โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

3 แพร่งรัฐบาล ‘แพทองธาร’ จังหวะ ‘ทักษิณ-เศรษฐา’ปลุกเกมนายกฯ นอกสภา

กรุงเทพธุรกิจ

อัพเดต 12 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 8 ชั่วโมงที่ผ่านมา

เรตติ้งการเมืองสะท้อนผ่านผลโพล โฟกัสไปที่ศูนย์สำรวจความคิดเห็นสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ หรือ“นิด้าโพล” เปิดเผยผลการสำรวจ เรื่อง “การเมืองไทย ไปต่อแบบไหนดี” สำรวจระหว่างวันที่ 4-7 ก.ค.2568 เกี่ยวกับความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อสถานการณ์ทางการเมืองไทยในปัจจุบัน

“นิด้าโพล” ถามความคิดเห็นของประชาชนต่อสถานการณ์ทางการเมืองไทยในปัจจุบันโดยพบว่า

  • 42.37% ระบุว่า แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ควรประกาศลาออกจากตำแหน่ง เพื่อหานายกฯ คนใหม่
  • 39.92% ระบุว่า “แพทองธาร” ควรยุบสภาผู้แทนราษฎร เพื่อจัดการเลือกตั้งทั่วไป
  • 15.04% ระบุว่า ควรบริหารประเทศต่อไปเหมือนเดิม
  • 1.37% ระบุว่า เรียกร้องให้มีการรัฐประหาร

เหนือไปกว่านั้นเมื่อถามถึงบุคคลที่ประชาชนจะสนับสนุนให้เป็นนายกฯ คนต่อไปตามรายชื่อผู้มีสิทธิเป็นนายกฯ ตามรัฐธรรมนูญ ในกรณีที่“แพทองธาร” ต้องพ้นจากตำแหน่งเนื่องจากเผชิญกับปัญหาทางการเมือง พบว่า

  • 32.82% ระบุว่าเป็นพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แคนดิเดตจากพรรครวมไทยสร้างชาติ
  • 27.94% ระบุว่า ไม่สนับสนุนใครเลยตามรายชื่อผู้มีสิทธิเป็นนายกฯ ตามรัฐธรรมนูญ
  • 11.53% ระบุว่าเป็น “อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย
  • 10.92% ระบุว่าเป็น“ชัยเกษม นิติสิริ” แคนดิเดตจากพรรคเพื่อไทย เป็นต้น

“แพทองธาร” บนทาง 3 แพร่ง

อย่างที่รู้กันท่ามกลางสถานการณ์รัฐบาล ที่เวลานี้กำลังตกอยู่ในสภาวะ “สุญญากาศนายกฯ” หลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ “แพทองธาร” หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯชั่วคราว หลังรับคำร้อง “36 สว.” ที่ยื่นถอดถอนจากกรณีคลิปเสียงสนทนากับฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ซึ่งตามกระบวนการพิจารณาคดีคาดว่าจะใช้เวลา 45-60 วันจึงจะรู้ผล

ย่อมส่งผลให้สถานการณ์ของ “แพทองธาร” ซึ่งเวลานี้มีสถานะเป็นเพียงรมว.วัฒนธรรม อยู่ในช่วงที่กำลังจดจ่อรอลุ้นคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ภายใต้ฉากทัศน์การเมืองที่กำลังดำเนินอยู่บน “ทางสามแพร่ง”

ทางแรก หากผลออกมา “เป็นบวก” คือ “นายกฯแพทองธาร” ไม่สิ้นสุดความเป็นนายกรัฐมนตรี รัฐบาลภายใต้สมการ 260 เสียง ก็จะเดินหน้าบริหารประเทศต่อไปได้ ท่ามกลางสารพัดโจทย์ใหญ่ทั้งการเมืองใน และนอกสภาฯ ที่กำลังรุกไล่รัฐบาลในเวลานี้

ไม่ต่างจากปัญหาเศรษฐกิจทั้งใน และนอกประเทศ เห็นชัดจากผลสำรวจ “สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชน เรื่อง“ครม.ชุดใหม่ และภาษีทรัมป์”ระหว่างวันที่ 8-11 ก.ค.68

คำถามสำคัญอยู่ที่ผลงานหรือนโยบายที่อยากเห็นคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เร่งดำเนินการมากที่สุด

  • การแก้ปัญหาค่าครองชีพ เศรษฐกิจ 65.41%
  • ช่วยเหลือภาคเกษตรกร 52.73%
  • แก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน 50.80% .
  • ปฏิรูป และเร่งพัฒนาด้านการศึกษา 49.12%
  • ปฏิรูปราชการให้ทันสมัย 48.03%

