โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

พอร์ตที่ปรับทันโลก ตอนที่ 5 : ยุคที่ "การเลือกข้าง" อาจสำคัญกว่า "การเลือกหุ้น"

ฐานเศรษฐกิจ

อัพเดต 9 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ในวันที่โลกเดินเร็วกว่าแผน และข่าวสารเปลี่ยนทิศทางตลาดได้ในพริบตา โลกไม่เคยรอให้ใครพร้อมก่อนที่มันจะเปลี่ยน…

คำถามสำคัญที่สุดของนักลงทุนในวันนี้จึงไม่ใช่แค่ "จะซื้อหุ้นตัวไหนดี?" แต่คือคำถามที่ใหญ่กว่านั้น:

"พอร์ตของเรา…ทันโลกหรือยัง?"

หลังจากที่เราได้เห็นไปแล้วใน 4 ตอนก่อนหน้าว่า ภูมิรัฐศาสตร์ (Geo Politics) ไม่ใช่แค่ฉากหลังของข่าวต่างประเทศ แต่คือแรงกระเพื่อมที่กำหนดอนาคตเศรษฐกิจโลกและสินทรัพย์ในมือเราโดยตรง พลังงานไม่ได้จำกัดอยู่แค่น้ำมัน แต่แผ่ขยายไปถึงลิเธียม, แร่หายาก, และโครงข่ายไฟฟ้าแห่งอนาคต

เทคโนโลยีก็ไม่ใช่เพียงแอปพลิเคชันบนมือถืออีกต่อไป แต่คือสมรภูมิของชิป, ปัญญาประดิษฐ์, และอาวุธเงียบของรัฐมหาอำนาจ

และเหนือสิ่งอื่นใด ปัจจัยที่สำคัญที่สุดกลับเป็นสิ่งที่เรามองข้ามบ่อยที่สุด นั่นคือ "Mindset" ของเราเอง

นี่คือจุดเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุดในพอร์ตการลงทุน เพราะต่อให้พอร์ตจะถูกออกแบบมาดีเพียงใด แต่หากวิธีคิดของเรายังคงยึดติดอยู่กับสูตรสำเร็จเดิมๆ ในโลกที่กติกาเปลี่ยนไปแล้ว ปลายทางก็อาจเป็นการพังทลาย…ทั้งที่เราอาจเข้าใจตลาด แต่ไม่เคยเข้าใจตัวเอง

การปรับกระบวนท่าการลงทุน

พอร์ตที่ดีในยุคนี้จึงไม่ใช่พอร์ตที่ "แม่นยำ" ที่สุด แต่คือพอร์ตที่ "ขยับทัน" การเปลี่ยนแปลง ในโลกที่เศรษฐกิจไม่ได้วิ่งตามตัวเลขในงบการเงิน แต่ขับเคลื่อนด้วย เรื่องเล่า (Narrative) และ แรงส่ง (Momentum) คนที่มัวแต่รอให้ทุกอย่างชัดเจน 100% ก่อนตัดสินใจลงทุน มักจะมาถึงเป็นคนสุดท้าย…และได้ของในราคาที่โอกาสหายไปแล้วเกินครึ่ง

ทุกวันนี้ หุ้นที่ขึ้นแรงอาจไม่ได้มาจากงบการเงินที่สวยหรู แต่มาจากปัจจัยที่ทรงพลังกว่านั้น:

  • อยู่ฝั่งที่รัฐบาลหนุนหลัง
  • มีสตอรี่ที่แข็งแกร่งและน่าดึงดูด
  • อยู่ในขั้วอำนาจที่ชนะในเกมภูมิรัฐศาสตร์

ในทางกลับกัน หุ้นที่ตกแรง…ก็อาจไม่ได้ผิดที่ตัวบริษัท แต่อาจผิดที่เรายังวางพอร์ต "อยู่ฝั่งที่กำลังถูกบีบ" หรืออาจจะเติบโตผิดประเทศ

ตัวอย่างล่าสุดที่เราได้เห็นคือ บริษัท Functional Drink มูลค่า 5 หมื่นล้านบาท IFBH (HK: 6603) บริษัทน้ำมะพร้าวสัญชาติไทยหัวใจอินเตอร์ ที่ถ้าคุณ listed ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย คุณไม่น่าได้ Premium ขนาดนี้ได้

นี่คือตัวอย่างที่ชัดเจนของ "การเติบโตผิดประเทศ" ผลิตภัณฑ์เดียวกัน ทีมงานเดียวกัน แต่เพียงแค่เปลี่ยนตลาดทุนที่ระดมเงิน มูลค่าบริษัทกระโดดขึ้นไปอีกระดับ เพราะนักลงทุนในฮ่องกงและจีนเห็นศักยภาพของแบรนด์เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพมากกว่านักลงทุนไทย

