โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

ศึกสายการบิน! เทียบฟอร์มหุ้น "THAI - AAV - BA" ใครรุ่ง ใครร่วง ?

PostToday

อัพเดต 17 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 15 ชั่วโมงที่ผ่านมา

กลับมาคราวนี้เพื่อมาทวงความฝันคืน!

การคัมแบ็คของหุ้นการบินไทย สร้างปรากฎการณ์ความฝัน ความหวัง "หุ้นสายการบิน" กลับมาสดใสอีกครั้ง ด้วยมาร์เก็ตแคปหุ้น THAI กว่า 3 แสนล้านบาท หากจะบอกว่าไม่มีผลต่อตลาดหุ้นคงไม่ใช่

เพราะทุกความเคลื่อนไหวของหุ้นใหญ่ระดับนี้ แค่ขยับขึ้น 1 บาท สะท้านสะเทือนดัชนีเด้งขึ้นมากกว่า 2 จุดเลยทีเดียว ในทางกลับกันหากราคาร่วงต่ำย่อมฉุดตลาด ยกเว้นมีหุ้นมาร์เก็ตแคปมากกว่าจะแทงสวน วิ่งขึ้นสามารถดึงตลาดพุ่งได้เช่นกัน

ขอเพียงไม่จับมือกันร่วงก็พอ!

กลับมาที่ราคาหุ้นกลุ่มสายการบินที่ตอนนี้"บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI" คืนบัลลังก์เบอร์หนึ่ง ราคาหุ้นปิดการซื้อขายวานนี้ (5 ส.ค.68) อยู่ที่ 12.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท คิดเป็น +14.29% มูลค่าการซื้อขาย 3,322.44 ล้านบาท ระหว่างวันปรับขึ้นสูงสุด 12.00 บาท ลดลงต่ำสุด 10.30 บาท

หุ้น "บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BA" ปิดที่ 15 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท คิดเป็น +2.04% มูลค่าการซื้อขาย 232.87 ล้านบาท ระหว่างวันปรับขึ้นสูงสุด 15.10 บาท ลดลงต่ำสุด 14.60 บาท

หุ้น"บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV" ปิดที่ 1.27 บาท เพิ่มขึ้น 0.02 บาท คิดเป็น +1.60% มูลค่าการซื้อขาย 200.19 ล้านบาท ระหว่างวันปรับขึ้นสูงสุด 1.30 บาท ลดลงต่ำสุด 1.24 บาท

ภาพรวมการท่องเที่ยวกดดันกำไรไตรมาส 2/2568 ของกลุ่มทั้งจากไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) และช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) โดยยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติในไตรมาส 2/68 ลดลง 25% QoQ และ 12% YoY ภาพการท่องเที่ยวที่อ่อนแอจะส่งผลกระทบเชิงลบกับรายได้ของกลุ่มสายการบินโดยตรงทั้งในแง่ของจำนวนผู้โดยสารและราคาค่าตั๋ว โดยสารโดยสารเฉลี่ย (AverageFare)

ด้านต้นทุนคาดผู้ประกอบการจะสามารถประหยัดต้นทุนน้ำมันมากขึ้น อิงราคา Jet Fuel เฉลี่ยในไตรมาส 2/68 ลดลง 11% QoQ และ 19% YoY ทั้งนี้ ต้นทุนดังกล่าวคิดเป็นราว 30-40% ของต้นทุนรวม ทำให้หากค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น ค่าซ่อมบำรุง ค่าใช้จ่ายพนักงาน และค่าใช้จ่ายการตลาด มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเร็วสวนทางกับรายได้จะกดดันให้การทำกำไรของกลุ่มลดลง YoY

ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด คาดกำไรปกติในไตรมาส 2/68 ของกลุ่มสายการบินภายใต้ Coverage ทั้ง AAV, BA และ THAI ที่ 3.6 พันล้านบาท ลดลง -73% QoQ, เพิ่มขึ้น 69% YoY