เมื่อถามถึงกรณีโดนัลด์ ทรัมป์ เรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าไทย 36% คาดว่าจะกระทบเศรษฐกิจไทยมากน้อยเพียงใด พบว่า

  • 50.04% มองว่า กระทบมาก
  • 34.76% มองว่า ปานกลาง
  • 11% มองว่า กระทบน้อย

ทว่าหากการเมืองดำเนินไปสู่ ทางแยกที่สอง ผลออกมา “เป็นลบ” คือ ศาลวินิจฉัยให้ “แพทองธาร” สิ้นสภาพการเป็นนายกรัฐมนตรี การเมืองก็จะเข้าสู่ “จุดพลิก” อีกครั้ง ผลที่จะตามมาคือ กระบวนการเลือกนายกฯ คนใหม่

โดยขณะนี้มีรายชื่อที่อยู่ในบัญชีพรรคการเมืองประกอบด้วย ชัยเกษม นิติสิริ จากพรรคเพื่อไทย อนุทิน ชาญวีรกูล จากพรรคภูมิใจไทย พล.อ.ประยุทธ์ และพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค จากพรรครวมไทยสร้างชาติ และจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ จากพรรคประชาธิปัตย์

ฉากทัศน์นี้เห็นความเคลื่อนไหวจากพรรคเพื่อไทยเป็นระยะ โดยเฉพาะการปรากฏตัวของ “ชัยเกษม” ในฐานะแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย สื่อนัยโชว์ความพร้อมเป็น “นายกฯ ขัดตาทัพ” หากมติศาลรัฐธรรมนูญออกมาเป็นลบ

ทว่าชอยซ์นี้ จะเป็นคำตอบสุดท้ายหรือไม่ยังต้องลุ้น อย่าลืมว่าภายใต้ปมเสี่ยงที่แอบแฝงอยู่ในเวลานี้ คือ ประเด็นที่ “ชัยเกษม” เคยพูดถึงนโยบายแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่อาจสุ่มเสี่ยงเผชิญนิติสงครามรอบใหม่ได้ จุดนี้เองที่อาจเป็นเกมเอื้อให้อำนาจเปลี่ยนมืออีกครั้งหากดัน “ชัยเกษม” เป็นนายกฯ

เป็นเช่นนี้ต้องจับตาว่า พรรคเพื่อไทยจะยอมปล่อยให้ดุลอำนาจเปลี่ยนมือไปอยู่ในมือพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ เพราะหากชื่อนายกฯ ไม่ใช่ “ชัยเกษม” ก็อาจขยับไปที่พรรครวมไทยสร้างชาติซึ่งอยู่ในลำดับถัดไป สอดคล้องกับ “นิด้าโพล” ที่เสียงสนับสนุน “พล.อ.ประยุทธ์” กำลังมาแรง

เหนือไปกว่านั้น ทางที่สาม คือ นายกฯ ประกาศ “ยุบสภา” โดยชอยซ์นี้ถูกจับตาว่า อาจเกิดขึ้นหลังผ่านร่างพ.ร.บ.งบประมาณประจำปี 2569 ในช่วงเดือนก.ย. ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับฤดูการโยกย้ายข้าราชการ และไล่เลี่ยกับไทม์ไลน์ตามที่มีการคาดการว่า ศาลรัฐธรรมนูญ จะมีคำวินิจฉัยในช่วงเวลาดังกล่าว

ตามฉากทัศน์นี้รัฐบาลจะสามารถรักษาการไปได้อีก 60 วัน จนกว่าจะมีการเลือกตั้ง ซึ่งไทม์ไลน์จะอยู่ในช่วงปลายปีนี้หรือช่วงต้นปีหน้า

อันที่จริงประเด็นนี้เริ่มเห็นสัญญาณมาตั้งแต่การประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) นัดพิเศษ เมื่อวันที่ 3 ก.ค.68 ที่ผ่านมา ได้มีการหารือเกี่ยวกับ “อำนาจของรักษาการนายกรัฐมนตรี” โฟกัสไปที่ประเด็นอำนาจยุบสภา

เหนือไปกว่านั้นยังมีในส่วนของ “บันทึกข้อความ” สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี วันที่ 3 ก.ค.68 ลงนามโดย นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เรื่องการมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาการแทนนายกรัฐมนตรี

เนื้อหาสำคัญระบุ ในประเด็นการ “รักษาการแทนนายกฯ” ผู้รักษาราชการแทนมีอำนาจหน้าที่เช่นเดียวกับ “นายกฯ” ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ และพ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน

