BEM Q2/68 รายได้ 3,997 ล้านบาท กำไร 993 ล้านบาท มั่นใจโตยั่งยืน
BEM แจ้งผลประกอบการไตรมาส 2/2568 รายได้ 3,997 ล้านบาท กำไรสุทธิ 993 ล้านบาท มั่นใจธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน
15 ส.ค. 2568 ดร.สมบัติ กิจจาลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 2/2568 ว่า
ภาพรวมของสภาพเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกยังคงผันผวน ส่งผลให้ปริมาณนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศไทยลดลง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน ประกอบกับรูปแบบการเดินทางและตัวเลือกของเส้นทางเดินทางของผู้ใช้บริการมีมากขึ้น ส่งผลให้รายได้จากการให้บริการในภาพรวมทรงตัว โดยรายได้จากสามธุรกิจหลักในไตรมาสสองนี้ มีจำนวน 3,997 ล้านบาท กำไรสุทธิ 993 ล้านบาทใกล้เคียงกับปีก่อน
รายได้จากธุรกิจระบบราง มีจำนวน 1,623 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนจำนวน 20 ล้านบาท มีปริมาณผู้ใช้บริการเฉลี่ย 385,800 เที่ยวต่อวัน และในวันทำการเฉลี่ยอยู่ที่ 456,400 เที่ยวต่อวัน
ส่วนรายได้จากธุรกิจทางพิเศษ มีจำนวน 2,084 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จำนวน 30 ล้านบาท ในภาพรวมมีปริมาณรถที่ใช้ในทางพิเศษ เฉลี่ยอยู่ที่ 1.08 ล้านเที่ยวต่อวันปรับตัวลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันที่เฉลี่ยอยู่ที่ 1.10 ล้านเที่ยวต่อวัน
ส่วนรายได้จากธุรกิจพัฒนาเชิงพาณิชย์ มีจำนวน 290 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีก่อน ทั้งนี้ BEMได้จ่ายเงินปันผลจากผลประกอบการของปี 2567 แก่ผู้ถือหุ้นไปเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2568 ในอัตราหุ้นละ 0.15 บาท คิดเป็นเงินทั้งสิ้น 2,247 ล้านบาท
“BEMเชื่อมั่นว่าธุรกิจของบริษัทเน้นความยั่งยืนมาก ทั้งการบริหารงานและการเติบโต ทุกครั้งที่ตั้งใจประมูลงานโครงสร้างพื้นฐานจากภาครัฐจนสำเร็จได้มาแล้ว เรามั่นใจมากว่าเราจะทำให้ไปสู่เป้าหมายนั้นได้อย่างแน่นอน ยกตัวอย่างรถไฟฟ้าทั้ง 3 สัญญาสัมปทาน สายสีน้ำเงินที่เป็นเส้นทางวงกลมรอบกรุงเทพฯ เพียงสายเดียวที่ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้าสายอื่น รถเมล์ รถยนต์อย่างไรก็ต้องไปเจอสายสีน้ำเงิน สายนี้กำลังกลายเป็น S-Curve ที่ใหญ่ขึ้น หลังจากถึงจุดคุ้มทุน (Break Even Point) และได้รับการต่อสัญญาสัมปทานขยายเวลาไปถึงปี 2593
ส่วนสายสีม่วงที่ BEMเป็นผู้รับจ้างเดินรถนั้น หากได้เป็นผู้เดินรถต่อเนื่องตลอดทั้งสายก็จะกลายเป็น S-Curve ที่ใหญ่ขึ้นเช่นเดียวกัน ขณะที่สายสีส้มยังต้องใช้เวลาหลังจากเปิดให้บริการอีกประมาณ 5-6 ปี จึงจะถึงจุดคุ้มทุน ทั้งหมดเป็นภาพการเติบโตของธุรกิจที่ยั่งยืน โดยไม่ต้องเอ่ยถึงธุรกิจทางพิเศษเพราะถึงจุดคุ้มทุนไปแล้วและยังเป็นธุรกิจที่ส่งกำลังให้ BEM ในภาพรวม ซึ่งทางพิเศษศรีรัช หรือทางด่วนขั้นที่สองถือเป็น Super Cash Cow ได้เลย” ดร.สมบัติ กล่าวย้ำสร้างความมั่นใจ
สำหรับภาพรวมการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม งานโยธาส่วนตะวันออก ช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ระยะทาง 22.5 กม. เสร็จแล้ว ส่วนตะวันตก ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ระยะทาง 13.4 กิโลเมตร มีความคืบหน้า 10% เป็นไปตามแผนงาน ส่วนขบวนรถอยู่ในขั้นตอนการผลิตซึ่งจะทยอยมาถึงประเทศไทยในปี 2569
BEMจะยังคงมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจ เพื่อส่งมอบการบริการคมนาคมขนส่งที่สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย รับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม สร้างมูลค่าเพิ่มและประโยชน์สูงสุดให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วนอย่างเป็นธรรมและยั่งยืน