างเข้มงวดในร้านยา จึงพบการลักลอบผลิตยาปลอมที่ไม่มีตัวยาสําคัญตามที่ระบุบนฉลาก ดังนั้น การใช้ยาน้ำเชื่อมผิดวัตถุประสงค์ โดยการนํามาผสมกับน้ำต้มพืชกระท่อม จึงเป็นปัญหาสําคัญที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและความปลอดภัยของผู้บริโภค ทั้งยังเข้าข่ายความผิดตามกฎหมายหลายฉบับ

การศึกษานี้จึงมีความสําคัญในการเฝ้าระวังแนวโน้มการใช้ผลิตภัณฑ์สุขภาพผิดประเภท และเพื่อเสนอแนวทางการจัดการเชิงระบบในระดับพื้นที่อย่างเหมาะสม ซึ่งเป็นการวิจัยเชิงพรรณนา (Descriptive Research) โดยใช้ข้อมูลทุติยภูมิจากหน่วยงานภาครัฐและการทบทวนเอกสารทางวิชาการและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

กลุ่มตัวอย่างเป็นของกลางน้ําต้มพืชกระท่อม และยาน้ำเชื่อมทั้งหมดที่ส่งตรวจพิสูจน์ ณ ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 5 สมุทรสงคราม จากการจับกุมผู้กระทําความผิดในพื้นที่เขตสุขภาพที่5 ได้แก่ สุพรรณบุรี นครปฐม กาญจนบุรี ราชบุรี สมุทรสงคราม สมุทรสาคร เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์ จํานวน 778 ตัวอย่าง ระยะเวลาการดําเนินงาน: ตุลาคม 2563 - พฤษภาคม 2568

จากผลการวิเคราะห์ตัวอย่างของกลาง ในพื้นที่เขตสุขภาพที่ 5 ระหว่างปีงบประมาณ 2564 -2568 จํานวน 778 ตัวอย่าง แบ่งเป็น น้ำต้มพืชกระท่อม 482 ตัวอย่าง (61.95%) ยาน้ำเชื่อม 272 ตัวอย่าง(34.96%) และผลิตภัณฑ์ลักษณะคล้ายยาน้ำเชื่อมที่ระบุบนฉลากว่าเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารหรือน้ำเชื่อม 24ตัวอย่าง (3.09%)

ในกลุ่มน้ําต้มพืชกระท่อม พบการผสมไดเฟนไฮดรามีน (Diphenhydramine) 123 ตัวอย่าง(25.52%) คลอร์เฟนิรามีน (Chlorpheniramine) 99 ตัวอย่าง (20.54%) และผสมทั้งสองชนิดร่วมกัน 37 ตัวอย่าง (7.68%) โดยไม่พบการผสมโคเดอีนหรือสารเสพติดอื่น

ยาน้ำเชื่อมที่นิยมใช้ผสมกับน้ําต้มพืชกระท่อม คือ ยาที่มีส่วนผสมของไดเฟนไฮดรามีน 161 ตัวอย่าง (59.19%) และคลอร์เฟนิรามีน 111 ตัวอย่าง (40.81%) โดยในจํานวนนี้เป็นยาที่มีเลขทะเบียนถูกต้อง 264 ตัวอย่าง (97.06%) ในจํานวนนี้เป็นยาปลอม (ยาที่ไม่มีตัวยาตามที่ระบุไว้บนฉลาก) 12 ตัวอย่าง (4.55%) และการเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์เป็นขวดบีบเพื่อหลีกเลี่ยงการ ตรวจสอบ 8 ตัวอย่าง (2.94%)

จากข้อมูลบันทึกการจับกุมผู้กระทําความผิดเกี่ยวกับน้ำต้มพืชกระท่อมและยาน้ําเชื่อมในปีงบประมาณ 2564 พบว่าเป็นการจับกุมผู้เสพ 60 คดี รวม 87 ตัวอย่าง โดยของกลางบรรจุในหม้ออลูมิเนียมหรือกระติกน้ําแข็ง ปีงบประมาณ 2565 อยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านการบังคับใช้กฎหมายจึงมีการส่งตรวจของกลางเพียง 5 ตัวอย่าง และไม่มีข้อมูลผู้กระทําผิด