การจัดพอร์ตในยุคภูมิรัฐศาสตร์จึงต้องออกแบบใหม่ทั้งกระบวนท่า การกระจายความเสี่ยงตามประเภทสินทรัพย์ (Asset Class) แบบเดิมนั้นไม่เพียงพออีกต่อไป วันนี้เราต้องมองให้ลึกถึงการกระจายความเสี่ยง "ตามห่วงโซ่อุปทาน" (Supply Chain)

เข้าใจห่วงโซ่อุปทานเชิงภูมิรัฐศาสตร์

ลองยกตัวอย่างให้เห็นภาพชัดขึ้น หากคุณจะลงทุนในเทรนด์รถยนต์ไฟฟ้า (EV) คุณต้องมองไปถึงต้นน้ำอย่างลิเธียม (Lithium) ที่ออสเตรเลียและชิลีครอบครอง หรือหากจะลงทุนในปัญญาประดิษฐ์ (AI) คุณต้องเข้าใจว่าใครคือผู้กุมสมรภูมิการผลิตชิป (Chip) เพราะนี่คือจุดคอขวดที่กำหนดผู้แพ้ชนะในสงครามเทคโนโลยี

ตัวอย่างที่ชัดเจน: หากความตึงเครียดระหว่างจีน-ไต้หวันบานปลาย การผลิตชิปกึ่งตัวนำขั้นสูง (Advanced Semiconductor) ที่ 90% ของโลกพึ่งพาไต้หวัน จะส่งผลต่อทุกสิ่งตั้งแต่ iPhone, รถยนต์ไฟฟ้า, ไปจนถึงเซิร์ฟเวอร์ AI ของ Google และ Microsoft เลยเป็นที่มาของ CHIPS Act ในยุคของ Joe Biden ที่สหรัฐฯ ใช้เงิน 280 พันล้านดอลลาร์เพื่อสร้างโรงงานผลิตชิปในอเมริกา เพื่อลดการพึ่งพาไต้หวัน

นี่คือเหตุผลที่เราต้องกระจายความเสี่ยงข้ามภูมิภาค ข้ามห่วงโซ่อุปทาน และข้ามฟากการเมืองโลก ไม่ใช่แค่กระจายข้ามหุ้น-บอนด์-ทองคำแบบเดิม

ศิลปะการเลือกข้าง

นี่คือยุคที่ "การเลือกข้าง" อาจสำคัญกว่า "การเลือกหุ้น" เพราะบริษัทที่ดีแค่ไหนก็ไร้ความหมาย หากตั้งอยู่ในประเทศที่โดนคว่ำบาตร พอร์ตของคุณก็ไม่ต่างอะไรจากการถือระเบิดเวลาทางเศรษฐกิจ

แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่า "ข้างไหนกำลังจะชนะ"?

  • มองที่นโยบาย: ข้างไหนที่รัฐบาลทุ่มเงินลงทุนมหาศาล (เช่น "One Big Beautiful Bill Act" ของสหรัฐฯ ที่ใช้เงิน 5 ล้านล้านดอลลาร์ในการลดภาษีและกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือจีนที่ลงทุนกว่า 500 พันล้านดอลลาร์ต่อปีในพลังงานหมุนเวียน)
  • มองที่เทคโนโลยี: ใครควบคุมเทคโนโลยีหลัก (Core Technology) ที่ไม่สามารถถูกแทนที่ได้ง่าย
  • มองที่ทรัพยากร: ใครเป็นเจ้าของวัตถุดิบที่จำเป็นต่อการพัฒนาเทคโนโลยีอนาคต

ดังนั้น เราต้องกล้าเปลี่ยนมนต์การลงทุน จาก "Buy Low, Sell High" ที่อาจช้าเกินไป มาเป็น "Buy Strong, Sell Stronger" คือการกล้าเข้าซื้อของที่ดูเหมือนแพง แต่มีแนวโน้มที่แข็งแกร่งและอยู่บนเส้นทางของนโยบายโลกหนุนหลัง

ข้อสำคัญ: การลงทุนแบบนี้ต้องมาพร้อมการจัดการความเสี่ยงที่เข้มงวด เพราะ Momentum ที่แรงสามารถพลิกกลับได้เร็วเช่นกัน การกำหนดขนาดตำแหน่ง (Position Sizing) และจุดตัดขาดทุน (Stop Loss) จึงสำคัญมากขึ้น

ตัวชี้วัดความ "ทัน" ของพอร์ต

การเข้าใจการเปลี่ยนแปลงคือเพียงก้าวแรก แต่การนำมาใช้จริงต้องอาศัยการประเมินตนเองอย่างซื่อสัตย์ คำถามสามข้อนี้จึงสำคัญ เพราะมันเป็นกระจกส่องที่จะบอกเราว่า เรากำลังเดินไปข้างหน้าหรือติดอยู่กับอดีต

คำตอบไม่ได้ซ่อนอยู่ในตารางวิเคราะห์ที่ซับซ้อน แต่อยู่ในคำถามสามข้อที่เราต้องกล้าถามตัวเองอย่างตรงไปตรงมา:

  • เรากำลังใช้แผนที่เก่า…เดินทางในโลกใบใหม่หรือไม่? (ยังยึดติดกับสูตรสำเร็จในอดีตหรือเปล่า?)
  • ระหว่าง "ความกลัวของแพง" กับ "ความกลัวพลาดโอกาส" เราให้น้ำหนักกับอะไรมากกว่ากัน? (กลัวราคาขึ้น หรือกลัวตกรถไฟขบวนที่ใหญ่ที่สุด?)
  • หากโลกนี้คือกระดานหมากล้อม…พอร์ตของเรากำลังวางหินให้ฝั่งไหน? (เราเลือกข้างที่ชนะ หรือกำลังจะโดนอาตาริ?)

เพราะบางครั้ง การไม่กล้าคิดใหม่ คือเหตุผลลึกๆ ที่ทำให้พอร์ตของเรา "ไม่ไปไหน" ทั้งที่โลกหมุนไปไกลแล้ว

บทส่งท้าย

นี่คือบทสรุปสุดท้ายของซีรีส์ Geo Politics ชุดนี้ เพราะเมื่อคุณมองเกมออก และกล้าที่จะเปลี่ยนวิธีคิด สิ่งสุดท้ายที่เหลืออยู่…ก็คือการลงมือวางเกมของตัวเองให้พร้อมที่สุด

แน่นอนว่า การลงทุนแบบนี้ไม่เหมาะกับทุกคน และไม่ใช่ทุกช่วงเวลาในตลาด สำหรับผู้ลงทุนที่เน้นความมั่นคงและไม่ชอบความผันผวน การยึดหลักการลงทุนแบบดั้งเดิมอาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า

แต่สำหรับผู้ที่พร้อมจะก้าวเข้าสู่เกมใหม่ของการลงทุน ที่ภูมิรัฐศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก การปรับวิธีคิดและกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับโลกที่เปลี่ยนไป อาจเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างผลตอบแทนที่แตกต่าง

โลกไม่เคยรอให้คุณพร้อมก่อนถึงจะเปลี่ยน และโอกาสที่ดีที่สุดในชีวิต ไม่เคยรอให้คุณแน่ใจถึง 100% ก่อนจะมาถึง

หากคุณพร้อมแล้ว ก็ถึงเวลาวางพอร์ตให้เคลื่อนไหวไปพร้อมกับโลก ไม่ใช่รอให้โลกหยุดแล้วค่อยเดินตาม

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ฐานเศรษฐกิจ

กนง. ลดดอกเบี้ย นิมิตหมายดี ‘พิชัย’ ลุยถก ธปท. แก้ปัญหา 4 เรื่อง

9 นาทีที่แล้ว

ขาดดุลสหรัฐฯ พุ่ง 9.4 ล้านล้าน แม้ภาษีทรัมป์ดันรายได้ แต่รายจ่ายรัฐพุ่งแซง

9 นาทีที่แล้ว

รมว.คลังสหรัฐฯ ส่งสัญญาณเฟดเปิดทางลดดอกเบี้ยแรงครึ่งเปอร์เซ็นต์ ก.ย.นี้

12 นาทีที่แล้ว

ตลาดซูเปอร์คาร์หนืด ลัมโบร์กินี ปรับลดราคา รับภาษี PHEV ใหม่

14 นาทีที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความธุรกิจ-เศรษฐกิจอื่นๆ

ยูโอบี เปิดแคมเปญ “UOB Point Parade” มอบเครดิตเงินคืน 20% ทุกหมวดการใช้จ่าย

การเงินธนาคาร

MOSHI โชว์ผลงานครึ่งปีแรกรายได้ 1.6 พันล้านบาท กำไรโต 40.6%

การเงินธนาคาร

ตลาดหุ้นไทยปิดพุ่ง 18.36 จุด รับ กนง. ลดดอกเบี้ยนโยบาย 0.25%

PostToday

เซเว่นฯ หนุนเกษตรกร ขายลำไยในร้านสะดวกซื้อถึงกลางก.ย.นี้

MATICHON ONLINE

นกเขตร้อนจะไม่ทน จำนวนประชากรลดฮวบ อากาศร้อนกระทบอัตราเจริญพันธุ์

Amarin TV

‘เซ็ปเป้’เคลียร์ปัญหาสต็อกยุโรปได้ กวาดกำไร Q2ได้ 248 ล้านบาท

เดลินิวส์

SAM จัดประมูลทรัพย์ NPA 28 รายการ กำเงินหมื่นมีสิทธิเป็นเจ้าของห้องชุดพักอาศัยกลางเมืองบน ถ.ศรีนครินทร์

สยามรัฐ

ดร.อมรเทพ คาด กนง.จะลดดอกเบี้ยอีกรอบในเดือนธ.ค.แตะ 1.25%

การเงินธนาคาร

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...