เหตุที่ลดลง QoQ ตามปัจจัยด้านฤดูกาลแต่การเติบโต YoY มาจากฐานกำไรของ THAI ที่คาดเป็นผู้ประกอบการรายเดียวในกลุ่มที่สามารถเติบโต YoY ได้หนุนจาก 1)จำนวนผู้โดยสารที่เติบโตสวนทางกับภาพรวมกลุ่ม และ 2) ต้นทุนการดำเนินงานที่เติบโตช้ากว่ารายได้ รวมถึงต้นทุนการเงินที่ลดลงหลังแปลงหนี้เป็นทุน สำหรับ AAV และ BA คาดผลประกอบการลดลง YoY

ไตรมาส 3/68 ฟื้น

ฝ่ายวิเคราะห์ประเมินแนวโน้มยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยมีโอกาสผ่านจุดต่ำสุดของปีไปแล้วในไตรมาส 2/68 อิงตัวเลขนักท่องเที่ยวเดือน ก.ค.68 กลับมาบวก 10% จากเดือนก่อนหน้า(MoM) คาดรายได้ของกลุ่มในไตรมาส 3/68 กลับมาเติบโต QoQ เช่นกันหนุนจากทั้งจำนวนผู้โดยสารที่ฟื้นตัวและ Average Fare ที่คาดจะทรงตัว QoQ ได้

ทั้งนี้ไตรมาส 3/68 จะเข้า High Season ของสมุยซึ่งเป็นจุดเด่นเฉพาะตัวของ BA เพราะเส้นทางบินสมุยที่คิดเป็นกว่า 70% ของรายได้สายการบิน ทำให้ภาพ QoQ คาดกำไรปกติไตรมาส 3/68 ของ BA จะโตเด่นสุดในกลุ่ม เบื้องต้นฝ่ายวิเคราะห์ประเมินผลประกอบการไตรมาส 3/68 จะสามารถเติบโต YoY แรงหนุนจาก THAI เป็นหลัก ในขณะที่ BA และ AAV มีโอกาสที่กำไรจะลดลง YoY น้อยกว่าในไตรมาส 2/68

หั่นกำไรปี 68-69 "AAV-BA"

แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/68 ที่อ่อนแอกว่าคาดทำให้ฝ่ายฯปรับประมาณการกำไรปกติปี 2568-2569 ของ AAV ลง 33-36% เป็นคาดกำไรปกติของ AAV ที่ 2.3 พันล้านบาท ลดลง -22% YoY และ 2.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น +6% YoY ตามลำดับ สำหรับ BA ปรับลง 15-20% เป็นคาดที่ที่ 3.4 พันล้านบาท ลดลง -11% YoY และ 3.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น +5% YoY ตามลำดับ จากการปรับลดสมมติฐานหลักคือการปรับลดจำนวนผู้โดยสาร, Load Factor, Avg. Fare ตามการปรับลดคาดการณ์นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยในปี 2568-2569 เป็น 34-36 ล้านคน

โดยฝ่ายฯประเมินผลประกอบการปี 2569 ของผู้ประกอบการทุกรายจะกลับมาเติบโต YoY จาก 1)จำนวนนักท่องเที่ยวจะกลับมาเติบโต YoY จากฐานต่ำ และ 2)คาดราคา Jet Fuel ลดลง US$5/barrel เป็น US$85/barrel ในปีหน้าจะผลักดันการทำกำไรของผู้ประกอบการสายการบิน

เลือก THAI เป็น Top Pick

คงน้ำหนักการลงทุนกลุ่มสายการบิน “เท่ากับตลาด” โดยประเมินราคาหุ้นที่ปรับตัวลงในไตรมาส 2/68 สะท้อนงบที่ไม่เด่นไปมากแล้ว คาดแนวโน้มกำไรรายไตรมาสในช่วงครึ่งปีหลังปี68 ดีขึ้น QoQ ต่อเนื่องและทำให้ภาพรวมกำไรกลับมาทรงตัว HoH เลือก THAI ราคาเป้าหมาย 12.50 บาท เป็น Top Pick ของกลุ่มจากแนวโน้มกำไรปกติในไตรมาส 2/68 ที่เด่นสุดในกลุ่มและคาดแนวโน้มกำไรในครึ่งปีหลังแข็งแกร่งต่อเนื่อง

