HNS ทางเลือกใหม่ รพ.บำรุงราษฎร์ รักษาโรคนอนกรนหยุดหายใจขณะหลับ
โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เปิดตัวนวัตกรรมกระตุ้นเส้นประสาทใต้ลิ้น Hypoglossal Nerve Stimulation (HNS) เป็นอีกทางเลือกสำหรับผู้ที่ไม่สามารถใช้เครื่อง CPAP (Continuous Positive Airway Pressure) ได้ ซึ่งมีประมาณ 20% เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตผู้ป่วยโรคนอนกรนหายใจขณะหลับ โดยผนึกกำลังทีมแพทย์เฉพาะทางและสหสาขาวิชาชีพมากประสบการณ์ ชูความพร้อมและศักยภาพในฐานะผู้นำด้านการแพทย์ระดับโลก
จากข้อมูลวารสาร The Lancet Respiratory Medicine ปี ค.ศ. 2019 พบผู้ป่วยโรคนอนกรนหยุดหายใจขณะหลับทั่วโลกสูงถึง 936 ล้านคน ขณะที่ในประเทศไทย ได้มีการประเมินว่าชายวัยกลางคนกว่า 20-30% และหญิง 10-15% อาจมีภาวะนี้โดยไม่รู้ตัว โรคนี้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อคุณภาพชีวิตตั้งแต่ความอ่อนเพลียระหว่างวัน ไปจนถึงเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจ หลอดเลือดสมอง และเบาหวาน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
ภัยคุกคามผู้หญิง! 'เนื้องอกมดลูก' อาการเตือนที่ไม่อยากให้ละเลย
คุณเสี่ยง 'ออทิสติกในผู้ใหญ่' หรือไม่? เช็กสัญญาณ วิธีใช้ชีวิต
โรคนอนกรนหยุดหายใจขณะหลับ อันตรายที่ไม่ควรมองข้าม
พญ.ดารกุล พรศรีนิยม แพทย์เฉพาะทางด้านประสาทวิทยา และเวชศาสตร์การนอนหลับ เผยว่าการนอนเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะสมองจะมีฟังค์ชันต่าง ๆ ที่ทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นขณะนอนหลับแล้วขจัดสารพิษที่ค้างอยู่ในสมองให้ออกไป ซึ่งจะทำงานได้ดีขณะที่นอนหลับลึกมากกว่าตอนตื่นสูงถึง 10-20 เท่า แต่หากนอนหลับไม่ดีพอจะทำให้เกิดสารพิษสะสม และเสี่ยงต่อโรคสมองเสื่อม ซึ่งสาเหตุหลักเกิดจาก “โรคนอนกรนหยุดหายใจขณะหลับ”
โดยโรคนอนกรนหยุดหายใจขณะหลับเกิดจากการที่กล้ามเนื้อทางเดินหายใจส่วนต้นหย่อนตัวขณะหลับ ทำให้ร่างกายขาดออกซิเจนและสมองต้องปลุกให้ตื่นมาเป็นระยะ ๆ ส่งผลให้ตื่นบ่อยในตอนกลางคืน หลับไม่สนิท คุณภาพการนอนไม่ดี ตื่นเช้ามาไม่สดชื่น รวมไปถึงการนอนกรนเสียงดัง กัดฟันตอนนอน ปวดศีรษะ, ปากแห้ง, คอแห้ง, เจ็บคอ ในตอนเช้าหลังตื่นนอนทันที ง่วงนอนกลางวัน สมาธิและความจำลดลง อารมณ์ไม่ดี บางคนอาจเป็นหนักถึงขั้นกลายเป็นโรคซึมเศร้า ซึ่งอาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคนอนกรนหยุดหายใจขณะหลับ
กลุ่มเสี่ยงต่อ "โรคนอนกรนหยุดหายใจขณะหลับ"
● เพศชาย มีความเสี่ยงสูงกว่าผู้หญิงถึง 3 เท่า
● ผู้ที่มีน้ำหนักเกินเกณฑ์
● จมูกคด คางเล็ก ต่อมทอนซิลโต
● ดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ และใช้ยานอนหลับเป็นประจำ
● เพศหญิงวัยหมดประจำเดือน
● ผู้มีโรคประจำตัว เช่น ความดันสูง เบาหวาน หัวใจ หลอดเลือดสมอง สมองเสื่อม พาร์กินสัน ลมชัก
หากพบว่าอยู่ในกลุ่มเสี่ยงหรือมีอาการดังกล่าวควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อเข้ารับการวินิจฉัย เพราะอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพและชีวิต หากไม่ได้รับการรักษา ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยระยะสั้น อาจมีอาการนอนหลับไม่สนิท ง่วงกลางวัน สมาธิ-ความจำลดลง อารมณ์แปรปรวน เสี่ยงหลับขณะขับรถ และรบกวนความสัมพันธ์ในครอบครัว เช่น เสียงกรนดัง ส่วนระยะยาว เพิ่มความเสี่ยงโรคเบาหวาน โรคความดันสูง โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง อัลไซเมอร์ มะเร็งบางชนิด และสมรรถภาพทางเพศเสื่อม
