ภท.ท้าดวล“ศรีสะเกษ” จัดหนักขาลง“เพื่อไทย”
หลังจากพรรคภูมิใจไทยถอนตัวจากรัฐบาลเพื่อไทย มีหลายฉากทางการเมืองที่ทั้ง 2 ฝ่ายดับเครื่องชน และไล่เช็กบิล ชำระแค้นกัน หวังชิงแต้มให้ฝ่ายตัวเอง
ล่าสุดเกิดการดวลเดี่ยว ผ่านสนามเลือกตั้งซ่อม สส.ศรีสะเกษ เขต 5 (อ.ขุนหาญและ อ.ภูสิงห์) ในวันที่ 10 ส.ค.นี้
ถือเป็นสมรภูมิทดสอบที่พรรคสีน้ำเงินจะกระชากความยิ่งใหญ่จากพรรคแดงในพื้นที่อีสาน ในการเลือกตั้งครั้งหน้าได้หรือไม่ รวมถึงยังเป็นการวัดพลังระหว่าง “นายใหญ่” และ “ครูใหญ่” อีกด้วย
หลังพรรคเพื่อไทยกระแสตกต่ำที่สุด จากกรณีคลิปเสียงอังเคิลและหลาน สะท้อนผ่านนิด้าโพลที่ไม่อนุญาตให้ “แพทองธาร ชินวัตร” นายกฯ และ รมว.วัฒนธรรม บริหารประเทศอีกต่อไปมาถึง 82% เห็นว่าควรลาออก 42.37% และยุบสภา 39.92%
กลับมาที่การรับสมัครเลือกตั้งซ่อมในวันที่ 14 ก.ค.ที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยได้ส่ง “กุ้ง” ภูริกา สมหมาย ลูกสาวอมรเทพ สมหมาย อดีต สส.ศรีสะเกษ ผู้ล่วงลับ โดยมีรายงานว่าได้รับแรงอัดฉีดจาก “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” รมว.คมนาคม และ “เจ๊เดือน” มนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม
ส่วนพรรคภูมิใจไทย ดัน “อีฟ” จินณ์ตวรรณ ไตรสรณกุล ลูกสาว ธีระ ไตรสรณกุล อดีต สส.ศรีสะเกษ ลงสนาม และยังเป็นทีมบ้านใหญ่ไตรสรณกุล ของ “นายกฯ ส้มเกลี้ยง““วิชิต ไตรสรณกุล” นายก อบจ.ศรีสะเกษ และ “กวาง” ไตรศุลี ไตรสรณกุล อดีตเลขานุการ รมว.มหาดไทยของ “อนุทิน ชาญวีรกูล” ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย
ทั้งนี้เมื่อ “อีฟ” จินณ์ตวรรณ จับได้เบอร์ 2 ทีมงานของพรรคภูมิใจไทยได้ทัพชุดใหญ่ลงหาเสียง เพื่อโชว์ความพร้อม และความเอาจริงเอาจังของพรรค
พร้อมขึ้นเวทีปราศรัยทันที เพื่อให้ชาวศรีสะเกษรับทราบข้อเท็จจริงของการบริหารประเทศล้มเหลว ภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และข้อพิพาทกับประเทศเพื่อนบ้านกัมพูชา
ขณะที่นโยบายเรือธงของพรรคเพื่อไทย เช่น เงินดิจิทัลแจก 1 หมื่นบาท ก็ทำให้คนฝันค้าง ราคาพืชผลการเกษตรตกต่ำ แถมยังจะดันกาสิโน หวังขายอนุญาตให้ต่างชาติ และนำมาสร้างปัญหาสังคมเป็นทาสการพนัน
แต่ที่หนักหนาสาหัสคือ ปมขายชาติ หลังเกิดคลิปเสียงอังเคิลกับหลาน ที่ทำให้ชาวบ้านรับไม่ได้ ถึงขนาด “อนุทิน” ประกาศกลางเวทีปราศรัยว่า เวทีเทศบาลโพธิ์กระสังข์ อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ ว่า "ขี้ข้าคนขายชาติไม่ดี แต่ขี้ข้าประชาชนเป็นวาสนาสูงสุดของพวกเรา"
พร้อมกับยืนยันว่า “เหตุผลหลักที่ออกจากรัฐบาลคือเรื่องคลิปเสียง ถือว่าได้ทำลายศักดิ์ศรีของความเป็นประเทศไทย ซึ่งตรงนั้นอยู่ไม่ได้“
ขณะที่ “เลือดแท้ศรีสะเกษ” อย่าง “ไตรศุลี”ปราศรัยให้ชาวบ้านตาสว่างว่า พรรคเพื่อไทยไม่ใช่ความหวังของคนอีสานและชาวศรีสะเกษอีกต่อไป
หมดความศรัทธา และยังโกหกหลอกลวงพี่น้องประชาชนชาวศรีสะเกษว่า “ใช้วาทกรรมไล่หนูตีงูเห่า” ซึ่งเป็นเพียงวาทกรรมทางการเมืองเท่านั้น เอาไว้หลอกชาวศรีสะเกษเพื่อใช้หาเสียง