และแนะนำสะสม BA ราคาเป้าหมาย 20 บาท เป็นตัวเลือกรองหลังรายงานงบไตรมาส 2/68 เพื่อเก็งกำไรผลประกอบการไตรมาส 3/68 คาดกลับมาเติบโต QoQ จากการเข้า High Season ของเส้นทางสมุย

เปรียบเทียบสถิติการดำเนินงานของผู้ประกอบการในกลุ่มจะเห็นว่าค่าโดยสารเฉลี่ย (Average Fare)ในไตรมาส 2/68 ของผู้ประกอบการสายการบินทั้งสามรายลดลง QoQ ตามปัจจัยฤดูกาล แต่ THAI เป็นผู้ประกอบการที่แข็งแกร่งสุดในกลุ่มเพราะลดลงเพียง 2% QoQ และสามารถเติบโต 3% YoY จากดีมานด์การบินโดยรวมที่แข็งแกร่งกว่ากลุ่ม สอดคล้องกับจำนวนผู้โดยสารรวมที่คาดเพิ่มขึ้น 4% YoY เนื่องจากเส้นทางบินและกลุ่มลูกค้าของ THAI เช่น ญี่ปุ่น และยุโรปยังเติบโตได้ดี YoY สวนทางกับภาพรวมนักท่องเที่ยวเข้าไทยที่อ่อนแอ

ขณะที่ผลการดำเนินงานของ AAV ที่อ่อนแอมาจากทั้ง Average Fare -9% YoY และจำนวนผู้โดยสารรวม -3% YoY เพราะดีมานด์เส้นทางบินระหว่างประเทศลดลง (ฐานลูกค้าเส้นทางบินในเอเชีย) สำหรับ BA จำนวนผู้โดยสารรวมลดลง 5% YoY เพราะเส้นทางบินสมุยเติบโตไม่เพียงพอชดเชยความอ่อนแอจากเส้นทางบินอื่นๆ ที่ชะลอตัวได้

ด้าน Load Factor ของกลุ่มในไตรมาส 2/68 ลดลง QoQ ในระดับที่ใกล้เคียงกันตามปัจจัยฤดูกาลแต่หากเทียบกับไตรมาส 2/67 เห็นได้ว่าคาด Load Factor ของ AAV และ BA ลดลง YoY ในอัตราที่มากกว่าจำนวนผู้โดยสารเป็นเพราะ AAV มีการขยายฝูงบินเชิงรุก (คาดรับเครื่องบิน 6 ลำ/ปี) ขณะที่ BA มี Capacity ที่มากขึ้นจากเครื่องบินเช่าเป็นเวลา 1 เดือนในไตรมาส 2/68

ฝ่ายวิเคราะห์ประเมินผู้ประกอบการสายการบินจะสามารถประหยัดต้นทุนน้ำมันต่อเนื่องในปี 2568 อิงราคา Jet Fuel มีต้นทุนเฉลี่ย YTD อยู่ที่ US$86/barrel ซึ่งต่ำกว่าสมมติฐานเล็กน้อยที่ US$90/barrel

AAV ขาดทุนปกติใน Q2/68

"บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV" ฝ่ายคาดกำไรสุทธิในไตรมาส 2/68 ที่ 830 ล้านบาท แต่หากไม่รวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน(หลังหักภาษี) คาด AAV รายงานขาดทุนปกติที่ 530 ล้านบาท ลดลง QoQ ตามปัจจัยฤดูกาลและอ่อนแอเทียบกับกำไรปกติ 302 ล้านบาทในไตรมาส 2/67 กดดันจากภาคการท่องเที่ยวโดยรวมที่อ่อนแอ

ทำให้ 1)คาดจำนวนผู้โดยสารรวม ลดลง3% YoY อยู่ที่ 4.8 ล้านคนจากสัดส่วนผู้โดยสารระหว่างประเทศที่ลดลง 21% YoY 2)คาด Average Fare ลดลง 9% YoY ตามดีมานด์การท่องเที่ยวที่ชะลอตัว รวมถึงสัดส่วนการขายเส้นทางบินในประเทศที่มากขึ้นเป็น 69% จาก 62% ในไตรมาส 2/67

