โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

สังคม

“รฟท.” ลุ้นอัยการสูงสุดชี้ชะตา “ไฮสปีดเชื่อม 3 สนามบิน”

ฐานเศรษฐกิจ

อัพเดต 21 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 3 ชั่วโมงที่ผ่านมา

“โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน และโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก” ซึ่งเป็นโครงการโครงสร้างพื้นฐานสำคัญภายใต้แผนพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ผ่านพื้นที่ 5 จังหวัด

ได้แก่ กรุงเทพมหานคร, สมุทรปราการ, ฉะเชิงเทรา, ชลบุรี และระยอง แต่ปัจจุบันทั้ง 2 โครงการยังติดปัญหาการแก้ไขร่างสัญญาร่วมทุน ตลอดจนการเจรจากับเอกชนที่ยังไม่ได้ข้อยุติ

นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ความคืบหน้าการแก้ไขร่างสัญญาโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) ระหว่างรฟท.และบริษัทเอเชีย เอราวัน จำกัด (ซีพี)

ขณะนี้ได้รับทราบว่าอัยการสูงสุดตอบกลับมาที่รฟท.แล้ว ซึ่งอยู่ระหว่างรอรับเอกสารอย่างเป็นทางการจากอัยการสูงสุด คาดว่าจะได้รับภายในสัปดาห์นี้

“เราได้มีติดตามความคืบหน้าจากอัยการสูงสุดอย่างต่อเนื่อง หากรฟท.ได้รับเอกสารดังกล่าวแล้ว เบื้องต้นจะนำข้อเสนอแนะในการแก้ไขสัญญาจากอัยการสูงสุดไปหารือกับบริษัทเอกชนคู่สัญญา เพื่อพิจารณาว่าสามารถยอมรับการแก้ไขดังกล่าวได้หรือไม่ หากการหารือกับเอกชนได้ข้อสรุปตามที่อัยการสูงสุดตอบกลับก็ไม่ต้องส่งไปที่อัยการสูงสุด” นายวีริศ กล่าว

ขณะเดียวกันหากทั้งสองฝ่ายสามารถหาข้อสรุปร่วมกันได้ โดยไม่ต้องมีการแก้ไขเพิ่มเติมจากข้อเสนอของอัยการสูงสุด จากนั้นจะส่งร่างสัญญาร่วมลงทุนฉบับแก้ไขฯ ไปยังคณะกรรมการ (บอร์ด) รฟท.รับทราบ

และเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) หรือบอร์ดอีอีซี พิจารณาต่อไป

ทั้งนี้ตามแผนสกพอ.จะเสนอร่างสัญญาฯดังกล่าวต่อคณะอนุกฎหมายของสกพอ.ภายในวันที่ 13-15 สิงหาคม 2568 และเสนอต่อบอร์ดอีอีซีเห็นชอบการแก้ไขสัญญาร่วมทุนได้ภายในวันที่ 18-22 สิงหาคม 2568

ก่อนเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อให้ความเห็นชอบการแก้ไขสัญญาร่วมทุนและสามารถลงนามแก้ไขสัญญาภายในเดือนกันยายน 2568

สอดคล้องกับนายจุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) หรือ EEC กล่าวว่า การแก้ไขร่างสัญญาโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา)

เมื่ออัยการสูงสุดตรวจสอบร่างสัญญาแล้วเสร็จจะส่งกลับมาที่การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) พิจารณา เนื่องจากเป็นคู่สัญญาของเอกชน คาดว่าอัยการสูงสุดตอบกลับภายในสัปดาห์นี้

อย่างไรก็ดีตามขั้นตอน รฟท. จะนำความเห็นดังกล่าวของอัยการสูงสุดไปหารือร่วมกับเอกชนคู่สัญญา หากได้ข้อสรุปที่ทุกฝ่ายเห็นชอบร่วมกัน

ก็จะเข้าสู่ขั้นตอนการนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) หรือบอร์ดอีอีซี พิจารณาเพื่อขออนุมัติภายในเดือนสิงหาคมนี้ ก่อนเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบต่อไป

"ส่วนการลงนามเซ็นสัญญาจะเริ่มได้เมื่อไหร่ขึ้นอยู่กับการนัดหมายระหว่าง รฟท. และเอกชน ซึ่งทางอีอีซีจะเข้าร่วมเป็นพยานในพิธีลงนามหรือไม่นั้น คงต้องรอให้ทางคูสัญญาเป็นคนเชิญ เพราะตามกฎหมายเราไม่ได้เป็นคู่สัญญาโดยตรง" นายจุฬา กล่าว

นายจุฬา กล่าวต่อว่า ขณะที่ความคืบหน้าโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก วงเงินลงทุนรวมประมาณ 290,000 ล้านบาท หลังจากบอร์ดอีอีซีรับทราบปัญหาอุปสรรค และข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น