ประเด็นนี้จึงสะท้อนให้เห็นว่า ลึกๆ แล้วตัวเลือก “ยุบสภา” อาจเป็นตัวเลือกที่รัฐบาลให้ความสนใจพอสมควรหากไม่ต้องการให้อำนาจนายกฯเปลี่ยนมือ

รองประธานสภาฯ ฉากต่อรองพรรคร่วม

แน่นอนว่า ท่ามกลางสถานการณ์รัฐบาล ที่ตกอยู่ในสภาวะ “สุญญากาศนายกฯ” ขณะที่ “ดุลอำนาจ” ภายในขั้วรัฐบาล ภายใต้สมการรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ ส่งผลให้ “ทุกเสียง” ในสภาฯ มีค่าต่อการโหวตหรือแสดงตนในวาระต่างๆ

จุดนี้เองกลายเป็นเกมเข้าทางบรรดาพรรคการเมืองต่างฝ่ายต่างเปิดเกมสร้างเงื่อนไขต่อรองกันเป็นรายวัน โดยเฉพาะบางโควตาที่ยังคาราคาซังอยู่ในเวลานี้

ต้องจับตา การนัดหมายพรรคร่วมรัฐบาลรับประทานอาหารในวันที่ 22 ก.ค.68 นี้ ซึ่งครั้งนี้จะมี สส.เข้าร่วมด้วย โดยคาดว่าน่าจะมีการพูดคุยประเด็นสำคัญ โดยเฉพาะการกำชับหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลในเรื่องการควบคุมเสียงเป็นองค์ประชุมเพื่อแก้ปัญหาประชุมล่ม

แน่นอนว่า ลำพังแค่ “3 เสียง” ภูมิใจไทยที่โหวตสวนมติพรรค ในการพิจารณาถอนวาระเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ แม้จะพออนุมานได้ว่า เป็นการดูดเสียงฝ่ายค้านเติมเสียง “ขั้วรัฐบาล” เอาเข้าจริงอาจต้องเผื่อเหลือเผื่อขาดกรณี สส.เจ็บ ป่วย ลา อีกพอสมควร

ขณะที่ตำแหน่งรองประธานสภาคนที่ 2 จนถึงเวลานี้ยังเป็นข้อถกเถียงว่า จะเป็นโควตาของพรรคใดกันแน่

สัญญาณล่าสุดจาก“สุทิน คลังแสง” สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ซึ่งอยู่ในกลุ่มสส.อีสาน ดูเหมือนจะยังคงยืนยันว่าโควตานี้ยังเป็นของพรรคเพื่อไทย โดยมองว่า “หากคิดแบบโควตาก็ต้องเป็น สส.อีสาน”

สอดคล้องกับความเคลื่อนไหวที่ว่า “สส.อีสาน” พรรคเพื่อไทยต้องการที่จะได้โควตาดังกล่าวไปอยู่ในการครอบครอง หากเทียบกับจำนวน สส.อีสานที่มีอยู่ในเวลานี้

ขณะที่“สรวงศ์ เทียนทอง” รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะเลขาธิการพรรค กลับมองว่า หากดูตามโควตาแล้วอาจจะเป็นของพรรครวมไทยสร้างชาติ เนื่องจากเป็นพรรคอันดับสองในพรรคร่วมรัฐบาล

หรือแม้แต่ในส่วนของพรรคกล้าธรรม ก่อนหน้านี้ก็มีการโยนชื่อแคนดิเดตรองประธานสภาฯ ออกมาเช่นเดียวกัน

ผ่าดุลอำนาจสภาล่างหากยึดตามดุลอำนาจเดิมของ “ภราดร ปริศนานันทกุล” อดีตรองประธานสภาฯ ในสัดส่วนภูมิใจไทย ที่ลาออกหลังพรรคภูมิใจไทยถอนตัวร่วมรัฐบาล

ตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่สอง จะมีอำนาจ ในการพิจารณากลั่นกรองร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)รวมถึงการจัดระเบียบวาระการประชุมสภาฯ

ฉะนั้นเมื่อต่างฝ่ายต่างมีเป้าประสงค์ที่จะดันวาระเรือธงของตัวเอง โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยที่มีกฎหมายสำคัญรอเสนอเข้าสู่สภาฯ หากกุมอำนาจดังกล่าวไว้ได้ก็ย่อมมีผลในการต่อยอดการเมืองอย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้น