นวัตกรรม HNS ทางเลือกใหม่ ยกระดับคุณภาพชีวิต
ในฐานะผู้นำด้านการแพทย์ระดับโลก โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เปิดตัวนวัตกรรม Hypoglossal Nerve Stimulation (HNS) หรือ Inspire ทางเลือกใหม่สำหรับผู้ป่วยโรคนอนกรนหยุดหายใจขณะหลับ ซึ่งได้รับการอนุมัติจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (FDA) เมื่อปี พ.ศ. 2557 ซึ่งถูกนำไปใช้รักษาผู้ป่วยทั่วโลกแล้วกว่า 100,000 ราย โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา ยุโรป และประเทศชั้นนำในเอเชียอย่างญี่ปุ่นและสิงคโปร์ แสดงให้เห็นถึงการยอมรับในวงการแพทย์ทั่วโลก จึงมั่นใจได้ในเรื่องประสิทธิภาพและความปลอดภัย
สำหรับประเทศไทย นวัตกรรม HNS ผ่านการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแห่งประเทศไทย (อย.) เมื่อปี พ.ศ. 2567 และมีการนำนวัตกรรมนี้มาใช้เป็นครั้งแรกในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2568 ซึ่งปัจจุบันโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ได้รักษาผู้ป่วยสำเร็จและมีผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจ ด้วยการทำงานของทีมแพทย์เฉพาะทางและสหสาขาวิชาชีพที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์สูง ทั้งในด้านการวินิจฉัยและวางแผนการรักษาที่ครอบคลุม เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับผลลัพธ์ที่ดีและยั่งยืน
ศ.นพ.ชัยรัตน์ นิรันตรัตน์ แพทเฉพาะทางด้านโสต ศอ นาสิก และโสต ศอ นาสิกวิทยาการนอนหลับ อธิบายถึงแนวทางการรักษาด้วยนวัตกรรม HNS ว่า เป็นนวัตกรรมที่มีความปลอดภัยสูงซึ่งผ่านการรับรองจาก FDA สหรัฐอเมริกาและ อย. ประเทศไทย สามารถควบคุมอาการนอนกรนในผู้ป่วยได้ต่อเนื่องกว่า 10 ปี โดยไม่กระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน และไม่มีเสียงรบกวน
วิธีนี้เป็นการใช้อุปกรณ์ฝังใต้ผิวหนังที่หน้าอกด้านขวา เชื่อมต่อเส้นประสาทใต้ลิ้น เพื่อควบคุมกล้ามเนื้อทางเดินหายใจ โดยอุปกรณ์จะมีตัวรับการหายใจเข้าเพื่อคอยประเมินผลการหายใจเข้าแล้วส่งสัญญาณไฟฟ้าอ่อน ๆ ไปกระตุ้นที่เส้นประสาทขณะหลับ เพื่อป้องกันลิ้นตกปิดทางเดินหายใจช่วยให้ทางเดินหายใจโล่งขึ้น และใช้รีโมตในการควบคุม เปิด-ปิด ก่อนนอน ใช้งานง่ายไม่เกะกะ มีความต่อเนื่องในการใช้ เพราะอุปกรณ์นี้จะอยู่ติดกับร่างกายของผู้ป่วย เหมาะสำหรับผู้ที่หยุดหายใจขณะหลับระดับปานกลาง-รุนแรง, ผู้ที่ไม่สามารถใช้เครื่อง CPAP ได้ เช่น มีความรู้สึกอึดอัดจากการสวมหน้ากาก หรือมีข้อจำกัดอื่น ๆ, ผู้ที่ไม่มีโรคระบบประสาท, ผู้ที่มีค่าดัชนีมวลกาย หรือ BMI ไม่เกิน 40 กก./ตร.ม. รวมถึงต้องผ่านการประเมินโดยแพทย์เฉพาะทาง ก่อนเข้ารับการรักษา ซึ่งมีขั้นตอนการเตรียมตัวก่อนเข้าผ่าตัด ดังนี้
● พบแพทย์เฉพาะทาง
● ตรวจ Sleep Test จากนั้นให้ลองใส่ CPAP ว่าสามารถใส่ได้หรือไม่ หากพบข้อจำกัด จึงจะเสนอการรักษาด้วย HNS เป็นอีกทางเลือก
● ส่องกล้อง DISE
● ตรวจสภาพร่างกายโดยทั่วไป
● วางแผนการรักษา ซึ่งเป็นการผ่าตัดที่ให้ความเจ็บปวดน้อย และสามารถกลับบ้านได้ในวันรุ่งขึ้น
เตรียมพร้อมแบบเข้มข้น สู่การรักษาที่มีคุณภาพ
