'นักวิชาการ'ห่วงเปลี่ยนนายกฯ–ครม.ถี่ ฉุดการศึกษาไร้ทิศทาง นโยบายสะดุด แก้หนี้ครู–หลักสูตรใหม่–กม.ค้าง
ห่วงเปลี่ยนนายกฯ–ครม.ถี่ฉุดการศึกษาไร้ทิศทาง นโยบายสะดุด แก้หนี้ครู–หลักสูตรใหม่–กม.ค้าง
นายณรินทร์ ชำนาญดู นายกสมาคมผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งประเทศไทย (ส.บ.ม.ท.) เปิดเผยว่า กรณีมติศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัย ให้น.ส.แพทองธาร ชินวัตร พ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจากกรณีคลิปเสียงสนทนากับ สมเด็จฮุน เซน ส่งผลให้คณะรัฐมนตรี (ครม.)ต้องพ้นจากตำแหน่งไปด้วยนั้น เท่ากับใน 2 ปี ประเทศไทยมีการเปลี่ยนตัวนายกฯ ถึง 3 ครั้ง ถือเป็นความไม่มีเสถียรภาพทางการเมือง และส่งผลต่อระบบการศึกษาของประเทศโดยตรง เนื่องจากนโยบายหรืองานต่าง ๆ ที่รัฐมนตรีได้มอบหมายไว้จะไม่เกิดความต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน ก็ไม่สามารถรู้ได้ว่า คนใหม่ที่เข้ามาจะสานต่อนโยบายเหล่านั้นหรือไม่
“เมื่อการเมืองเป็นแบบนี้ ย่อมส่งผลต่อระบบการศึกษา ที่ไร้ทิศทาง กลายเป็นการทำงานแบบเกียร์ว่าง ในส่วนของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ตั้งแต่ยุค ‘เรียนดี มีความสุข’ มาเป็น ‘เรียนดี มีคุณธรรม’ ยังไม่ทันได้ลงมือทำอะไรเลยก็ต้องมีการปรับเปลี่ยนอีกครั้ง เช่น เรื่องการแก้หนี้สินครู ที่นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ อดีตรัฐมนตรีว่าการ ศธ. จะจัดตั้งสหกรณ์กลางขึ้นมา ซึ่งถือว่าเป็นความหวังของครูในการแก้ปัญหาหนี้สิน ก็ต้องหายไปและกลับมาเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง” นายณรินทร์ กล่าว
นายณรินทร์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้มีการจัดตั้ง ครม.ใหม่ มองว่าการที่ รัฐมนตรีว่าการใหม่จะสานต่อนโยบายเดิมของคนเก่า เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยาก เพราะนโยบายต่างๆ ที่เกิดขึ้นขอลแต่ละพรรค มีความเกี่ยวข้องทางการเมือง ซึ่งการแบ่งกระทรวงต่าง ๆ ให้กับนักการเมืองที่ได้รับเลือกเป็นรัฐมนตรี พรรคการเมืองที่มีสิทธิเลือกก่อนก็มักจะเลือกกระทรวงใหญ่ เช่น กระทรวงมหาดไทย (มท.) กระทรวงคมนาคม ที่มีงบประมาณและอำนาจทางการบริหารสูง ขณะที่ ศธ. มักตกเป็นเพียงตำแหน่งที่ได้จากการเจรจาแบ่งเก้าอี้ทางการเมือง ไม่ใช่กระทรวงที่นักการเมืองให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก ด้วยเหตุนี้ทำให้รัฐมนตรีที่เข้ามาดำรงตำแหน่งใน ศธ. ส่วนมากไม่มีอำนาจต่อรองหรือฐานทางการเมืองที่แข็งแรงพอจะผลักดันนโยบายระยะยาวได้ ส่งผลให้นโยบายที่ริเริ่มไว้โดยรัฐมนตรีชุดก่อน ไม่ได้รับการสานต่อและหยุดชะงักไปในที่สุด
“ผมอยากให้รัฐมนตรีว่าการ ศธ. คนใหม่ เข้ามาสานต่อในเรื่องคุณภาพผู้เรียน การลดภาระการประเมิน การแก้ปัญหาหนี้สินครูโดยการจัดตั้งสหกรณ์กลางที่ได้มีการริเริ่มไว้ รวมถึงการปรับเกณฑ์วิทยฐานะ อยากให้นโยบายเหล่านี้ที่ตั้งไข่ไว้แล้วแต่ยังไม่ได้เริ่มทำ มีคนมาสานต่อเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับคนทำงาน ตอนนี้ครูและบุคลากรทางการศึกษารู้สึกไร้ความหวังจากการปรับเปลี่ยนนโยบายบ่อยครั้ง หาก ครม. ชุดใหม่เข้ามาตามกรอบระยะเวลาเพียงแค่ 4 เดือน ก็คงต้องเริ่มใหม่อีกครั้ง ผมจึงอยากฝากให้หน่วยงานอย่างสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เข้ามาดูแลเรื่องต่าง ๆ และไม่อยากฝากความหวังไว้กับฝ่ายการเมืองแล้ว เพราะสุดท้ายก็ต้องเปลี่ยนแปลงอยู่ดี” นายณรินทร์ กล่าว
