ชาวบ้านผวา! ไม่กล้าจับอึ่งกิน หลังนึกย้อนไปปี 54 ชาวเขมรจับมาขายให้ชาวบ้านฝั่งไทย พบในท้องอึ่ง มีแต่เศษเส้นผมและชิ้นส่วนมีเมือกคล้ายผิวหนังคน
(8 ส.ค.68) ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตำบลตาเมียง อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ บริเวณพื้นที่ใกล้แนวชายแดนที่มีการปะทะ พบว่าตามหมู่บ้านต่างๆเงียบเหงา บ้านแต่ละหลังล็อกกุญแจปิดเงียบ เนื่องจากทางการยังไม่ให้กลับเข้าพื้นที่ในช่วงนี้ ชาวบ้านจึงต้องอยู่ต่อที่ศูนย์อพยพที่ทางรัฐจัดให้ตามพื้นที่ต่างๆ
ขณะเดียวกันในพื้นที่อำเภอพนมดงรัก ช่วงนี้ก็ได้มีฝนตกลงมาอย่างหนักและต่อเนื่องติดต่อกัน โดยเฉพาะช่วงกลางคืนจะมีฝนเทลงมาตลอดเกือบจะทั้งคืน ฝนที่ตกลงมาทำให้อึ่งอ่างร้องระงมเรียกหาคู่ผสมพันธุ์ ซึ่งหากเป็นช่วงปกติที่ผ่านมาชาวบ้านจะพากันไปส่องหาอึ่งนำมาประกอบอาหารกินกันแล้ว แต่พอมาช่วงนี้ไม่มีใครที่จะกล้าหามาทำกิน เมื่อนึกย้อนถึงภาพตอนปี พ.ศ. 2554 ที่มีการยิงปะทะระหว่างทหารไทยกับทหารฝั่งกัมพูชาตอนนั้น และหลังมีการเจรจาหยุดยิงพื้นที่สงบไม่นาน
และชาวบ้านได้ไปซื้ออึ่งจากชาวกัมพูชาที่นำมาขายให้มาทำกินปรากฏว่าในท้องอึ่ง มีแต่เศษเส้นผมและชิ้นส่วนมีเมือกคล้ายผิวหนังคนอยู่เต็มพุง ทำเอาสยองและเล่าขานต่อกันเป็นวงกว้าง ว่าเป็นเศษศพทหารเขมรที่ตายจากการปะทะและเก็บไปไม่หมดถูกอึ่งแทะกินก่อนจับนำมาขายให้ฝั่งชาวบ้านฝั่งไทย
โดยนายอภินพ อนุทูล ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ชายแดน เล่าย้อนความให้ฟังว่า หลังจากเมื่อปี 54 พอปะทะกันเสร็จแล้วพื้นที่สงบได้ไม่นาน ไทยและกัมพูชาก็สามารถไปมาหาสู่กันได้ในพื้นที่เส้นทางแถวปราสาทตาเมือนธม มีการนำสินค้ามาซื้อขายเปลี่ยนกันระหว่างชาวกัมพูชากับชาวบ้านฝั่งไทย ในเขตชายแดนติดต่อกัน ช่วงนั้นก็เป็นช่วงฤดูฝนและชาวกัมพูชาก็ได้จับอึ่งนำมาขาย ชาวบ้านเราเห็นอึ่งตัวใหญ่สมบูรณ์ท้องโตคงมีไข่เต็มท้อง จึงได้พากันซื้อกลับมาทำกินกัน
ปรากฏเมื่อนำอึ่งไปย่างจนสุกจะนำมากิน เมื่อแกะผ่าท้องดูพบว่าภายในพุงอึ่งที่ชาวบ้านคิดว่าเป็นไข่อึ่ง ความจริงแล้วไม่ใช่อย่างที่คิดมันคือเส้นผมและเศษเมือกคล้ายผิวหนังคน ที่ตายเน่าเปื่อยจนเนื้อหนังหลุดล่อน และน่าจะเป็นศพทหารที่ตายจากการปะทะแล้วทางฝั่งกัมพูชานำกลับไปไม่หมดถูกทิ้งให้เน่า อึ่งก็คงจะไปแทะไปกินก่อนที่ชาวบ้านจะไปจับมาขายให้ฝั่งไทย ตอนนี้ชาวบ้านก็เลยไม่กล้ากินเมื่อนึกถึงภาพอึ่งที่ติดตาช่วงเมื่อปี 54 ที่ผ่านมา