และ 3) Load Factor คาดลดลงจาก 91% ในไตรมาส 2/67 เป็น 82% จาก Capacity ที่มากขึ้นจากการขยายฝูงบิน แม้ AAV จะได้ประโยชน์จากราคา Jet Fuel เฉลี่ยในไตรมาส 2/68 ที่ลดลง 19% YoY แต่เนื่องจากเป็นราว 30% ของต้นทุนรวมทำให้ไม่สามารถชดเชยรายได้ที่ชะลอตัวลง YoY ส่งผลให้คาด GPM ลดลง 1,536bps QoQ และ 606bps YoY อยู่ที่ 8%

"บริษัทต้องกลับมาพึ่งพาการขายผ่าน OTA มากขึ้นเพื่อกระตุ้นยอดขายตั๋ว ส่งผลให้คาด SG&A/Sales เพิ่มขึ้นจากราว 6-7% เป็น 8% ในไตรมาส 2/68"

แนวโน้มไตรมาส 3/68 โดยปกติจะเป็นไตรมาสที่อ่อนแอที่สุดของ AAV แต่ฝ่ายวิเคราะห์คาดผลประกอบการมีโอกาสฟื้นตัว QoQ อิงตัวเลขนักท่องเที่ยวมาไทยเดือน ก.ค. เพิ่มขึ้น 10% MoM และหากภาพการท่องเที่ยวโดยรวมดีขึ้นในไตรมาส 4/68 มีโอกาสหนุนให้ยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยทรงตัว HoH ได้

"จากแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/68 ต่ำกว่าที่เราประเมินไว้ทำให้เราปรับประมาณการกำไรปกติปี 2025-2026 ลง 33-36% เป็น 2.3 พันล้านบาท ลดลง -22% YoY และ 2.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% YoY ตามลำดับ"

จากการปรับสมมติฐานสำคัญดังนี้ 1)ปรับลดคาดการณ์จำนวนผู้โดยสารปี 2025-2026 ลงเป็น 21 ล้านคน เพิ่มขึ้น 1% YoY และ 22.2 ล้านคน เพิ่มขึ้น 6% ตามลำดับ เพื่อสะท้อนการท่องเที่ยวไทยในช่วงครึ่งแรกปี68ที่อ่อนแอ

2)ปรับลด Average Fare ลง 10-14% เป็น 1,869 บาทต่อคน ลดลง -5% YoY และ 1,831 บาทต่อคน ลดลง -2% YoY ตามลำดับ ตามภาพอุตสาหกรรมและจากการเพิ่มสัดส่วนเที่ยวบินในประเทศ และ3)ปรับลด Load Factor เป็น 83-85% จาก 86.5-87.5% เพื่อสะท้อน Capacity ที่เพิ่มขึ้นจากการขยายฝูงบิน

"เรา Rollover ไปใช้ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2026 ที่ 1.70 บาท คงคำแนะนำ “ซื้อ” อิง EV/Multiple ที่ 8 เท่า เทียบ -1.25 S.D. ของค่าเฉลี่ยย้อนหลังของบริษัทก่อนเกิด COVID-19 ช่วงปี 2015-2019"

BA กำไรปกติ Q2/68 วูบ

"บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BA" ฝ่ายฯคาดกำไรปกติในไตรมาส 2/68 ที่ 512 ล้านบาท ลดลง -69% QoQ , -25% YoY ผลจากรายได้ธุรกิจสายการบินที่ลดลง -6% YoY กดดันจากการท่องเที่ยวไทยที่อ่อนแอส่งผลให้คาดจำนวนผู้โดยสารรวมที่ 9.1 แสนคน ลดลง -29% QoQ, -5% YoY

แม้เส้นทางสมุยจะเติบโต 7% YoY แต่ถูกกดดันจากเส้นทางบินอื่นๆที่ชะลอตัว และคาด Average Fare ลดลงเล็กน้อยอยู่ที่ 3,950 บาท/คน ลดลง -11% QoQ, -1% YoYตามดีมานด์การท่องเที่ยวที่ชะลอตัวลง