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น หลังเลือกรองประธานสภาฯ คนที่สอง ก็ต้องขึ้นอยู่ที่ “วันมูหะมัดนอร์ มะทา”ประธานสภาผู้แทนราษฎร ว่าจะมีการแบ่งงานใหม่เพื่อเฉลี่ยดุลอำนาจภายในพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่อย่างไร

“ทักษิณ-เศรษฐา” ภาพนายกฯ นอกสภาฯ

จะว่าไปพรรคเพื่อไทยเวลานี้ก็มี“พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน”เป็นรองประธานสภาฯ คนที่หนึ่งอยู่แล้ว 1 คน เช่นนี้จึงต้องไปลุ้นกันอีกครั้งว่าเกมดุลอำนาจจะมีการจัดสรรในขั้วรัฐบาลแบบสมประโยชน์ร่วมกันหลังจากนี้อย่างไร

อ่านเกมทั้ง “หน้าม่าน-หลังม่าน” เพื่อไทยในเวลานี้ ท่ามกลางการเมืองบนความไม่แน่นอนจึงได้เห็น"ทักษิณ ชินวัตร" และ "เศรษฐา ทวีสิน" 2 อดีตนายกฯ ปรากฏตัวต่อสาธารณะบ่อยครั้ง จนถูกตีความว่าเป็นการเคลื่อนไหวเพื่อส่งสัญญาณการวางเกมตั้งรับ “ทาง 3 แพร่ง” ที่กำลังดำเนินอยู่ในเวลานี้

ยิ่งไปกว่านั้นการปรากฏตัวของ “2 อดีตนายกฯ” ลึกๆ อาจหวังผลเพื่อสยบเกมป่วนในและนอกสภาฯ เวลานี้ เสมือนเป็นการยืนยันว่า การเมืองไม่ได้เกิดสุญญากาศตามที่มีการคาดการณ์

ในสภาฯ มีนายกฯ ตัวจริงเวลานี้ถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ นอกสภาฯ ก็มี "2(อดีต)นายกฯ" ที่คอยเป็นกุนซืออยู่เบื้องหลังอีกแรง

แถมยังตอกย้ำเกม “นายใหญ่” ที่ไม่ยอมให้อำนาจเปลี่ยนมือโดยง่ายอย่างแน่นอน

พิสูจน์อักษร….สุรีย์ ศิลาวงษ์

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก กรุงเทพธุรกิจ

ชำแหละ“หมูไทย-หมูสหรัฐ”กระทบแสนล้าน ราคา-ต้นทุน-ประสิทธิการแข่งขันทิ้งห่าง

31 นาทีที่แล้ว

‘JIAN CHA’ ชื่อจีนแต่เป็นของคนไทย ฝันใหญ่มี 1,000 แห่งทั่วโลก ปีนี้บุกสเปน-สหรัฐ-ออสเตรเลีย

48 นาทีที่แล้ว

ฝันร้ายฮ่องกง ยุคเงินหาง่ายจบแล้ว! ‘หนี้เสีย’ จ่อพุ่งสูงสุดรอบ 20 ปี

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

‘แฮกเกอร์’ เปิดวาล์วเขื่อนในนอร์เวย์

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความการเมืองอื่น ๆ

"รัฐบาลแพทองธาร" เตรียมแถลงผลงาน 1 ปี ก.ย.นี้ ชูปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์-บุหรี่ไฟฟ้า

WeR NEWS

"ปปช." มีมติตั้งองค์คณะไต่สวนจริยธรรม "นายกฯอิ๊งค์" ปม "คลิปเสียงฮุนเซน"

สยามรัฐ

“เราโทษตัวเองว่าเป็นคนส่งเขาไปตาย” ฟังเสียงครอบครัวผู้เสียหาย ในวันที่ พ.ร.บ.ทรมานอุ้มหายฯ ยังมีช่องโหว่-ขาดการบังคับใช้อย่างจริงจัง

The MATTER

“ชัยชนะ-รมช.สธ.” ลุยแก้ปัญหายาเสพติด-สุขภาพจิต ชู "มินิธัญญารักษ์" นำร่อง 5 อปท. เริ่ม 1 ส.ค. นี้

THE ROOM 44 CHANNEL

สรุปไฮไลท์การเมืองรอบวัน 14 กรกฎาคม 2568

สยามรัฐ

ศรีสุวรรณร้อง กกต.สอบ สทร.และพรรคการเมืองใหญ่ ปมปล่อยให้ สทร.ครอบงำหรือชี้นำพรรคหรือไม่

สยามนิวส์

ข่าวและบทความยอดนิยม