“ไต้หวัน” เร่งเจรจาภาษีรอบ 4 กับทีมทรัมป์ หวังลดแรงกดดันเสี่ยงถูกเก็บภาษี 32%
"ไต้หวัน" เร่งเจรจาภาษีรอบ 4 กับทีมทรัมป์ แรงกดดันเพิ่มขึ้นหลังญี่ปุ่นและฟิลิปปินส์ตกลงรับภาษี 15%–19% และไต้หวันยังคงเสี่ยงถูกเก็บภาษี 32% หากไม่สามารถปิดดีลได้ทันเส้นตาย
วันที่ 23 กรกฎาคม 2568 เวลา 14.03 น. สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า แหล่งข่าวระบุว่า ผู้เจรจาการค้าของไต้หวันได้เดินทางถึงกรุงวอชิงตัน เพื่อเข้าร่วมการเจรจาภาษีรอบที่ 4 กับคณะทำงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
แหล่งข่าวยืนยันเมื่อวันพุธว่าเฉิง ลี่ฉวิน (Cheng Li-chiun) รองนายกรัฐมนตรีไต้หวัน และหยาง เจินหนี (Yang Jen-ni) ผู้แทนการค้าไต้หวัน ได้เดินทางถึงสหรัฐแล้ว โดยระบุว่าการแลกเปลี่ยนระหว่างสองฝ่ายเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ อย่างไรก็ตามอัตราภาษีสุดท้ายยังไม่แน่นอนและขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของทรัมป์
โดยการเจรจาครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากทรัมป์ประกาศอัตราภาษีใหม่ต่อประเทศเพื่อนบ้านของไต้หวัน โดยญี่ปุ่นและฟิลิปปินส์เผชิญกับอัตราภาษีที่ 15% และ 19% ตามลำดับ ซึ่งแม้จะสร้างความชัดเจนให้กับนักลงทุนหลังจากหลายเดือนของความไม่แน่นอน แต่ก็สร้างแรงกดดันให้ไต้หวันต้องเร่งหาข้อตกลงที่ใกล้เคียงหรือดีกว่า
การพึ่งพาตลาดสหรัฐที่เพิ่มขึ้นของไต้หวันทำให้เกิดความจำเป็นในการลดอัตราภาษีอย่างชัดเจน โดยปีที่แล้วไต้หวันมีดุลการค้ากับสหรัฐเกินดุลราว 65,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมาจากความต้องการสินค้าเทคโนโลยีที่เพิ่มขึ้นในกระแส AI
ตัวเลขดังกล่าวย่อมสร้างความไม่พอใจต่อทรัมป์ ซึ่งพยายามปรับโครงสร้างความสัมพันธ์ทางการค้าของสหรัฐ โดยในเดือนเมษายนที่ผ่านมา เขาเคยประกาศเก็บภาษีสินค้าจากไต้หวันในอัตรา 32% ก่อนจะระงับชั่วคราวเพื่อเปิดทางให้เกิดการเจรจา ทั้งนี้สหรัฐยังคงพิจารณาการเก็บภาษีเฉพาะบางอุตสาหกรรม โดยเฉพาะเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งจะกระทบต่อไต้หวันอย่างมากในฐานะศูนย์กลางการผลิตชิปของโลก
ทั้งนี้เพื่อบรรเทาความไม่สมดุลทางการค้า ไต้หวันได้ส่งสัญญาณว่าเตรียมเพิ่มการจัดซื้อสินค้าอเมริกัน เช่น พลังงาน สินค้าเกษตร และอุปกรณ์ทางทหาร
ขณะเดียวกันไทเปยังให้คำมั่นว่าจะเพิ่มการลงทุนในสหรัฐและปิดช่องโหว่ด้านการควบคุมการส่งออกของสินค้ากลุ่มเทคโนโลยีขั้นสูง ซึ่งเป็นประเด็นที่สหรัฐกังวล โดยเฉพาะในบริบทที่วอชิงตันต้องการสกัดกั้นนวัตกรรมของจีนเพื่อป้องกันไม่ให้จีนได้เปรียบในด้านการทหาร
อ้างอิง : bloomberg.com