‘ของมันต้องมี’ นี่ต้องมีจริงไหม? รู้จัก ‘Conspicuous Consumption’ การจับจ่ายฟุ่มเฟือยเพื่ออวดฐานะทางสังคม
ถ้าจะกินไข่เจียวทั้งที ก็ขอเป็นไข่เจียวพิเศษ ปรุงด้วยเชฟระดับมิชลิน เท่านั้นยังไม่พอ ขอเพิ่มความเอ็กซ์คลูซีฟด้วยการถูกเลือกเป็นลูกค้าคนสำคัญ เพื่อวัตถุดิบที่เหนือกว่าไปอีกขั้น
ทั้งๆ ที่ของบางอย่างฟังก์ชั่นหรือหน้าที่การใช้งานแทบไม่ต่างจากของอื่นๆ ทั่วไป แถมหากพิจารณาความคุ้มค่าแล้ว บางอย่างอาจทดแทนด้วยของที่มีราคาถูกกว่าด้วยซ้ำ อย่าง การทานอาหาร หากเพื่อให้อิ่มท้องแล้ว ร้านอาหารตามสั่งก็คงทำได้ไม่ต่างจากร้านไฟน์ไดนิ่ง หรือหากต้องการกระเป๋าเพื่อบรรจุของ กระเป๋าราคาหลักร้อยก็สามารถทำหน้าที่นี้ได้ไม่ต่างจากกระเป๋าแบรนด์เนม แต่ถึงอย่างนั้น หลายคนก็ยังเลือกใช้จ่ายเงินจำนวนมากไปกับของหรูหรามากกว่าอยู่ดี
แน่นอนว่าสิ่งของแต่ละอย่างมีการใช้งานต่างกัน และทุกคนมีสิทธิเต็มที่ในการเลือกซื้อได้ตามความต้องการของตัวเอง แต่นอกจากเพื่อใช้งานแล้ว ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสิ่งของหรือบริการที่เราจับจ่ายใช้เงิน ก็มีไว้เพื่อแสดงฐานะของเราด้วยเช่นกัน
หากเราใช้จ่ายได้โดยไม่เดือดร้อนก็คงไม่เป็นไร แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่รู้สึกเสพติดต้องใช้จ่ายของหรูหราเกินตัวเพื่อให้ได้รับการยอมรับ หรือพฤติกรรมแบบ Conspicuous Consumption สิ่งนี้ก็อาจส่งผลกระทบต่อจิตใจและความสัมพันธ์เราได้
พฤติกรรมที่ว่าคืออะไร ทำไมหลายคนถึงยอมจ่ายเงินแพงๆ เพื่อให้ได้การยอมรับ จากคนที่ไม่รู้จัก แล้วการบริโภคแบบนี้ส่งผลยังไงกับเราบ้าง
การจับจ่ายใช้เงินอย่างฟุ่มเฟือยเพื่อให้เป็นที่ยอมรับ
แม้จะรู้ว่าควรใช้เงินอย่างคุ้มค่า แต่หลายครั้งเราก็เผลอใช้เงินไปกับสิ่งของไม่จำเป็นอยู่บ่อยๆ เรียกว่าพฤติกรรมนี้เกิดขึ้นซ้ำๆ มีให้เห็นจนชิน ธอร์สไตน์ เวเบลน (Thorstein Veblen) นักเศรษฐศาสตร์ จึงตั้งชื่อทฤษฎีนี้ว่า Conspicuous Consumption หรือการใช้จ่ายเงินเพื่อโอ้อวด ที่เขาสังเกตเห็นตั้งแต่ช่วงหลังปฏิวัติอุตสาหกรรม โดนพบว่ากลุ่มคนร่ำรวยที่เกิดขึ้นใหม่และขยายตัวเพิ่มขึ้น กำลังใช้จ่ายเงินไปกับเสื้อผ้าหรูหรา หรืองานเลี้ยงใหญ่โต เพื่อแสดงฐานะมากกว่าการซื้อเพราะความต้องการจริงๆ
ตามแนวคิดของเวเบลน เขาชี้ให้เห็นว่าสินค้ายิ่งราคาสูงมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งน่าดึงดูดมากเท่านั้น เพราะราคาถือเป็นตัวบ่งชี้คุณค่าของผู้ใช้ ดังนั้นผู้คนจึงเลือกที่จะแสดงสถานะของตัวเองผ่านสิ่งของฟุ่มเฟือยต่างๆ เช่น ของแบรนด์เนมสุดหรู อาศัยคฤหาสน์หลังใหญ่กับคนไม่กี่คน เลือกทานอาหารร้านมิชลิน หรือไวน์ แชมเปญ เพื่อแสดงฐานะและรสนิยมของตัวเองว่ามีความพิเศษแตกต่างจากคนอื่นทั่วไป
แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าการใช้ของหรูของแพงทุกอย่างจะเข้าข่ายพฤติกรรมนี้ทั้งหมด เพราะคงไม่ผิดอะไรเราจะซื้อประสบการณ์จากเชฟที่มีชื่อเสียง เพื่อลิ้มลองอาหารรสชาติใหม่ๆ หรือซื้อสินค้าดีมีคุณภาพ ที่มีราคาสูงหน่อย เพราะเชื่อว่าตัวเองจะได้ใช้ของชิ้นนี้ไปได้อีกนาน
แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เราพยายามใช้จ่ายไปกับสินค้าราคาแพง โดยที่ไม่ได้ต้องการมันจริงๆ แต่เพียงต้องการโชว์ว่าเราได้เข้าถึงประสบการณ์นี้ด้วยอภิสิทธิ์บางอย่างที่ไม่ใช่ว่าใครจะมีได้ง่ายๆ เช่น ต้องอาศัยเงินจำนวนมาก หรือต้องมีคอนเน็กชั่นกับคนพิเศษ เพื่อให้ได้รับการยอมรับ และเสียงชื่นชมจากคนรอบข้าง นี่แหละจึงถือว่า Conspicuous Consumption อย่างแท้จริง
เบื้องหลังพฤติกรรมการใช้ของแพง
มีหลายเหตุผลที่ทำให้หลายคนอยากใช้จ่ายเพื่อแสดงความรวย งานวิจัยที่ตีพิมพ์ใน Heliyon วารสารด้านสุขภาพ ปี 2017 พบว่า ในทางจิตวิทยาคนที่มีพฤติกรรมนี้ มักเกี่ยวข้องกับ ความนับถือในตัวเองต่ำ จึงทำให้รู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกกีดกันออกจากสังคม พวกเขาจึงให้ความสำคัญอย่างมากกับภาพลักษณ์ภายนอก โดยเฉพาะกลุ่มคนชนชั้นสูงที่มักใช้จ่ายมากขึ้น เพื่อแสดงสถานะให้สอดคล้องกับภาพลักษณ์ในสังคม จึงทำให้คนกลุ่มนี้ต้องใช้ของหรูหราราคาแพงเป็นพิเศษ
นอกจากนี้ การพยายามทำให้ตัวเองเป็นที่ยอมรับจากข้าวของเครื่องใช้ราคาสูง ยังสอดคล้องกับทฤษฎี Sociometer theory ที่อธิบายว่า เราสามารถรับรู้คุณค่าของตัวเองผ่านสายตาของคนอื่น และการยอมรับทางสังคมด้วย ทำให้หลายครั้งเราพยายามปรับตัวทำตามสิ่งที่สังคมยอมรับ เพื่อรักษาความภาคภูมิใจของตัวเองไว้
แม้จะผ่านมาราว 1 ศตวรรษ แต่พฤติกรรมนี้ก็ยังคงวนเวียนอยู่ในสังคมตลอด แถมยังถูกกระตุ้นให้จับจ่ายซื้อของเพื่อโอ้อวดอยู่เรื่อยๆ โดยเฉพาะในยุคสมัยที่โซเชียลมีเดียมีบทบาทสำคัญ มีงานวิจัยที่ศึกษาเกี่ยวกับผลกระทบของสื่อสังคมออนไลน์ ปี 2019 พบว่า โซเชียลมีเดียในปัจจุบัน ถือเป็นแพลตฟอร์มที่เอื้อให้เกิดพฤติกรรม Conspicuous Consumption อย่างมาก เพราะมีอิทธิพลที่ทำให้ผู้ชมนำมาเป็นแบบอย่าง จนเกิดการเลียนแบบวิธีการใช้เงินหรือซื้อของแบบเดียวกัน แถมพฤติกรรมยังเกิดในกลุ่มผู้มีรายได้น้อยด้วยเช่นกัน ซึ่งก็เป็นสิ่งที่น่าตั้งคำถามต่อไปว่าการใช้จ่ายเกินตัว เพียงเพื่อให้ได้รับการยอมรับจากสังคมเป็นสิ่งที่คุ้มค่าจริงหรือเปล่า
การจับจ่ายใช้สอยแต่ละครั้ง เราไม่ได้ซื้อเพื่อการใช้งานเพียงอย่างเดียว แต่เรายังใช้มันเป็นเครื่องมือแสดงสถานะทางสังคม และใช้เพื่อปกปิดความไม่มั่นใจของตัวเองไว้ด้วย
ผลจากการใช้จ่ายเพื่อให้ได้การยอมรับ
แม้เราจะคาดหวังว่าการได้ใช้สินค้าราคาแพงจะทำให้รู้สึกพอใจที่ได้รับการยอมรับจากคนอื่น แต่ความจริงแล้วไม่เป็นแบบนั้น เพราะความสุขจากสิ่งเหล่านี้มักอยู่กับเราเพียงชั่วคราว ไม่นานเราจะเริ่มเห็นข้อบกพร่องของชิ้นนั้น และหันไปซื้อสิ่งของชิ้นใหม่เรื่อยๆ เพื่อเติมเต็มความว่างเปล่าในใจแทน
การซื้อของเพียงให้ได้การยอมรับจากคนอื่น ไม่เพียงแต่ยิ่งทำให้ความรู้สึกไม่มั่นใจยังคงอยู่ต่อไปเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อความสัมพันธ์ด้วย เพราะพฤติกรรมนี้มักนำไปสู่การแข่งขันเพื่อแย่งชิงให้เป็นคนที่เหนือกว่า และพิเศษกว่าใคร เช่น หากเราต้องการยอมรับจากกลุ่มคนที่ใช้ของแบรนด์เนมเหมือนกัน ก็เลี่ยงไม่ได้ที่เราจะต้องพยายามหาสินค้าแบบเดียวกันมาใช้บ้าง ท้ายที่สุดทั้งเราและกลุ่มสังคมนั้นอาจไม่ได้มองกันแบบเพื่อนอีกต่อไป แต่กลายเป็นคู่แข่งว่าใครจะมีวิธีใช้เงินได้เหนือกว่ากันแทน
