เติมรสให้คอนเทนต์สไตล์กิ๊ก-อารยา เพจวันนี้กินไรดีวะ
Gourmet & Cuisine
อัพเดต 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา • Gourmetand & Cuisine เว็บไซต์รวมเรื่องราวอาหาร“วันนี้กินไรดีวะ?” คำถามชวนปวดหัวที่นำมาสู่การเปิดเพจ “วันนี้กินไรดีวะ” ของกิ๊ก-อารยา Food Blogger ชื่อดังที่ตั้งใจแชร์ประสบการณ์จานอร่อยให้เป็นตัวเลือกใหม่ๆ กับเพื่อนในโลกออนไลน์
วันนี้เรามีนัดพูดคุยกับสาวนักกินตัวยง กิ๊ก-อารยา จากเพจวันนี้กินไรดีวะ ที่ผันตัวเองจากมนุษย์เงินเดือนช่างกินมาเป็นอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง “กิ๊กเริ่มทำเพจกับเพื่อนตอนที่โซเชียลเริ่มบูม ตั้งใจบันทึกเรื่องราวเหมือนไดอารีเพื่อตอบคำถามยอดฮิต ‘วันนี้กินไรดีวะ’ เผื่อเป็นไอเดียให้คนอื่นได้ตามรอย เจอของอร่อยก็หยิบมือถือขึ้นมาถ่าย ไม่มีคอมโพส ไม่มีพรอปจัดฉาก มีแค่แสงไฟข้างทางกับความหิวของเราเอง “ตอนนั้นอยู่ในยุคพันทิปเฟื่องฟู ช่วงแรกก็มีแต่เพื่อนเราที่เข้ามาดู คอมเมนต์ก็วนอยู่แค่กลุ่มเดิม จนวันหนึ่งถามตัวเองว่า ‘ทำไมเราไม่ใช้ภาษาที่เราคุยกับเพื่อน(วะ)?’ จึงเปลี่ยนสไตล์เล่าเรื่องด้วยภาษาบ้านๆ ยอดผู้ติดตามก็เริ่มขยับขึ้น ยุคนั้นการใช้ภาษาแบบกันเองในโลกออนไลน์เป็นสิ่งแปลกใหม่ แต่กลายเป็นความเรียลที่ใครก็เข้าถึงได้ เหมือนฟังเพื่อนเล่าเรื่อง ไม่ใช่รีวิวจากคนแปลกหน้า”
คาแรกเตอร์ที่ชัดเป็นธรรมชาติมาพร้อมการเล่าเรื่องขำๆ มีเอกลักษณ์ โดยจะมีคำฮิตติดปาก เช่น “กร๊าวใจมากแม่!” “อร่อยแบบไม่มีสติ” หรือ “ดีจนต้องเบิ้ล!” กลายเป็นเอกลักษณ์ที่คนจดจำและมักหยิบมาแซวกันในคอมเมนต์ แน่นอนว่ามีคนชอบก็ต้องมีคนหมั่นไส้บ้างเป็นธรรมดา “บางคอมเมนต์ก็มาแบบจี๊ดๆ อย่าง ‘ทำไมกินแล้วปากเป็นแบบนั้นล่ะ?’ หรือ ‘อาหารดูน่ากิน แต่ไม่เอาหน้าคนได้ไหม’ กิ๊กมีวิธีรับมือกับคอมเมนต์เหล่านี้ด้วยอารมณ์ขันตามสไตล์ เช่น ‘เสียใจจัง’ ตามด้วยอิโมจิเศร้า ซึ่งก็ช่วยให้สถานการณ์เบาลง เพราะอย่างไรก็ตาม ทั้งเสียงรักและเสียงหมั่นไส้ มีส่วนช่วยให้เพจมีสีสันและคึกคัก ช่วยสร้างเอนเกจเมนต์ ทำให้เพจโตขึ้นเรื่อยๆ แบบธรรมชาติค่ะ” พอเปลี่ยนมุมคิด ชีวิตก็ยิ่งสนุกขึ้นในสไตล์ของกิ๊ก-อารยาจริงๆ ทว่าความสำเร็จในอดีตอาจไม่ใช่ตัวชี้วัดความสำเร็จในปัจจุบันและอนาคตอีกต่อไป เพราะในยุคที่ใครๆ ก็สามารถเป็นอินฟลูเอนเซอร์ได้ คุณกิ๊กกล่าวถึงคาแรกเตอร์หรือจุดแข็งที่ทำให้ วันนี้กินไรดีวะ ยังคงยืนระยะและเป็นที่จดจำของผู้ติดตาม