แม้ราคา Jet Fuel ที่ลดลง YoY จะช่วยให้ BA ประหยัดต้นทุนน้ำมันแต่มีค่าใช้จ่ายอื่นๆที่ใกล้เคียงไตรมาส 2/67 บวกกับการรับรู้ค่าเช่าเครื่องบิน 1 ลำ อีก 1 เดือน ทำให้คาด GPM อยู่ที่ 22.5% ลดลง -1,769bps QoQ , -91bps YoY คาด SG&A/Sales เพิ่มขึ้นเป็น 17% จาก 16% ในไตรมาส 2/67 จากฐานค่าใช้จ่ายพนักงานที่สูงขึ้น

แนวโน้มผลประกอบการที่ลดลง YoY ต่อเนื่องทำให้เราปรับประมาณการกำไรปกติปี 2025-2026 ลง 15-20% เป็น 3.4 พันล้านบาท ลดลง -11% YoY และ 3.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น +5% YoY ตามลำดับ โดยปรับสมมติฐานสำคัญดังนี้ 1)ปรับลดคาดการณ์จำนวนผู้โดยสารลงเป็น 4.20 ล้านคน ลดลง -3% YoY และ 4.31 ล้านคน เพิ่มขึ้น +3%YoY เพื่อสะท้อนการท่องเที่ยวไทยที่ชะลอตัวลงในปีนี้ 2)ปรับลด Load Factor ลงจาก 81.3-82.0% เป็น 79.5-81.0% จาก Capacity ที่เพิ่มขึ้นจากการเช่าเครื่องบินในช่วง High Season

และ 3) ปรับ SG&A/Sales ขึ้นเป็น 14.6% แม้ผลประกอบการไตรมาส 2/68 อาจไม่เด่นแต่ BA จะกลับมาน่าสนใจในไตรมาส 3/68 เนื่องจากเป็น High Season ของสมุยซึ่งคิดเป็นกว่า 50% ของรายได้ธุรกิจสายการบิน คาดจะช่วยให้หนุนผลประกอบการฟื้นตัว QoQ และเมื่อเทียบไตรมาส 3/67 ยอดผู้โดยสารเดินทางไปสมุยอาจเจอฐานสูง อิงตัวเลขเดือน ก.ค. เติบโตเพียง 1%YoY แต่หาก BA สามารถควบคุมต้นทุนการดำเนินงานต่างๆในค่าซ่อมบำรุง และ SG&A ได้ประเมินกำไรไตรมาส 3/68 มีโอกาสลดลงเล็กน้อยหรือกลับมาทรงตัว YoYได้

"คงคำแนะนำซื้อ หุ้น BA โดย Rollover ไปใช้ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2026 ที่ 20.00 บาท อิง EV/Multiple ที่ 8x เทียบเท่า -1.25 S.D. ของค่าเฉลี่ยย้อนหลังของบริษัทก่อนเกิด COVID-19 (ช่วงปี 2015-2019)"

THAI ยืนหนึ่งกำไรปกติโต YoY

"บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI" เบื้องต้นคาดกำไรปกติไตรมาส 2/68 ที่ 3,577 ล้านบาท ลดลง -65% QoQ และเพิ่มขึ้น +220% YoY สาเหตุที่ลดลง QoQ เนื่องจากเป็น Low Season แต่เติบโตเด่น YoY หนุนจากรายได้ธุรกิจหลักที่แข็งแกร่งและต้นทุนการเงินที่ลดลงเหมือนในไตรมาส 1/68 คาดรายได้รวมที่ 45,788 ล้านบาท ลดลง -9% QoQ และเพิ่มขึ้น +7% YoY ผลจาก 1)คาดจำนวนผู้โดยสารที่ 3.98 ล้านคน ลดลง -8% QoQ และเพิ่มขึ้น +5% YoY อิงตัวเลขจำนวนผู้โดยสารในเดือน เม.ย.-พ.ค. เติบโต 6% YoY

2) Load Factor คาดที่ 77% ใน 2 เดือนดังกล่าวเฉลี่ยที่ 78.9% สูงกว่าเทียบค่าเฉลี่ยใน เม.ย.-พ.ค.2567 ที่ 74.2% สะท้อนแนวโน้มดีมานด์การบินที่ดีขึ้น และ 3) คาด Passenger Yield ในระดับใกล้เคียงไตรมาส 1/68 ที่ 2.90 บาท/RPK ส่วนต้นทุนคาด GPM ดีขึ้น 90bps YoY อยู่ที่ 18% ปัจจัยหนุนหลักมาจากต้นทุน Jet Fuel เฉลี่ยในไตรมาส 2/68 ที่ลดลงราว 19% YoY