ด้านนายอรรถพล อนันตวรสกุล อาจารย์ประจำคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า สิ่งที่ยังค้างคาอยู่คือการจัดทำร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.… ซึ่งค้างมาตั้งแต่สมัยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) การเปลี่ยนผู้บริหารฝ่ายการเมืองบ่อย ส่งผลโดยตรงให้เรื่องนี้หยุดลงกลางคันอีกครั้ง และรัฐมนตรีว่าการ ศธ. คนใหม่ที่จะเข้ามาก็ไม่มีทางรู้ได้เลยว่าจะมีความมุ่งมั่นผลักดันเรื่องนี้ให้เกิดขึ้นจริงหรือไม่ ทั้งที่การศึกษาเป็นสิ่งที่รอไม่ได้ จึงชัดเจนว่าความไม่มีเสถียรภาพทางการเมืองส่งผลต่อระบบการศึกษาโดยตรง
“อีกอย่างที่สำคัญคือปีนี้เพิ่งมีการประกาศใช้หลักสูตรฐานสมรรถนะ นำร่อง 4,000 โรงเรียนทั่วประเทศ ตัวหลักสูตรเองก็ยังไม่มีความแน่นอนว่าหลังจากนำร่องแล้วจะมีการขยายผลไปทั่วประเทศและในระดับชั้นอื่น ๆ หรือไม่ ตอนนี้โรงเรียนก็ต้องรอความชัดเจนจากส่วนกลาง และส่วนกลางเองก็ต้องรอความเห็นชอบจากรัฐมนตรี แต่ภายใน 2 ปี ต้องเปลี่ยนรัฐมนตรีถึง 3 คน ย่อมส่งผลกระทบต่อโรงเรียนที่รอความชัดเจน รวมถึงรัฐมนตรีชุดใหม่ที่เข้ามาก็ไม่มีใครรู้ว่าจะอยู่ทำงานได้อีกกี่เดือน หากอยู่แค่ 4 เดือนก็ต้องหยุดกลางคันอีกครั้ง” นายอรรถพล กล่าว
นายอรรถพล กล่าวต่อว่า จริง ๆ แล้ว ใครก็ตามที่เข้ามาเป็นรัฐมนตรีว่าการ ศธ. คนใหม่ จะต้องถูกเรียกร้องให้สานต่อนโยบายเดิมอย่างแน่นอน อย่างเช่นการจัดทำร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.… ที่ค้างมาหลายปี ก็มีการร่างฉบับต่าง ๆ เพื่อรอนำไปประกอบกับร่างเดิมอยู่แล้วและนำเข้าสู่ที่ประชุม ครม. ก่อนจะผลักดันเข้าสู่สภาเพื่อจัดทำเป็นกฎหมายต่อไป แต่หากมีการตั้งรัฐมนตรีว่าการ ศธ. คนใหม่ที่มาเพียงเพื่อรักษาการ เรื่องการจัดทำร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.… ก็คงไม่ได้อยู่ในวาระเร่งด่วน และคงค้างคาไปจนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่
“ผมมองว่าใครจะเข้ามาเป็นรัฐมนตรีก็ตาม จะต้องผลักดันเรื่องนี้ให้ได้เพราะเป็นสิ่งที่วงการการศึกษาต้องการ และในส่วนของหลักสูตรสมรรถนะก็ควรมีการวางแผนปฏิบัติการให้ดีเพื่อจัดทำกรอบเวลาที่ชัดเจน ต่อให้รัฐมนตรีชุดใหม่จะเข้ามาเพียง 4 เดือนก็ตาม ก็จะต้องผลักดันให้เกิดขึ้น เพราะยังไงก็ตามการขับเคลื่อนก็ต้องอาศัยอำนาจของรัฐมนตรีชุดใหม่ในการทำหน้าที่ เพื่อให้ข้าราชการเห็นภาพรวมในการทำนโยบายโดยไม่ถูกแรงเหวี่ยงทางการเมือง” นายอรรถพล กล่าว
นายอรรถพล กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงผู้บริหารฝ่ายการเมืองที่เกิดขึ้น ในส่วนของโรงเรียนก็คงต้องประคองตัวเองให้ไปต่อได้ ขณะที่ส่วนกลาง ก็จะเกิดความไม่แน่นอนขึ้นในวาระต่าง ๆ ที่กำลังดำเนินการตามนโยบาย เช่น เรื่องการนำวิชาประวัติศาสตร์มาบรรจุในการสอบเข้าเรียนต่อ ตามนโยบายนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการ ศธ. ได้มอบหมายไว้ เรื่องนี้จะไปต่อหรือไม่ ปัญหาลักษณะนี้ส่งผลให้โรงเรียนต้องปรับตัวเพื่อรอดูทิศทางการทำงานต่อไป
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ‘นักวิชาการ’ห่วงเปลี่ยนนายกฯ–ครม.ถี่ ฉุดการศึกษาไร้ทิศทาง นโยบายสะดุด แก้หนี้ครู–หลักสูตรใหม่–กม.ค้าง
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th