ต่อยอด ‘ชุดไทย’ มรดกภูมิปัญญาสู่ Soft Power
ชุดไทยพระราชนิยมที่งามสง่าทั้ง 8 แบบ ประกอบด้วย ชุดไทยเรือนต้น ชุดไทยจิตรลดา ชุดไทยอมรินทร์ ชุดไทยบรมพิมาน ชุดไทยดุสิต ชุดไทยจักรี ชุดไทยศิวาลัย และ ชุดไทยจักรพรรดิ ที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระราชทานให้หญิงไทยสวมใส่ในโอกาสต่างๆ จัดแสดงในนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติชุดไทยพระราชนิยม อาภรณ์แห่งพระราชปณิธาน งามสง่าคู่แผ่นดินไทย เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2568 จัดโดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) กระทรวงวัฒนธรรม ที่อาคารอเนกประสงค์ กรมส่งเสริมวัฒนธรรม
นางยุถิกา อิศรางกูร ณ อยุธยา อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กล่าวว่า กรมส่งเสริมวัฒนธรรมจัดนิทรรศการชุดไทยพระราชนิยมเพื่อเฉลิมพระเกียรติและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในการพัฒนาและยกระดับการแต่งกายของสตรีไทย ให้เป็นชุดประจำชาติที่งดงามเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ นิทรรศการนำเสนอพระราชกรณียกิจด้านการอนุรักษ์และฟื้นฟูการแต่งกายแบบโบราณให้ง่ายต่อการสวมใส่ในชีวิตประจำวัน โดยยังคงใช้ผ้าไทยและเครื่องประดับไทยดั้งเดิม ควบคู่กับการพัฒนาเทคนิค การตัดเย็บ การปัก และองค์ประกอบของชุดให้มีความสง่างาม และเหมาะสมกับกาลเทศะ เมื่อครั้งโดยเสด็จ ฯ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เยือน 15 ประเทศในอเมริกาและยุโรป ปัจจุบันชุดไทยพระราชนิยม 8 แบบ เสนอขึ้นทะเบียนเป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติต่อยูเนสโก คาดว่า จะได้รับการพิจารณาช่วงปลาย ปี 2569
ภายในงานเปิดวงเสวนา “ แนวทางการส่งเสริมและรักษาชุดไทย เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน “ พูดคุยมิติยูเนสโกกับขึ้นทะเบียนมรดกภูมิปัญญา โอกาสเติบโตของผ้าไทยและชุดไทยในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ และการส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชนเพื่อสร้างรายได้ให้แก่คนในท้องถิ่น
นางสาวิตรี สุวรรณสถิตย์ ผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม กล่าวว่า หลักฐานสำคัญที่ในการเสนอยูเนสโกขึ้นทะเบียนมรดกภูมิปัญญา มี 5 เกณฑ์ ได้แก่ มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ชุมชนสืบทอด ชุมชนยิมยอมพร้อมใจเสนอขึ้นทะเบียน มีการส่งต่อมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมจากรุ่นสู่รุ่น และนโยบายหรือแผนงานดูแลรักษา ต่อยอด มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมอย่างยั่งยืน ตลอดจนสร้างรายได้ต่อชุมชน ซึ่งสมเด็จพระพันปีหลวงทรงส่งเสริมการทอผ้าในชุมชนทั่วประเทศ เกิดองค์ความรู้ ภูมิปัญญาช่างฝีมือจากปัจจุบันสู่อนาคต อีกทั้งด้านสังคมและวัฒนธรรมการแต่งกายด้วยชุดไทยส่งเสริมอัตลักษณ์ สร้างความภาคภูมิใจ
“ ปี 2567 ไทยร่วมกับ 5 ประเทศเสนอชุดเคบาย่าขึ้นทะเบียนมรดกภูมิปัญญา ยูเนสโกขึ้นทะเบียนและสนับสนุนการเสนอวัฒนธรรมร่วมกัน ยกเว้นว่า คุณคิดว่า คุณไม่เหมือนใครก็เสนอแยกพร้อมชี้แจง คนกลัวว่าประเทศนั้นประเทศนี้จะไปเคลม อะไรที่เป็นของเรา เราใส่ เราใช้ เราปฏิบัติอยู่ทุกวันในเขตแดนพื้นที่ของเรา ไม่มีใครแย่งเราได้ แม้ว่าการขึ้นบัญชีมรดกภูมิปัญยาของยูเนสโก จะไม่ถือเป็นการจดลิขสิทธิ์ก็ตาม แต่ตราบใดที่มีการถือปฏิบัติ สืบทอด ภาคส่วนต่างๆ มีแผนงานในการดูแลรักษาสืบทอดผ่านระบบโรงเรียน นอกระบบโรงเรียน ในชุมชนต่างๆ ไม่ต้องกลัว ยกเว้นเราปฏิบัติลุ้มๆ ลอนๆ ซึ่งในการส่งเสริมองค์ความรู้มรดกภูมิปัญญาสู่เยาวชนต้องผ่านการศึกษา ความร่วมมือระหว่างภาควัฒนธรรมและภาคการศึกษาจำเป็นมาก “ นางสาวิตรี กล่าว
