“เจ้าหน้าที่เฟด” เริ่มส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยปี 68 หลังตลาดแรงงานสหรัฐอ่อนแรง
ประธาน เฟด สาขามินนิอาโปลิส-ซานฟรานฯ หนุนลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ หลังเศรษฐกิจเริ่มชะลอตัวและการจ้างงานต่ำกว่าคาด ขณะเงินเฟ้อยังไม่ชัดว่าจะเร่งขึ้นเพราะภาษีทรัมป์หรือไม่
วันที่ 7 สิงหาคม 2568 เวลา 15.08 น. สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตัดสินใจไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมล่าสุด เจ้าหน้าที่เฟดบางรายเริ่มส่งสัญญาณกังวลมากขึ้นต่อภาวะตลาดแรงงานที่เย็นตัวลง และแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐที่ชะลอตัว แม้ในขณะเดียวกันพวกเขายังคงไม่มั่นใจเกี่ยวกับแนวโน้มเงินเฟ้อที่ยังอยู่เหนือเป้าหมาย 2% ของเฟด
นีล แคชคารี (Neel Kashkari) ประธานเฟดสาขามินนิอาโปลิส กล่าวว่า เขามองว่าองค์ประกอบทุกอย่างชี้ว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าเริ่มเป็นสิ่งที่เหมาะสม
“เศรษฐกิจกำลังชะลอตัว และนั่นหมายความว่าในระยะสั้น เราอาจต้องเริ่มปรับตัวตาม” เขากล่าวในรายการ Squawk Box ของ CNBC พร้อมระบุว่า การลดดอกเบี้ย 2 ครั้ง ครั้งละ 0.25% ภายในสิ้นปีดูเป็นสิ่งที่สมเหตุสมผล
แคชคารี กล่าวว่า ข้อมูลล่าสุดบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจแท้จริงภายใต้พื้นผิวเริ่มชะลอตัวลง สิ่งที่กดดันผมตอนนี้คือ เรายังไม่รู้ว่าผลกระทบจากภาษีนำเข้าจะชัดเจนเมื่อใด
ขณะที่ แมรี เดลี (Mary Daly) ประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโก ให้สัมภาษณ์กับ Reuters เมื่อต้นสัปดาห์นี้ว่า อาจต้องใช้เวลาถึง 6 เดือนหรือมากกว่านั้น กว่าจะเห็นชัดเจนว่าภาษีของรัฐบาลทรัมป์จะผลักดันเงินเฟ้อให้สูงขึ้นในระยะยาวหรือไม่ โดยเธอยอมรับว่าแม้เห็นด้วยกับการคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในการประชุมที่ผ่านมา แต่การชะลอตัวของตลาดแรงงานทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจมากขึ้นกับการตัดสินใจแบบเดิมในการประชุมครั้งต่อไป
เช่นเดียวกับแคชคารี เดลีย์ระบุว่า การลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้น่าจะเหมาะสม แต่จากสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน เธอมองว่ามีโอกาสมากกว่าที่จะต้องลดมากกว่า 2 ครั้ง มากกว่าการลดน้อยกว่า 2 ครั้ง
แม้ทั้งแคชคารีและเดลีย์จะไม่มีสิทธิ์ออกเสียงในปีนี้ แต่ความเห็นของพวกเขาสอดคล้องกับผู้ว่าการเฟดอีกสองรายที่ไม่เห็นด้วย กับมติคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมล่าสุด โดยชี้ว่าเฟดควรลดดอกเบี้ยทันที เพื่อรับมือกับความไม่แน่นอนจากผลกระทบของภาษีนำเข้าสู่ราคาผู้บริโภค
เพียงสองวันหลังการประชุม กระทรวงแรงงานสหรัฐได้เผยแพร่รายงานการจ้างงานเดือนกรกฎาคม ซึ่งชี้ว่าการจ้างงานใหม่ต่ำกว่าคาด และมีการปรับตัวเลขจ้างงานเดือนพฤษภาคมและมิถุนายนลดลงอย่างมาก
ลิซา คุก (Lisa Cook) ผู้ว่าการ Fed กล่าวว่า“นี่เป็นเรื่องที่น่ากังวล” พร้อมระบุว่า การปรับตัวเลขจ้างงานย้อนหลังในลักษณะนี้มักเกิดขึ้นในจุดเปลี่ยนของวงจรเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตามคุกยังไม่เปิดเผยว่าข้อมูลตลาดแรงงานล่าสุดมีผลต่อมุมมองนโยบายการเงินของเธอมากน้อยเพียงใด โดยเธอระบุว่าเช่นเดียวกับแคชคารีและเดลีย์ สิ่งสำคัญคือการแยกแยะให้ได้ว่าการปรับขึ้นของราคานั้นเป็นเพียงครั้งเดียวหรือจะเป็นแบบยั่งยืน
“สิ่งสำคัญคือเราต้องพยายามทำความเข้าใจว่าแนวโน้มจะเป็นแบบใด แต่ข้อมูลที่เรามียังจำกัด และวิธีการนำเข้าสู่แบบจำลองของเราก็ยังมีข้อจำกัดอยู่มาก”
ขณะเดียวกันประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งเรียกร้องให้เฟดปรับลดดอกเบี้ยอย่างรุนแรง ได้กล่าวว่าจะเสนอชื่อผู้ว่าการคนใหม่เข้าสู่คณะกรรมการเฟดในเร็ว ๆ นี้ หลังจากอาเดรียนา คูกเลอร์ (Adriana Kugler) ผู้ว่าการเฟดลาออกแบบไม่คาดหมายเมื่อสัปดาห์ก่อน
อย่างไรก็ดียังไม่แน่ชัดว่าผู้ว่าการคนใหม่นี้จะถูกวางตัวให้เป็นประธานเฟดคนถัดไปต่อจากเจอโรม พาวเวล ที่จะหมดวาระในวันที่ 15 พฤษภาคม หรือเพียงแค่ทำหน้าที่แทนตำแหน่งของคูกเลอร์จนถึงสิ้นเดือนมกราคมปีหน้าเท่านั้น
อ้างอิง : www.reuters.com