เมอร์เคิลมอง บิตคอยน์ แค่ย่อระยะสั้น เปิดโอกาสสะสม เน้น Ethereum ecosystem
เมอร์เคิลชี้ บิตคอยน์ และตลาดคริปโทฯ มีโอกาสปรับตัวลงระยะสั้นแต่ยังคงเติบโตได้ในระยะยาว ด้วย 3 ปัจจัยหลักคือ 1.สินทรัพย์เสี่ยงถูกกดดันจากภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ 2. ความต้องการของ Stablecoin ที่จะเกิดขึ้นในระยะยาว 3. การยอมรับ Ethereum จากนักลงทุนสถาบัน
6 สิงหาคม 2568- เดือนกรกฎาคมบิตคอยน์ทำสถิติ All Time High ที่ 123,000 ดอลลาร์ฯ ส่งผลให้สินทรัพย์ดิจิทัลปรับตัวขึ้นตามอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะ Ethereum ปรับตัวขึ้นกว่า 60% ทำสถิติสูงสุดในรอบ 7 เดือน แสดงถึงความต้องการของนักลงทุนที่สูงขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งการปรับตัวขึ้นในครั้งนี้ เกิดจากปัจจัยสนับสนุน เช่น การผ่อนคลายจากประเด็นกำแพงภาษี, การอนุมัติกฎหมาย Genius act, การเปิดเผยรายงานสินทรัพย์ดิจิทัลจากทำเนียบขาว (White House Digital Asset Report) อย่างไรก็ตาม ภาพรวมสินทรัพย์เสี่ยงยังคงถูกกดดันจากความกังวลภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ
นายวรเมธ จันทร์เสน ที่ปรึกษาการลงทุน บริษัท เมอร์เคิล แคปปิตอล จำกัด เปิดเผยว่า Merkle Capital มองว่าเดือนสิงหาคม บิตคอยน์และภาพรวมตลาดคริปโทเคอร์เรนซี มีโอกาสปรับตัวลงระยะสั้นแต่ยังคงเติบโตได้ในระยะยาว โดยเฉพาะกลุ่ม Ethereum ecosystem ด้วยเหตุผลดังนี้
1. สินทรัพย์เสี่ยงถูกกดดันจากภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ
หลังจากมีประกาศปรับรายงานการจ้างงาน (US Nonfarm payrolls) แสดงถึงความเสี่ยงของวิกฤตเศรษฐกิจสหรัฐฯ ส่งผลให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐจะลดดอกเบี้ยลงทั้งหมด 3 ครั้งในปีนี้ และจะลดอีก 2 ครั้งในปีถัดไป ซึ่งเป็นผลดีต่อภาพรวมการลงทุนในระยะกลาง-ยาว จากสภาพคล่องที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม สินทรัพย์เสี่ยงมีแรงเทขายจากความกังวลที่เกิดขึ้นในระยะสั้น จึงเป็นจังหวะที่ดีสำหรับนักลงทุนในการสะสมสินทรัพย์ต่าง ๆ
[caption id="attachment_189191" align="aligncenter" width="1024"]
อ้างอิงจาก CMEgroup.com[/caption]
2. ความต้องการของ Stablecoin ที่จะเกิดขึ้นในระยะยาว
เดือนที่ผ่านมามีการอนุมัติกฎหมาย Genius act ช่วยให้การเข้าถึง Stablecoin ง่ายและปลอดภัยมากขึ้น โดยมีจุดประสงค์หลักคือการเพิ่มความต้องการของสกุลเงินดอลลาร์ทางอ้อม (Stablecoin ส่วนมากใช้สกุลเงินดอลลาร์และพันธบัตรสหรัฐฯ ในการค้ำและผลิตเข้าสู่ระบบ) ดังนั้นการมีสหรัฐฯ ช่วยสนับสนุนการใช้งานจะทำให้ Stablecoin marketcap เติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และส่งผลดีต่อภาพรวมตลาดคริปโทฯ เนื่องจาก Stablecoin marketcap ที่สูงขึ้นจะทำให้การเข้าถึงและราคาของสกุลเงินดิจิทัลสูงขึ้นตามสถิติอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะเหรียญกลุ่ม Blockchain เช่น Ethereum และ Solana
[caption id="attachment_189192" align="aligncenter" width="1024"]
อ้างอิงจาก Coinglass.com[/caption]
3. การยอมรับ Ethereum จากนักลงทุนสถาบัน
แม้ในเดือนกรกฎาคม Ethereum จะปรับตัวขึ้นกว่า 60% ที่ 4,000 ดอลลาร์จากปัจจัยต่าง ๆ เช่น การเข้าซื้อ Ethereum spot ETF มากที่สุดระดับ All Time High รวมถึงการเก็งกำไรจากโอกาสที่ Stablecoin จะถูกผลักดันและใช้งานบน Ethereum chain มากขึ้น อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาถึงข้อมูลอัตรา Ethereum dominance แสดงถึงมูลค่าของ Ethereum เมื่อเปรียบเทียบกับมูลค่าของภาพรวม คริปโทฯ ทั้งตลาดจะพบว่า อัตรา ETH.D อยู่บริเวณ 12% เท่านั้นแต่จุดสูงสุดคือ 20-22% โดยที่สถิติในอดีตนั้นไม่มีปัจจัยพื้นฐานที่เป็นแรงซื้อจากนักลงทุนสถาบันก็ตาม ดังนั้น Ethereum ecosystem ยังคงมีแนวโน้มที่เติบโตได้ดีในเดือนสิงหาคมและระยะยาว
[caption id="attachment_189190" align="aligncenter" width="1024"]
อ้างอิงจาก Tradingview.com[/caption]
*หมายเหตุ คริปโทเคอร์เรนซี และโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้