นางสาวิตรี กล่าวว่า นอกจากชุดไทยพระราชนิยม 8 ชุด สำหรับสตรีไทยแล้ว มีชุดไทยพระราชทานอย่างน้อย 3 ชุดสำหรับสุภาพบุรุษ แสดงถึงความหลากหลาย ใช้สวมใส่ในโอกาสต่าง ๆ เหมาะสมกับกาละเทศะ นอกจากนี้ ในแบบฟอร์มที่เหมือนกัน มีการใช้ผ้าที่ต่างกัน คนไทยสามารถสวมใส่ชุดไทยที่แสดงความหลากหลายของวัฒนธรรม เหนือ อีสาน กลาง ใต้ ชุดไทยยังเชื่อมโยงมารยาทในการแต่งกาย ซึ่งต้องสืบทอดในครอบครัว สถาบันการศึกษา และสังคม เมื่อขึ้นทะเบียนยูเนสโกแล้ว ต้องมีการพัฒนาอย่างยั่งยืน
ดร.สุรัตน์ จงดา ผู้ช่วยอธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ กล่าวว่า สมเด็จพระพันปีหลวงทรงเป็นต้นแบบการสวมใส่ชุดไทย ทรงยกระดับการแต่งกายสตรีไทยเป็นชุดประจำชาติอันงดงามคู่คุณค่าไทยและเป็นที่ประจักษ์ในระดับสากล ยุคต่อมาเผยแพร่ชุดไทยที่มีอัตลักษณ์ งดงาม ผ่านการประกวดชุดประจำชาติของนางงามและนางสาวไทยในเวทีระดับโลก จนมาถึงยุคแอร์โฮสเตสสวมใส่ชุดไทยให้บริการผู้โดยสาร ตามด้วยยุคเผยแพร่ชุดไทยผ่านศิลปะการแสดง โดยนายบุศย์ มหิทร์ ส่งคณะนาฏศิลป์ไทยไปต่างประเทศ หรือยุคจอมพล ป พิบูลสงคราม เผยแพร่การแสดงนาฏศิลป์ไทยไนต่างแดน แม้กระทั่งภาพถ่ายฟิลม์กระจกที่แสดงถึงวีชีวิต วัฒนธรรม การสวมชุดไทยของชนชั้นสูง พัฒนามาจนถึงปัจจุบันมีการสวมใส่ชุดไทยในโอกาสต่างๆ การผลิตภาพยนตร์หรือซี่รี่ส์ที่ส่งเสริมองค์ความรู้ชุดไทย ถือเป็นหลักฐานยืนยันความเป็นเจ้าของชุดไทยพระราชนิยมของประเทศไทย
“ ตนยืนยันประเทศไทยมีการแต่งกายชุดไทยเป็นแบบแผน อัตลักษณ์อย่างแท้จริง เสนอให้กรมส่งเสริมวัฒนธรรมหาแนวทางเผยแพร่องค์ความรู้ชุดไทยพระราชนิยม ซึ่งมีการออกแบบอย่างถูกต้อง เมื่อชุดไทยพระราชนิยมได้รับการขึ้นทะเบียน อุตสาหกรรมชุดไทยจะบูมมากขึ้น เกิดความต้องการสวมใส่เพิ่มขึ้น อุตสาหกรรมทอผ้าเครื่องประดับตกแต่งจากต่างประเทศจะเข้ามาตีตลาด จะเพิ่มขีดความสามารแข่งขัน โดยการจัดอบรมพัฒนาทักษะตัดเย็บชุดไทยพระราชนิยม เชิญชวนผู้ประกอบการ ช่างตัดเย็บทั้งตลาดพาหุรัด ตลาดสามยอด และตลาดอื่นๆ มาอบรมให้มีความสามารถตัดเย็บชุดไทยที่มีคุณภาพ รวมถึงสร้างเยาวชนคนคนรุ่นใหม่ทดแทน จะเกิดการสร้างงาน สร้างอาชีพ สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน “ ดร.สุรัตน์ กล่าว
ชุดไทยในมิติ Soft power ดร.พิชชากานต์ ช่วงชัย อาจารย์ประจำสาขาการจัดการมรดกวัฒนธรรม และอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ วิทยาลัยนวัตกรรม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า ชุดไทยพระราชนิยมเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ 2 ประเภท ได้แก่ อุตสาหกรรมหัตถกรรม และอุตสาหกรรมแฟชั่น ซึ่งต้องมีการรักษาคุณค่าทางสังคมและวัฒนธรรมและคุณค่าทางเศรษฐกิจ หากรักษาคุณค่าเหล่านี้ไม่ได้ จะล้มเหลวทางอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ กลายเป็นทำให้วัฒนธรรมเป็นแค่สินค้านั่นเอง องค์ประกอบสำคัญมีรากวัฒนธรรม มรดกภูมิปัญญาแข็งแรง มีการวิจัยต่อยอด และนโยบายของภาครัฐหนุนให้เติบโต อย่างนิทรรศการชุดไทยพระราชนิยมครั้งนี้ทำให้ประชาชนได้ยลโฉมชุดไทยที่สง่างาม ส่วนการสร้างแบรนด์ต้องให้ความสำคัญกับอัตลักษณ์ สร้างแฟชั่นที่สวมใส่ได้จริงจะไม่เลือนหาย