ในปีงบประมาณ 2566 เป็นต้นมา แนวโน้มเปลี่ยนเป็นการจับกุมผู้จําหน่าย โดยของกลางบรรจุในขวดพลาสติกใสพร้อมจําหน่าย ขนาดบรรจุ 600 มิลลิลิตร ถึง 1.5 ลิตร พบผู้กระทําผิดชาวไทย 192 คดี รวม 602 ตัวอย่าง และชาวเมียนมา 59 คดี รวม 84 ตัวอย่าง

ปีงบประมาณ2567 เริ่มพบการระบาดในพื้นที่อื่นนอกเหนือจากจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และสมุทรสาคร รวมถึงการปรับแต่งผลิตภัณฑ์ให้มีสี กลิ่น และรสชาติน่ารับประทานในรูปแบบ “rainbow shot” ซึ่งพบในพื้นที่อําเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม ในปีงบประมาณ 2568

สรุปการศึกษาตัวอย่างของกลางในพื้นที่เขตสุขภาพที่ 5 ระหว่างปี 2564–2568 พบการใช้ยาน้ำเชื่อมผสมกับน้ำต้มพืชกระท่อมอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะยาที่มีส่วนผสมของไดเฟนไฮดรามีนและคลอร์เฟนิรามีน ทั้งนี้ แนวโน้มการกระทําผิดได้เปลี่ยนจากการเสพเพื่อบริโภคส่วนบุคคลไปสู่การจําหน่ายเชิงพาณิชย์ในรูปแบบที่ซับซ้อนมากขึ้น เช่น การปรับแต่งผลิตภัณฑ์ การลักลอบผลิตยาปลอม และการเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ สะท้อนถึงความท้าทายในการควบคุมผลิตภัณฑ์สุขภาพในระดับพื้นที่

จึงควรมีการจัดการเชิงระบบผ่านการเฝ้าระวังเชิงรุก การบูรณาการข้อมูลระหว่างหน่วยงาน การสื่อสารความเสี่ยงต่อประชาชน และสนับสนุนการมีส่วนร่วมของชุมชน เพื่อป้องกันและลดผลกระทบต่อสุขภาพอย่างยั่งยืน

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก กรุงเทพธุรกิจ

ฟังเสียงชาวโซเชียลปี 68 กังวลเศรษฐกิจ ห่วงปากท้อง ข้าวของแพง

27 นาทีที่แล้ว

'เอส สไปน์ แอนด์ จอยท์'รพ.เฉพาะทาง รักษากระดูกสันหลังและข้อครบวงจร

31 นาทีที่แล้ว

ภาษี 19%สหรัฐ ซัด 'อิเล็กทรอนิกส์ไทย'! ดีมานด์หด ผู้ผลิตเร่งปรับตัวรับมือ ‘เกมใหม่’

51 นาทีที่แล้ว

‘Kura Sushi’ ซูชิสายพาน ผลผลิตเวิลด์เอ็กซ์โปโอซาก้า l World Pulse

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความสุขภาพอื่น ๆ

'เอส สไปน์ แอนด์ จอยท์'รพ.เฉพาะทาง รักษากระดูกสันหลังและข้อครบวงจร

กรุงเทพธุรกิจ

เช็คด่วน! ประกันปรับเงื่อนไข เพิ่มเบี้ยไม่แจ้งล่วงหน้า หากพบร้องเรียนได้ทันที

ฐานเศรษฐกิจ

สปสช.เล็งปรับ 'คลินิกบัตรทอง กทม.' ใหม่ แก้ปัญหาใบส่งตัว

กรุงเทพธุรกิจ

"วัยทอง" เป็นได้ทั้งชายและหญิง เช็กอาการ พร้อมวิธีแก้

TNN ช่อง16

สั่ง สปสช.ดูแลสิทธิบัตรทอง พื้นที่เสี่ยงชายแดนไทย-กัมพูชา อุทกภัยภาคเหนือ

ฐานเศรษฐกิจ

Ginger Shots ทริคดูแลสุขภาพสไตล์เซเลน่า ดื่มน้ำขิงแล้วหุ่นดีจริงเหรอ ?

SistaCafe

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...