รองประธานสภาองค์การนายจ้าง มองดีลภาษีสหรัฐฯ 19% เป็นวิกฤตยกแรก จับตาดีลจบ แต่ใครเจ็บเชื่อไม่ win-win ให้จับตาข้อแลกเปลี่ยนไทยเสนอสหรัฐ มีผลกระทบอย่างไร
BTimes
อัพเดต 8 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 15 ชั่วโมงที่ผ่านมา • อัพเดตข่าวหุ้น ธุรกิจ การเงิน การลงทุน การตลาด การค้า สุขภาพ กับ บัญชา ชุมชัยเวทย์ - BTimes.Bizนายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาองค์การนายจ้าง ผู้ประกอบการค้า และอุตสาหกรรมไทย เปิดเผยผ่านรายการโทรทัศน์ ถึงกรณีที่มีผู้วิจารณ์ว่า "ภาษีทรัมป์" เป็นแค่ 1 ในหลายปัญหาของวิกฤตเศรษฐกิจไทย หรือเป็นเพียง "วิกฤตยกแรก" ของศรษฐกิจไทยเท่านั้น ว่า ตนเห็นด้วยบางส่วน เพราะเรื่องเศรษฐกิจมีความเกี่ยวข้องกับการค้าขาย ซึ่งประเทศไทยต้องเผชิญกับภาวะการแข่งขันจากรอบด้าน ขณะเดียวกัน ยังต้องเผชิญกับปัญหาด้านภูมิรัฐศาสตร์ ปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา ตลอดจนปัญหาการเมืองที่รัฐบาลไม่มีเสถียรภาพ
อย่างไรก็ดี เรื่องมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐ (Reciprocal Tariff) ก็ถือเป็นเรื่องใหญ่ เพราะถ้าไทยไม่ได้ดีลตามอัตราภาษีที่ 19% นี้ หรือได้อัตราภาษีสูงกว่าประเทศเวียดนาม จะถือว่าเป็นเรื่องใหญ่
นายธนิต กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ กระทรวงแรงงาน ได้ทำโพลสำรวจความคิดเห็น โดยพบว่า ถ้าการเจรจาภาษีกับสหรัฐฯ ไม่เป็นผล จะกระทบต่อภาคธุรกิจในระดับปานกลาง-รุนแรง 74% ซึ่งถือว่าเยอะมาก และแรงงานบางส่วนถูกปรับลด OT มีการเลิกจ้างแล้ว ดังนั้น ถ้าผลการเจรจาออกมาแล้ว ไทยโดนภาษีสูงกว่าเวียดนาม จะไม่สามารถแข่งขันได้ และมีผลกระทบเป็นลูกโซ่ แรงงานหลายแสนคนจะมีปัญหา ดังนั้นการที่ไทยได้อัตราภาษี 19% ถือเป็นดีลที่ดี เพราะเท่ากับมาเลเซีย กัมพูชา ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และยังดีกว่าเวียดนาม ซึ่งเป็นคู่แข่งสำคัญของไทย ทำให้สินค้าจากประเทศไทย จะสามารถแข่งขันด้านภาษีได้ระดับหนึ่ง
"เวียดนามเป็นคู่แข่งสำคัญของเรา สินค้าส่งออกของเราส่วนใหญ่ไม่มียี่ห้อ เป็นการรับจ้างผลิต (OEM) ซึ่งเจ้าของสินค้าสามารถเปลี่ยนไปจ้างผลิตที่ไหนก็ได้ ถ้าราคาแตกต่างกัน เช่น ปลากระป๋อง อาหารทะเล ของไทยก็ไม่มีแบรนด์ ส่วนใหญ่ที่พูดกันเป็นแบรนด์ของเขาหมด ดังนั้นโอกาสที่จะย้ายฐานมีมาก และจากที่คุยกับผู้ส่งออกต่างพูดตรงกันว่า order เดือนก.ค.เริ่มลดลง ซึ่งหากไทยเจรจาภาษีกับสหรัฐฯ ไม่สำเร็จ order จะยิ่งหายไปมากกว่านี้ ดังนั้น การเจรจาปิดดีลที่ 19% จึงถือว่าช่วยเรื่องการส่งออกไทยได้มาก ช่วยเรื่องการแข่งขันได้ระดับหนึ่ง เพราะถ้าวันนี้เป็น 25% มันพัง"
อย่างไรก้ตาม จะต้องมาพิจารณาในรายละเอียดด้วยว่าจากข้อตกลงดังกล่าว ไทยได้ให้ข้อเสนออะไรกับสหรัฐฯ บ้าง หรือมีอะไรไปแลกกับสหรัฐฯ บ้าง เพราะคงจะไม่ใช่ Win-Win เหมือนที่รัฐบาลบอกไว้ก่อนหน้านี้ สิ่งสำคัญคือไทยเอาอะไรไปแลกกับสหรัฐแล้ว ต้องดูว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นตามมาเป็นอย่างไร เช่น ต่อเกษตรกร และจะภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบจะมีแนวทางในการปรับตัวรับมืออย่างไร