ขณะที่ต้นทุนการดำเนินการอื่นๆคาดใกล้เคียงไตรมาส 2/67 ส่วน SG&A/Sales คาดที่ 6% เพิ่มขึ้นจาก 4.7% และ 5.7% ในไตรมาส 1/68 และ ไตรมาส 2/67 ตามลำดับ จากการขยายการให้บริการ เราคาดต้นทุนการเงินที่ลดลง 27% YoY อยู่ที่ 3,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +1% QoQ และลดลง -27% YoY หลังการแปลงหนี้เป็นทุนเป็นหนึ่งในปัจจัยหนุนสำคัญให้กำไรปกติเติบโตเด่น YoY

หาก THAI รายงานผลประกอบการออกมาตามคาด กำไรปกติช่วงครึ่งแรกของปี68 จะคิดเป็น 48% ของประมาณการปี 68 ของเราที่ 2.8 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น +27% YoY โดยเบื้องต้นคาดแนวโน้มกำไรในครึ่งหลังของปี68 จะดีขึ้นทั้ง HoH และ YoY เนื่องจากโดยปกติไตรมาส 4 จะเป็นจุดสูงสุดของปี

ขณะที่ผลประกอบการจะได้แรงหนุนจากการขยายฝูงบิน คาด THAI รับเครื่องบินอีก 2 ลำภายในปีนี้ทำให้จะจบปีด้วยขนาดฝูงบินทั้งหมด 80 ลำ รวมถึงต้นทุนการเงินที่ลดลงหลังปรับโครงสร้างทุน

"เราปรับ EV/Multiple ในการประเมินมูลค่าหุ้นขึ้นจาก 7 เท่า เป็น 8 เท่า เพื่อใกล้เคียงกับระดับที่ใช้ประเมินมูลค่าของ AAV และ BA ทำให้ได้ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2026 ใหม่ที่ 12.50 บาท คงคำแนะนำซื้อ"

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก PostToday

GPSC กำไรไตรมาส 2/68 พุ่ง 77% ซดขายไฟบริษัทร่วม-เงินปันผล

4 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ADVANC ครึ่งแรกปี 68 ปันผลสูง 6.89 บาท/หุ้น-กำไรสุทธิ 21,565 ล้าน

5 ชั่วโมงที่ผ่านมา

“ประเสริฐ”ยันไม่เกิน 2 สัปดาห์ ดันปลัดดีอีคนใหม่เข้าครม.

5 ชั่วโมงที่ผ่านมา

เงินไหลเข้า-หุ้นวิ่งแรง! ลุ้น SET 1,300 จุด ดักเก็งหุ้นเด่นก่อนผันผวน

5 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความธุรกิจ-เศรษฐกิจอื่น ๆ

เริ่มพรุ่งนี้ ทรัมป์เก็บภาษีตอบโต้ไทยวันแรก สินค้านำเข้า ส่งออกโดนกี่เปอร์เซ็นต์ เช็กที่นี่

เดลินิวส์

‘ร้านสะดวกซัก’ ธุรกิจดาวรุ่งยังน่าลงทุน ในยุคเศรษฐกิจแบบนี้หรือไม่

SMART SME

“ท็อปส์”ยันสต็อกสินค้าพอช่วงสู้รบ

Manager Online

“กกร.” คาดการณ์ “จีดีพี” ปีนี้โต1.8-2.2%

สยามรัฐ

คนไทย 42% ห่วงค่าครองชีพพุ่ง ครัวเรือนแบกภาระเพิ่ม 15.3%

Manager Online

Broker ranking 6 Aug 2025

Manager Online

"โตชิบา" ปรับภาพลักษณ์แบรนด์ เปิดแฟลกชิบสโตร์คอนเซ็ปท์ใหม่

Manager Online

ธอส.หนุนนโยบายก.คลัง ช่วยเหลือลูกค้าผลกระทบปัญหาชายแดน กู้ซ่อมแซมบ้านเสียหาย ดบ. 1% นาน 3 ปีแรก

สยามรัฐ

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...