“สวิตเซอร์แลนด์” ช็อก ทรัมป์เก็บภาษีนำเข้า 39% หลังเจรจาล่ม เสี่ยงกระทบเศรษฐกิจสูงสุด 1% ของ GDP
"สวิตเซอร์แลนด์" ช็อก ทรัมป์เก็บภาษีนำเข้าสินค้า 39% แม้ผู้นำสวิสบินด่วนเจรจาถึงวอชิงตันแต่ไร้ผล เสี่ยงกระทบเศรษฐกิจสูงสุด 1% ของ GDP
วันที่ 7 สิงหาคม 2568 เวลา 12.54 น. สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า สวิตเซอร์แลนด์กำลังเผชิญกับอัตราภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐที่สูงที่สุดจากรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ หลังจากที่รัฐบาลสวิสไม่สามารถโน้มน้าวให้ทรัมป์ลดอัตราภาษีลงได้ในการเจรจารอบสุดท้าย
ภาษีตอบโต้ที่สูงถึง 39% สำหรับสินค้านำเข้าจากสวิตเซอร์แลนด์ ตั้งแต่นาฬิกาหรูไปจนถึงแคปซูลกาแฟ Nespresso ถือเป็นอัตราภาษีที่สูงที่สุดในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว โดยเทียบกับอัตราเพียง 15% ที่เรียกเก็บจากสินค้าของสหภาพยุโรปที่อยู่ใกล้เคียง
ภาษีดังกล่าวมีผลบังคับใช้สำหรับสินค้าที่ขนขึ้นเรือเพื่อส่งไปยังสหรัฐฯ หลังเวลา 00.01 น. ตามเวลาเมืองนิวยอร์ก หรือ 06.01 น. ตามเวลาซูริก ของวันพฤหัสบดี ตามแนวทางของกรมศุลกากรและป้องกันชายแดนของสหรัฐ โดยในขณะนี้ ยกเว้นเฉพาะสินค้าในกลุ่มยาและทองคำ
มาตรการนี้มีผลบังคับใช้หลังจากคารีน เคลเลอร์-ซัตเตอร์ ประธานาธิบดีสวิตเซอร์แลนด์ ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงปรับปรุงภาษีกับรัฐบาลสหรัฐได้ก่อนเส้นตายที่ทรัมป์กำหนดไว้ โดยเธอเดินทางฉุกเฉินเป็นเวลา 2 วันไปยังกรุงวอชิงตันเมื่อวันอังคารและพุธที่ผ่านมา แต่ไม่สามารถพบทรัมป์ได้ และได้พูดคุยเพียงกับมาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศ ซึ่งไม่ได้เป็นผู้รับผิดชอบหลักด้านการเจรจาการค้า
สมาคมผู้ผลิตเทคโนโลยีของสวิตเซอร์แลนด์ Swissmem เรียกร้องให้รัฐบาลเร่งดำเนินมาตรการช่วยเหลือผู้ส่งออกในประเทศอย่างเร่งด่วน และย้ำว่าสวิตเซอร์แลนด์ไม่ควรยอมรับสถานการณ์นี้ แต่ควรเดินหน้าเจรจากับสหรัฐต่อไป แม้โอกาสสำเร็จจะดูริบหรี่
สมาคมออกแถลงการณ์เช้าวันพฤหัสบดีว่า “สวิตเซอร์แลนด์ต้องไม่ยอมรับสถานการณ์เช่นนี้ และควรเดินหน้าเจรจากับสหรัฐต่อไป แม้จะดูเหมือนว่าโอกาสจะสำเร็จมีน้อยในขณะนี้”
เคลเลอร์-ซัตเตอร์เดินทางออกจากวอชิงตันเมื่อคืนที่ผ่านมา และเครื่องบินของเธอเดินทางถึงกรุงเบิร์นเมื่อเวลา 07.18 น. ตามเวลาท้องถิ่น จากข้อมูลของเว็บไซต์ติดตามเที่ยวบิน FlightAware โดยรัฐบาลสวิสจะจัดประชุมวิสามัญในช่วงบ่ายเพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์นี้
อัตราภาษีที่สูงเกินคาดสร้างความตกใจให้กับรัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์ หลังจากการเจรจาที่เคยดูเหมือนจะมีความคืบหน้า แต่สถานการณ์กลับพลิกผันในช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้ว เมื่อทรัมป์โทรศัพท์หาประธานาธิบดีสวิสและปฏิเสธกรอบข้อตกลงที่ทั้งสองฝ่ายได้เจรจากันไว้ โดยทรัมป์แสดงความไม่พอใจอย่างชัดเจนต่อการที่สวิตเซอร์แลนด์มีดุลการค้าระหว่างประเทศกับสหรัฐฯ สูงถึง 3.85 หมื่นล้านดอลลาร์ ในปีที่ผ่านมา
ความยากลำบากที่เคลเลอร์-ซัตเตอร์ ซึ่งยังดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของประเทศ ต้องเผชิญคือ การที่การให้สัมปทานใด ๆ อาจทำให้เธอต้องเสียคะแนนนิยมในประเทศ โดยที่ก็ไม่สามารถลดดุลการค้าดังกล่าวลงได้อย่างมีนัยสำคัญในระยะสั้น เนื่องจากสินค้าหลักที่สวิตเซอร์แลนด์ส่งออก ได้แก่ ทองคำ ยา นาฬิกา และอุปกรณ์การแพทย์ ซึ่งล้วนมีมูลค่าสูงและมีอุปสงค์คงที่
ทั้งนี้หากอัตราภาษี 39% ถูกบังคับใช้ในวงกว้างมากขึ้น โดยรวมถึงกลุ่มยาด้วย อาจทำให้ผลิตภัณฑ์คิดเป็นถึง 1% ของ GDP สวิตเซอร์แลนด์ ตกอยู่ในความเสี่ยงในระยะกลาง ตามการวิเคราะห์ของ Bloomberg Economics โดยสวิตเซอร์แลนด์เป็นที่ตั้งของบริษัทยายักษ์ใหญ่อย่าง Novartis AG และ Roche Holding AG
ทรัมป์ยังกล่าวเมื่อวันอังคารว่า เขาเตรียมประกาศมาตรการเก็บภาษีนำเข้ายาจากต่างประเทศภายในสัปดาห์หน้า โดยระบุว่าอัตราภาษีอาจสูงถึง 250% ในอนาคต
อ้างอิง : www.bloomberg.com