วันนี้พี่น้องประชาชนคงรู้แล้ว จากการที่วันนี้พรรคเพื่อไทยไล่ซื้องูเห่าเอง อีกทั้งวันนี้ยังปรากฏกรณีคลิปเสียงอังเคิลอยากได้อะไร" ที่ทุกคนต่างรู้อยู่แล้วโดยไม่ต้องอธิบายมาก เพราะเปิดไปทางไหนก็เจอ เขาเคยมาถามพี่น้องชาวศรีสะเกษหรือไม่ว่าอยากได้อะไร
“ภูมิใจไทย”รับรู้ว่าปมคลิปเสียงถือเป็นจุดอ่อนของเพื่อไทย และยังส่งผลต่ออนาคตทางการเมืองของรัฐบาล และของ “แพทองธาร ชินวัตร”
เมื่อศาลรัฐธรรมนูญรับพิจารณาพร้อมสั่งปฏิบัติหน้าที่ ปมฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรม ซึ่งหากผิดก็หลุดจากเก้าอี้นายกฯ และ รมว.วัฒนธรรมทันที
เช่นเดียวกับคณะกรรมกรรมป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ก็ตั้งองค์คณะไต่สวนความผิดตามมาตรฐานจริยธรรมหรือไม่ ซึ่งมีโทษหนักไม่สามารถฟื้นคืนชีพทางการเมืองได้อีกต่อไปฝังกลบได้ทันที
แม้แต่ “นายใหญ่” และทีมกฎหมาย วางบทเพื่อต่อสู้คดีว่า นายกฯ ถูกหลอกลวงจาก “สมเด็จฮุน เซน” ประธานวุฒิสภากัมพูชา ที่ไม่มีอำนาจบริหาร และยังไม่ทำให้ประเทศเสียหาย พร้อมแสดงความมั่นใจ ท่ามกลางคำถามแล้วทำไม จึงยื่นขยายเวลาต่อศาลรัฐธรรมนูญออกไป 15 วัน
เพราะเมื่อฟังเนื้อหาของคลิปแล้ว ทั้งการดูหมิ่นแม่ทัพภาค 2 รวมถึงการต่อรองผลประโยชน์ทางการเมืองของตัวเอง ว่าอยากได้อะไร
ถนนทุกสายพูดตรงกันว่า “ไม่รอด” เนื่องจากเข้าองค์ประกอบของมาตรฐานทางจริยธรรม ที่ใช้บังคับแก่คณะรัฐมนตรี อาทิ ข้อ6 ต้องพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ เอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งอาณาเขตและเขตที่ประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตย เกียรติภูมิและผลประโยชน์ของชาติ ความมั่นคงของรัฐและความสงบเรียบร้อยของประชาชน
ข้อ 7 ต้องถือผลประโยชน์ของประเทศชาติเหนือกว่าประโยชน์ส่วนตน และข้อ 17 ไม่กระทำการใดที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดำรงตำแหน่ง
กลับมาที่พรรคเพื่อไทย สภาพของผู้สมัครพรรคเพื่อไทยยอมแตกต่างจากทัพน้ำเงิน เหมือนถูกทิ้งไว้กลางทาง มีเพียง “สรวงศ์ เทียนทอง” รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ที่ลงไปช่วยให้กำลังใจในวันรับสมัครเลือกตั้ง พร้อมตอบโต้พรรคภูมิใจไทยว่า ใช้วาทกรรมขายชาติ สไตล์หาเสียงโบราณ และเล็งให้ฝ่ายกฎหมายฟ้องกลับ
สำหรับความพร้อมในส่วนของการเลือกตั้ง ยังไม่มั่นใจว่า “สุริยะ” จะทุ่มทรัพยากรเต็มที่หรือไม่ เช่นเดียวกับ “ทักษิณ ชินวัตร” จะลงไปเป็นผู้ช่วยหาเสียงได้หรือเสียมากกว่ากัน หลังเพิ่งเอาปี๊บคลุมหัว เพราะแพ้เลือกตั้งนายก อบจ.ศรีสะเกษ และ สจ.ทั้งหมด เมื่อต้นปีที่ผ่านมาสดๆ ร้อนๆ
ส่วน “แพทองธาร” ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย คงจะเก็บใส่ลิ้นชัก ไม่ให้ลงไปสร้างความเสียหายเพิ่มขึ้นซ้ำเติมผู้สมัครตัวเองลงไปอีก
เมื่อดูทรงเลือกตั้งซ่อมศรีสะเกษเขต 5 ต้องยอมรับว่าพรรคภูมิใจไทยเริ่มต้นด้วยการเป็นต่อพรรคเพื่อไทยจากปมคลิปเสียงอังเคิล
ส่วนปลายทาง “พรรคแดง” จะกอบกู้วิกฤตได้หรือไม่ ยังเป็นเรื่องน่าห่วง เพราะหากแพ้ศึกนี้ อาจเป็นหายนะทั้งภาคอีสานก็เป็นได้.