วิธีหลุดพ้นจากพฤติกรรมนี้อาจต้องกลับมาทบทวนความต้องการของตัวเองอีกครั้ง จากงานวิจัยด้านจิตวิทยาเกี่ยวกับการลดพฤติกรรม Conspicuous Consumption ปี 2023 พบว่าคนที่มีความสามารถในการทนต่อความไม่แน่นอน (tolerance of uncertainty) หรือ คนที่สามารถรับมือกับสถานการณ์ไม่คาดคิดได้ดี สามารถปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลง จะมีพฤติกรรมการบริโภคแบบโอ้อวดน้อยลง เพราะคนกลุ่มนี้มีความเชื่อมั่นในตัวเอง และไม่จำเป็นต้องชดเชยส่วนที่ขาด ด้วยการใช้สถานะหรือความมั่นคั่ง เพื่อทำให้ตัวเองเป็นที่ยอมรับ
วิธีที่ทำให้เราสามารถกลายเป็นคนที่รับมือกับสิ่งต่างๆ ได้ดี สามารถนำมาปรับใช้กับการใช้จ่ายเงินได้เช่นกัน โดยเราอาจเริ่มต้นด้วยวิธีเหล่านี้ เช่น
จดจ่อเฉพาะสิ่งที่ตัวเองรู้: วิธีนี้คือการให้เรารู้กับความจริงในปัจจุบัน ไม่กังวลกับอดีต หรือกลัวสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งช่วยให้เราให้คุณค่าและลำดับความสำคัญในชีวิตได้อย่างถูกต้อง เช่น หากเรารู้ว่าตอนนี้เรายังไม่ต้องการกระเป๋าใบใหม่ เพราะกระเป๋าใบเดิมยังใช้ได้อยู่ ก็ช่วยให้เราไม่ต้องไล่ตามซื้อสินค้าใหม่ทุกครั้ง มองหาความเป็นไปได้ทั้งหมด ไม่ใช่แค่สิ่งที่น่ากลัว: แม้การไม่เป็นส่วนหนึ่งของสังคมจะรู้สึกแปลกแยกก็จริง แต่การไม่ได้ใช้ของราคาแพง หรือได้บริการที่พิเศษกว่าคนอื่น ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะเข้ากับใครไม่ได้เลยนี่นา เพราะการยอมรับจากสังคมอาจไม่ได้มาจากแค่เรื่องข้าวของภายนอกเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมไปถึงความสามารถ นิสัยใจคอ หรือปัจจัยภายนอกอื่นๆ ด้วย ยอมรับว่าความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นได้: หลายครั้งเราอาจถูกทำให้เชื่อว่าเราไม่ดีพอ หรือต้องการตัวช่วยบางอย่างเพื่อให้ไม่ต้องทำผิดพลาด แต่ความจริงแล้ว แม้จะเตรียมพร้อมดีแค่ไหน แต่เรื่องผิดพลาดหรือความล้มเหลวมักเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ดังนั้นเมื่อเกิดเหตุการณ์เหล่านี้ขึ้น ก็แค่เตรียมใจยอมรับและหาทางแก้ไขมันเท่านั้นเอง ฝึกปลอบตัวเอง: ความไม่สบายใจบางครั้งอาจไม่ได้แก้ปัญหาได้ด้วยเงินเสมอไป ในเวลาที่รู้สึกไม่มั่นใจ หรือรู้สึกโดดเดี่ยว เราอาจลองใช้เวลาอยู่กับตัวเองเงียบๆ พูดคุยกับคนที่เรารัก ทำกิจกรรมผ่อนคลาย เช่น เดินเล่น อาบน้ำอุ่น เล่นกับสัตว์เลี้ยง เท่านี้ก็ช่วยให้เรารู้สึกมั่นคง และสงบสุขขึ้น โดยไม่ต้องพึ่งพาข้าวของภายนอกเลย นอกจากนี้สิ่งที่สำคัญที่สุด เราอาจต้องกลับมาทบทวนอีกครั้งว่าสิ่งที่เราจับจ่ายไป คือสิ่งที่จำเป็นต่อชีวิตเราแค่ไหน และเราต้องการมันจริงๆ หรือเปล่า เพราะบางครั้งสิ่งที่เราตามหาจริงๆ อาจไม่ได้อยู่ในสิ่งของราคาแพงเลยก็ได้นะ
อ้างอิงจาก
Graphic Designer: Phitsacha Thanawanichnam
Editorial Staff: Runchana Siripraphasuk