“ความเป็นกันเองคือหัวใจของเพจ ทั้งน้ำเสียงการเล่าเรื่อง ภาษาที่ใช้ และสคริปต์ทุกบรรทัด กิ๊กคิดเองหมด เพราะอยากให้คนดูรู้สึกเหมือนฟังเพื่อนเล่า ไม่ใช่เปิดคลิปรีวิวอาหารแบบเดิมๆ กิ๊กไม่อยากใช้คำซ้ำๆ แบบที่เห็นกันทั่วฟีด เลยตั้งใจหาวิธีเล่าที่ทำให้แม้แต่ข้าวไข่เจียวธรรมดาๆ ก็ดูน่าสนใจได้ นอกจากนี้คือการพูดคุยกับเจ้าของร้าน เพื่อให้ได้ข้อมูลแบบอินไซด์ สิ่งนี้ช่วยเติมรสให้คอนเทนต์เพราะสุดท้ายแล้วเสน่ห์ของเพจ ไม่ใช่แค่ความอร่อยในจาน แต่มันคือเรื่องราวที่อยู่รอบๆ จานนั้นต่างหาก” เมื่อถามว่าถ้ากินแล้วไม่อร่อยจะรีวิวอย่างไร เธอตอบว่า “กิ๊กไม่เคยเอาลิ้นตัวเองเป็นบรรทัดฐานตัดสิน เวลาไปรีวิวจะมีน้องในทีมไปด้วย ช่วยกันชิม ช่วยกันให้ความคิดเห็น ถ้าพบว่าอาหารจานไหนมีปัญหาจริงๆ กิ๊กจะบอกกับทางร้านตรงๆ แบบสุภาพ ฟีดแบ็กกันไปอย่างสร้างสรรค์ บางครั้งเรากินแล้วรู้สึกหวานไปนิด เพราะเราไม่กินหวาน แต่น้องในทีมเรากลับบอกว่าก็หวานปกตินะพี่ นั่นแหละเรื่องรสชาติมันไม่มีมาตรฐานเดียว
“ชานมหวานน้อยของแต่ละคนยังไม่เท่ากันเลย เวลารีวิว กิ๊กจะเล่าให้ฟังอย่างเป็นกลางที่สุด บอกในมุมของตัวเอง ไม่ฟันธงว่าถูกหรือผิด รสชาติเป็นเรื่องของความชอบ เราแค่เล่าสิ่งที่รู้สึก ให้คนดูตัดสินใจเองว่าอยากลองไหม เรารีวิวแบบมีพื้นที่ให้คนดูคิดต่อ ไม่ต้องเชื่อทั้งหมด กิ๊กชอบคำพูดของพี่มาวิน (เพจ Mawinfinferrr) และจำขึ้นใจมาถึงวันนี้ว่า ‘ถ้าคุณไปร้านนั้นแล้วรู้สึกไม่อร่อย แสดงว่าคุณไปผิดที่’ เพราะในขณะที่คุณกำลังนั่งงงกับรสชาติ โต๊ะข้างๆ อาจกำลังนั่งฟินน้ำตาไหลกับจานเดียวกันก็ได้”
แม้จะตระเวนกินอาหารมาหลายสไตล์ แต่เมนูโดนใจและกินบ่อยเป็นพิเศษ คุณกิ๊กบอกยืนหนึ่งยกให้อาหารไทย อาทิ อีกา สาทร สถานที่นัดพบในวันนี้ก็ถือเป็นร้านสุดโปรดในลิสต์ที่ต้องแวะมาฝากท้อง ไม่เพียงชูรสแท้แบบต้นตำรับ ยังมีอัปเดตเมนูใหม่ๆ อยู่เสมอ บางเมนูยังหากินได้ยากอีกด้วย” ก่อนจบบทสนทนา เราขอให้กิ๊กนิยามตัวเอง เธอตอบว่า “กิ๊ก-อารยาเหมือนสตรีทฟู้ด อาหารริมทางแสนอร่อย และเข้าถึงง่าย” ดังนั้นเห็นกิ๊ก-อารยาที่ไหน อย่าลืมส่งเสียงทักทายกันด้วยล่ะ