"โรม" จวก พท. หันหลังให้คนเห็นต่างทางการเมือง - เผย เดินหน้าผลักดันนิรโทษ ม.112
"โรม" จวก พท. หันหลังให้คนเห็นต่างทางการเมือง เผย เดินหน้าผลักดันนิรโทษ ม.112 ในชั้น กมธ.ต่อ ชี้ ยกมือไหว้อย่างงาม หลัง 6 สส.เพื่อไทย โหวตเห็นด้วย
วันที่ 17 ก.ค. 68 ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.พรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงการตีตก ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรม ของพรรคประชาชน และภาคประชาชน ในฐานะที่เป็นกรรมาธิการจะผลักดันเรื่องนี้ต่ออย่างไร ว่าตนรู้สึกผิดหวัง เพราะเป็นการนิรโทษกรรมแบบเลือกปฏิบัติ เพราะร่างของภาคประชาชนระบุไว้ว่า จะให้นิรโทษกรรมใครบ้าง ส่วนร่างของพรรคประชาชน พยายามเปิดประตูให้กว้างเพื่อดูรายละเอียด เพื่อให้เกิดการยอมรับ โดยดูจากปัจจัยทางการเมืองและจะไม่มีการกีดกันใคร
อย่างไรก็ตามด้วยความใจแคบของรัฐบาล และคิดถึงแต่พวกพ้อง ไม่ได้สนใจทำให้เกิดการคลี่คลายปัญหา จึงทำให้การนิรโทษกรรมทำได้อย่างจำกัด ดังนั้น ในชั้นกรรมาธิการ (กมธ.) ก็ต้องทำให้ดีที่สุด เพราะในร่างของพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่เป็นร่างหลักไม่ได้ระบุว่าไม่ให้รวมการนิรโทษกรรม คดีมาตรา 112 เราจึงต้องผลักดันต่อไป แต่หากพรรครัฐบาลยังแข็งกันเหมือนเดิม ก็ยอมรับว่าไม่ใช่เรื่องง่าย ยืนยันว่าจะทำให้เต็มที่ การพิจารณาเรื่องนี้ต้องโปร่งใส ประชาชนโดยเฉพาะครอบครัวของ ผู้เห็นต่างทางการเมือง ที่ยังอยู่ในเรือนจำ ควรมีสิทธิ์รู้ว่ากฎหมายฉบับนี้มีความคืบหน้าอย่างไร และตัวแทนใน กมธ.คิดอย่างไร จะได้มีสิทธิ์ตัดสินใจ
เมื่อถามว่า มองอย่างไรที่พรรคเพื่อไทยโหวตเห็นชอบ ให้กับร่างของพรรคภูมิใจไทย นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ไม่ใช่ว่าโหวตให้พรรคไหน เพราะร่างของพรรคภูมิใจไทย และรวมไทยสร้างชาติ มีเนื้อหาใกล้เคียงกัน ดังนั้นไม่แปลกใจแต่ประเด็นคือควรแปลกใจว่าที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทย เป็นพรรคที่พูดมาตลอดว่าเป็นตัวแทนของเสียงประชาธิปไตย และเป็นตัวแทนของคนที่ต่อสู้เพื่อความยุติธรรม และพรรคเพื่อไทย ควรทราบดีว่าคนที่เห็นต่างทางการเมือง ถูกกลั่นแกล้งทางกฎหมายขนาดไหน แม้กระทั่งคดีมาตรา 112 ซึ่งมีการดำเนินคดีกับผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทยจำนวนมาก แต่ทำไมพรรคเพื่อไทยเลือกที่จะหันหลังให้ร่างของภาคประชาชน หรือของพรรคประชาชน ตนคิดว่าพรรคเพื่อไทยไม่ควรจะเรียกตัวเองว่าเป็นพรรคของฝ่ายประชาธิปไตยอีกแล้ว พรรคเพื่อไทยไม่ควรเรียกตัวเองว่าเป็นพรรคตัวแทนของการต่อสู้ของผู้เห็นต่างทางการเมืองอีกแล้ว เพราะคุณคือส่วนหนึ่งของการปล่อยให้คนที่เห็นต่างทางการเมืองติดคุกต่อไป โดยที่ไม่มีแม้แต่เสี้ยวหนึ่งของหัวใจในการรับผิดชอบ หรือใช้อำนาจแก้ปัญหาเรื่องนี้ พรรคเพื่อำทยคือพรรคการเมืองที่ปราศจากซึ่งกระดูกสันหลังแห่งความกล้าหาญในการพาสังคมไทยฝ่าออกจากวิกฤต
นายรังสิมันต์ กล่าวอีกว่า เมื่อพูดถึงพรรคเพื่อไทย ต้องขอแยกออกจาก สส.พรรคเพื่อไทย ทั้ง 6 ท่าน ที่ลงมติเห็นชอบให้ร่างของภาคประชาชน และของพรรคก้าวไกล ส่วนตัวก็ขอขอบคุณทั้ง 6 ท่านที่ได้ลงมติสนับสนุน อย่างน้อยที่สุดก็มีบางท่าน ที่เราพอจะยกมือไหว้ได้อย่างรู้สึกดี แต่ต้องยอมรับว่า ความคาดหวังของตนเองไม่ใช่แค่ 6 คน แต่ความคาดหวังคือพรรคการเมือง อย่างเช่นเวลาประชาชนคาดหวังต่อพรรคของเรา คงไม่ได้คาดหวังเพียงนายรังสิมันต์ ก็คงคล้ายกัน ขอขอบคุณทั้ง 6 คนแ ต่ก็ยังเสียดายที่พรรคเพื่อไทยมีพฤติกรรมแบบนี้ ซึ่งชัดเจนว่าพรรคเพื่อไทยก็มีอุดมการณ์ ความคิด ความเชื่อ ไม่ต่างจากพรรคการเมืองอื่นอีกแล้ว