หลังการลงนามสัญญาร่วมทุน โครงการดังกล่าว โดยมอบหมายให้ สกพอ.เจรจาเพื่อแก้ไขปัญหาอุปสรรคทั้งหมดบนพื้นฐานความสมเหตุสมผล เพื่อให้สามารถดำเนินโครงการฯ และเกิดการลงทุนได้จริงนั้น

ปัจจุบันยังอยู่ระหว่างการเจรจากับบริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จำกัด หรือ UTA โดยเฉพาะในประเด็นการขอขยายระยะเวลาในการเริ่มงานก่อสร้างออกไปจนถึงกลางเดือนสิงหาคมนี้

เพราะที่ผ่านมายังติดเรื่องไฮสปีด 3 สนามบิน จากเดิมที่กำหนดออกหนังสือแจ้งให้เริ่มงาน (NTP) ในวันที่ 16 มิถุนายน 2568 รวมถึงการปรับลดขนาดการลงทุนของโครงการฯ

"เรื่องการเจรจาในโครงการนี้ต้องใช้เวลา ซึ่งเป็นไปตามกระบวนการปกติของการบริหารสัญญา เพราะต้องหาข้อตกลงร่วมกันให้ได้ทั้งสองฝ่าย ซึ่งเราก็พยายามเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด" นายจุฬา กล่าว

อย่างไรก็ดีตามกระบวนการหากการเจรจาร่วมกับเอกชนในโครงการสนามบินอู่ตะเภาฯได้ข้อยุติจะต้องรายงานต่อบอร์ดอีอีซีพิจารณาถึงความคืบหน้าการดำเนินงานด้วย แต่หากมีการแก้ไขสัญญาจะต้องนำเสนอต่อครม.เห็นชอบเพิ่มเติมเช่นกัน

นอกจากนี้ในประเด็นที่เอกชนได้ส่งหนังสือมาถึงอีอีซี ไม่ขอให้ขยายเวลาส่งมอบหนังสือให้เริ่มงาน (NTP) เกินไปจากวันที่ 31 กรกฎาคมที่ผ่านมา รวมถึงจะใช้สิทธิเรียกค่าเสียหายจากการดำเนินโครงการล่าช้าเป็นวงเงิน 5,099 ล้านบาทนั้น

เรื่องนี้ทาง UTA ไม่ได้ยื่นหนังสือเรียกค่าเสียหาย แต่เป็นการส่งหนังสือแจงรายละเอียดเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในโครงการฯแล้วบางส่วน ซึ่งไม่ได้มีการบอกเลิกสัญญาตามที่เป็นข่าว

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ฐานเศรษฐกิจ

AMD แนะอัปเกรดดาต้าเซ็นเตอร์ รับมือดีมานด์ AI-คลาวด์ทะยาน

20 นาทีที่แล้ว

บางกอกแอร์เวย์ส ไตรมาส 2 ปี 2568 ปิดบวก ดันครึ่งปีแรกโกยกำไร 2 พันล้าน

33 นาทีที่แล้ว

เช็กลิสต์ 26 หุ้นไทยปันผล ขึ้น XD ระหว่างวันที่ 13 - 21 ส.ค. 68 นี้

37 นาทีที่แล้ว

CIMB ลุยระดมทุนตั้งเป้า 2.3 ล้านล้านทั่วอาเซียน ดันธุรกิจสู่ความยั่งยืน

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความสังคมอื่นๆ

ด่วน! เกิดเหตุรถไฟตกราง มีผู้โดยสารบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่นำส่ง รพ.แล้ว

สยามนิวส์

ข้าวไทยไม่สดใส “ภาษีสหรัฐ–ข้าวอินเดีย” กระหน่ำ ราคาดิ่ง

ฐานเศรษฐกิจ

เช็กเงื่อนไข กพท.ผ่อนปรนเฉพาะ "โดรนเกษตร" เริ่ม 11 ส.ค.นี้

Thai PBS

รวบแล้วพ่อค้ายา ยิงลูกน้องบาดเจ็บย่านบางพลี

77kaoded

CAAT ประกาศผ่อนปรนเฉพาะโดรนเกษตร 11 ส.ค. เป็นต้นไป ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด

สวพ.FM91

CIMB ลุยระดมทุนตั้งเป้า 2.3 ล้านล้านทั่วอาเซียน ดันธุรกิจสู่ความยั่งยืน

ฐานเศรษฐกิจ

พยากรณ์อากาศประจำวันที่ 9 สิงหาคม 2568 กรุงเทพและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30 ของพื้นที่

สวพ.FM91

คลังเร่งปรับเกณฑ์ เปิดทางธนาคารตั้ง AMC ครอบคุมน็อนแบงก์

ฐานเศรษฐกิจ

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...