สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 15 ส.ค. 68

1. สรุปสถานการณ์น้ำ และปริมาณฝนสะสม 24 ชม. สูงสุด ได้แก่ ภาคเหนือ : จ.น่าน (110 มม.) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : จ.นครราชสีมา (80 มม.) ภาคตะวันตก : จ.กาญจนบุรี (35 มม.) ภาคกลาง : จ.ลพบุรี (54 มม.) ภาคตะวันออก : จ.นครนายก (93 มม.) ภาคใต้ : จ.พังงา (111 มม.)

สภาพอากาศวันนี้ : ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนบนเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคตะวันออกและภาคใต้ฝั่งตะวันตกมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ฝั่งตะวันออกมีฝนตกหนักบางพื้นที่

คาดการณ์ : ช่วงวันที่ 16 - 18 ส.ค. 68”ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคเหนือ

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่าน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น ในขณะที่มีหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง

2. สถานการณ์น้ำอ่างเก็บน้ำในภาพรวม : ปริมาณน้ำรวม 65% ของความจุเก็บกัก (52,275 ล้าน ลบ.ม.) ปริมาณน้ำใช้การ 49% (28,155 ล้าน ลบ.ม.)

3. ประกาศสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ : สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ประกาศฉบับที่ 16/2568 เรื่องเฝ้าระวังน้ำหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขัง น้ำล้นตลิ่ง และระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยา ในช่วงวันที่ 15 - 17 ส.ค. 68 ดังนี้

1. พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม และน้ำท่วมขัง ในพื้นที่ ภาคเหนือ บริเวณ จ.เชียงราย จ.แม่ฮ่องสอน จ.เชียงใหม่ จ.ลำพูน จ.ลำปาง จ.พะเยา จ.น่าน จ.ตาก จ.พิษณุโลก และ จ.เพชรบูรณ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ บริเวณ จ.เลย จ.หนองคาย จ.บึงกาฬ จ.อุดรธานี จ.สกลนคร และ จ.อุบลราชธานี ภาคตะวันออก บริเวณ จ.ชลบุรี จ.ระยอง จ.จันทบุรี และ จ.ตราด ภาคใต้ บริเวณ จ.ชุมพร จ.ระนอง จ.พังงา และ จ.ภูเก็ต

2. เฝ้าระวังอ่างเก็บน้ำขนาดกลางและเล็กที่มีปริมาณน้ำมากกว่าร้อยละ 80 ของความจุเก็บกัก และขอให้พิจารณาบริหารจัดการน้ำเขื่อนสิริกิติ์ และเขื่อนผาจุก จ.อุตรดิตถ์ เขื่อนนเรศวร จ.พิษณุโลก ให้สอดคล้องเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบหรือเกิดผลกระทบน้อยที่สุด

3. เฝ้าระวังระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันและระดับน้ำล้นตลิ่งและท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ บริเวณแม่น้ำสายหลักและลำน้ำสาขาของแม่น้ำอิง และแม่น้ำยม

4. เฝ้าระวังกิจกรรมการใช้น้ำและการสัญจรทางน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา บริเวณ จ.อ่างทอง และพระนครศรีอยุธยา เนื่องจากการปรับเพิ่มการระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยา

4.ข่าวประชาสัมพันธ์ : วานนี้ (14 ส.ค. 68) ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการอำนวยการด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ครั้งที่ 11/2568 ณ สทนช. และผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ที่ประชุมได้ร่วมพิจารณาแผนบริหารจัดการน้ำ และการจัดทำผังน้ำ มีมติ ดังนี้

1. ให้กรมชลประทาน เตรียมพื้นที่ลุ่มต่ำทุ่งบางระกำ และทุ่งรับน้ำ 10 ทุ่ง ในพื้นที่ภาคกลาง รวมทั้งบึงบอระเพ็ด ซึ่งพื้นที่ส่วนใหญ่ของทุ่งบางระกำสามารถรับน้ำเข้าทุ่งได้ตั้งแต่วันที่ 15 ส.ค. 68 เป็นต้นไป ส่วนทุ่งรับน้ำ 10 ทุ่ง ในพื้นที่ภาคกลางสามารถรับน้ำเพื่อเตรียมพร้อมเป็นพื้นที่หน่วงน้ำหลังวันที่ 15 ก.ย. 68

2. ให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย คงอัตราการระบายน้ำเขื่อนสิริกิติ์ที่ 55 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน จนถึงวันที่ 2 ก.ย. 68 เพื่อเพิ่มพื้นที่รองรับน้ำ และให้กรมชลประทานวางแผนเร่งระบายน้ำของเขื่อนทางตอนล่าง ได้แก่ เขื่อนผาจุก เขื่อนนเรศวร และเขื่อนเจ้าพระยา ให้สอดรับกับพื้นที่ตอนบน โดยไม่กระทบต่อพื้นที่ท้ายน้ำและต้องคำนึงถึงความปลอดภัยเขื่อน

3. เขื่อนที่มีปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์น้ำน้อย คาดการณ์ว่าในช่วงสิ้นเดือนพฤศจิกายนจะมีปริมาณน้ำน้อย เช่น เขื่อนลำตะคอง ต้องปรับลดแผนการระบายน้ำเพื่อเก็บกักน้ำไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้ง

4. ให้กรมอุตุนิยมวิทยา และสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) จัดทำข้อมูลคาดการณ์ปริมาณฝนล่วงหน้า 7 วัน พร้อมปรับปรุงข้อมูลทุกวันต่อเนื่อง เพื่อให้หน่วยงานต่าง ๆ ใช้ประกอบการบริหารจัดการน้ำในช่วงวิกฤติ

5. เห็นชอบในหลักการจัดทำผังน้ำลุ่มน้ำยม ลุ่มน้ำโขงเหนือ และลุ่มน้ำภาคใต้ฝั่งตะวันออกตอนบน เพื่อเสนอต่อ กนช. พิจารณา ก่อนประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 14 ส.ค. 68