นพ.วิชพันธ์ เหมธัญช์โรจน์ ศัลยแพทย์เฉพาะทางด้านโสต ศอ นาสิก การผ่าตัดเนื้องอกและมะเร็งศีรษะและคอ และการผ่าตัดไซนัส กล่าวถึงความพร้อมในการรักษาด้วยนวัตกรรม HNS ว่า ทางโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ มีทีมแพทย์เฉพาะทาง ได้แก่ แพทย์เวชศาสตร์การนอนหลับ แพทย์ประสาทวิทยา ศัลยแพทย์โสต ศอ นาสิก แพทย์วิสัญญีวิทยา ทำงานร่วมกับทีมสหสาขาวิชาชีพเฉพาะทางด้านเวชศาสตร์การนอนหลับและ Hypoglossal Nerve Stimulation (HNS)
โดยมีเครื่องมือ อุปกรณ์ และเทคโนโลยีที่ครบครัน มีปรึกษาและวางแผนการรักษาเฉพาะบุคคล ไปจนถึงการดูแลแบบบูรณาการที่เน้นความปลอดภัยของผู้ป่วยและผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในทุกขั้นตอน ดังนั้นทุกคนต้องผ่านการอบรมเฉพาะทางเพื่อให้สามารถวางแผนการรักษาแบบองค์รวมได้อย่างแม่นยำ ตั้งแต่ขั้นตอนการคัดกรอง วินิจฉัย ไปจนถึงการผ่าตัดและติดตามผลระยะยาว
การผ่าตัดรักษาด้วย HNS ใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง โดยฝังอุปกรณ์ 3 ส่วนหลักใต้ผิวหนัง ได้แก่
1. ตัวกระตุ้น (Pulse Generator) บริเวณหน้าอกด้านบนข้างขวา
2. สายตรวจจับลมหายใจ (Sensing Lead) บริเวณซี่โครง
3. สายกระตุ้น (Stimulation Lead) บริเวณเส้นประสาทใต้ลิ้น
โดยแผลจากการผ่าตัดมีขนาดเล็กเพียง 2-5 เซนติเมตร ผู้ป่วยส่วนใหญ่สามารถกลับบ้านได้ใน 1 วัน หลังเข้ารับการผ่าตัด และใช้เวลาในการฟื้นตัว 2-4 สัปดาห์ นอกจากนี้ทางโรงพยาบาลยังมีระบบติดตามผลการรักษาอย่างใกล้ชิด โดยมีทีมแพทย์ร่วมกันวางแผนการดูแลเฉพาะรายอย่างเหมาะสม ซึ่งหลังการผ่าตัด ผู้ป่วยจะได้รับการนัดหมายเพื่อตรวจประเมินผลและเปิดใช้งานอุปกรณ์ใน 1 เดือน พร้อมทั้งปรับค่าการกระตุ้นโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและยั่งยืนในระยะยาว
ศ.นพ.ชัยรัตน์ ได้เผยผลลัพธ์การรักษาด้วย HNS ที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ โดยผู้ป่วยรายแรกเริ่มรักษาเมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ.2568 หลังการรักษา ผู้ป่วยนอนดีขึ้น ไม่สะดุ้งตื่นกลางดึก ลดความง่วงตอนกลางวัน รู้สึกสดชื่น และฟื้นตัวเร็วจนสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ปกติใน 1-2 วัน ไม่พบภาวะแทรกซ้อนรุนแรง
สอดคล้องกับผลการวิจัยทางคลินิก STAR Trial ซึ่งตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ชั้นนำ The New England Journal of Medicine ยืนยันว่าการรักษาด้วย HNS ช่วยลดอัตราการหยุดหายใจ (AHI) จากเฉลี่ย 29.3 ครั้ง เหลือ 9 ครั้งต่อชั่วโมง, อาการง่วงกลางวัน (ESS) ดีขึ้นและคงที่ตลอด 5 ปี
อีกทั้งมีภาวะแทรกซ้อนรุนแรงต่ำกว่า 2% และอัตราการถอดอุปกรณ์ออกน้อยกว่า 2% ภายใน 2 ปี นอกจากนี้ยังพบว่ามากกว่า 90% ของคู่ชีวิตผู้ป่วยรายงานว่าเสียงกรนลดลงอย่างชัดเจน สอดคล้องกับผลการรักษาของบำรุงราษฎร์
ทั้งนี้ การรักษาโรคนอนกรนหยุดหายใจขณะหลับด้วยนวัตกรรม HNS กำลังจะกลายเป็น “ทางเลือกหลัก” สำหรับผู้ป่วยที่ไม่สามารถใช้เครื่อง CPAP ได้ และต้องการความสะดวกสบาย สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติแม้เดินทางไปต่างประเทศ ซึ่งทางโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์เชื่อมั่นว่า HNS จะมีบทบาทสำคัญมากขึ้นในการรักษาโรคนอนกรนหยุดหายใจขณะหลับระดับปานกลางถึงรุนแรงในอนาคต และช่วยป้องกันปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงอื่น ๆ ที่อาจตามมาอีกด้วย