โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

TDRI เปิดผลวิเคราะห์แรงงาน STEM สาขาวิศวกรรมขาดตลาด

ไทยพับลิก้า

อัพเดต 5 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 5 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ทีดีอาร์ไอ เปิดผลสำรวจตลาดแรงงานงานด้าน STEM พบสาขาวิศวกรรมยังขาดแคลน แต่สาขาวิทยาศาสตร์ บัณฑิตล้นตลาดเสี่ยงตกงาน ชี้ นายจ้างต้องการแรงงานที่มีประสบการณ์เฉพาะด้าน ทำเด็กจบใหม่เคว้ง แนะ สร้างสมดุล ผลิตคนให้ตอบโจทย์นายจ้าง เปิดทางให้ อัพสกิล-รีสกิล เพิ่มทักษะให้ตรงกับที่ตลาดต้องการ พร้อมกับเสนอทบทวนผลิตกำลังคนด้านSTEM หลังพบจำนวนมากกว่าตำแหน่งที่เปิดรับ

ทีม Big Data สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) เปิดผลวิเคราะห์สถานะความต้องการแรงงาน และทักษะของแรงงานที่นายจ้างต้องการใน “โครงการพัฒนาระบบวิเคราะห์ข้อมูลด้วย Large Language Models (LLMs) เพื่อการใช้ประโยชน์ในการพัฒนากำลังคนสมรรถนะสูงฯ” สนับสนุนโดย บพค. ซึ่งได้เผยแพร่ในทุกไตรมาสมาอย่างต่อเนื่อง

โดยรายงานฉบับล่าสุดนี้เน้นการวิเคราะห์เชิงลึกเกี่ยวกับความต้องการแรงงานในกลุ่มสาขา STEM เปรียบเทียบกับจำนวนผู้จบป.ตรีในปี 2565 เพื่อประเมินความสอดคล้องระหว่างความต้องการแรงงานของนายจ้างกับจำนวนแรงงานที่ต้องการเข้าสู่ตลาดแรงงาน

กางสถิติงาน STEM สาขาวิศวกรรมขาดตลาด แต่วิทยาศาสตร์จำนวนบัณฑิตมากกว่าตำแหน่งงาน

จากการเก็บข้อมูลประกาศรับสมัครงานออนไลน์จาก 23 เว็บไซต์หางานที่ได้รับความนิยมในประเทศไทยเป็นเวลา 1 ปี (ก.ค.67-มิ.ย.68) คณะผู้วิจัยพบว่า มีประกาศรับสมัครงานในกลุ่มสาขาอาชีพ STEM 42,374 ตำแหน่ง จากประกาศรับสมัครงานทั้งหมด 756,300 ตำแหน่ง คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 5.6 ของตำแหน่งงานทั้งหมด โดยในจำนวนนี้เป็นตำแหน่งงานในสาขาวิศวกรรมศาสตร์ 36,392 ตำแหน่ง และในสาขาวิทยาศาสตร์อีก 18,200 ตำแหน่ง

ขณะที่ผู้จบการศึกษาป.ตรีในสาขา STEM ในปี พ.ศ. 2565 มีจำนวน 76,440 คน แบ่งเป็นสาขาวิศวกรรมศาสตร์ 29,314 คน และจากสาขาวิทยาศาสตร์ 47,126 คน ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่าตำแหน่งงาน STEM กว่า 2 ใน 3 ต้องการผู้จบสาขาวิศวกรรมศาสตร์ แต่ปรากฎว่าการผลิตบัณฑิตสาย STEM กว่า 62% เป็นสาขาวิทยาศาสตร์

เด็กจบใหม่-ไร้ประสบการณ์หางานตรงสายเหนื่อย จบหลักพัน เปิดรับหลักร้อย

คณะผู้วิจัย ยังได้จำแนกตำแหน่งงานสาขา STEM ออกเป็น 12 สาขาหลัก (รายละเอียดในตาราง) เพื่อประเมินความสอดคล้องระหว่างความต้องการแรงงานกับจำนวนบัณฑิต โดยพบว่า เกือบทุกสาขาวิชามีการผลิตมากกว่าความต้องการที่จะรับผู้ที่จบการศึกษาใหม่ หรือผู้ที่ยังมีประสบการณ์ไม่มาก เช่น ในสาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ (Computer Science) จำนวนผู้จบใหม่ 8,246 คน ขณะที่ตำแหน่งที่เปิดรับผู้จบใหม่มี3,088 ตำแหน่ง และมีเพียง 376 ตำแหน่งเท่านั้นที่ไม่ต้องการผู้มีประสบการณ์มากก่อน

นอกจากนี้ จากข้อมูลจะเห็นได้ว่า ตำแหน่งงาน STEM ส่วนใหญ่ต้องการผู้ที่มีประสบการณ์ เช่น ตำแหน่งงานสาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ เปิดรับสมัคร 10,486 ตำแหน่ง แต่ในจำนวนนี้มีถึง 7,398 ตำแหน่งที่ต้องการผู้มีประสบการณ์มากกว่า 2 ปี และมีเพียง 376 ตำแหน่งที่เปิดรับผู้ที่ไม่เคยมีประสบการณ์เลย เช่นเดียวกับสาขาวิศวกรรมเครื่องกล (Mechanical Engineering) ซึ่งมีตำแหน่งงานทั้งหมดสูงถึง 9,719 ตำแหน่ง แต่ในจำนวนนี้มีเพียง 2,751 ตำแหน่งที่เปิดรับนักศึกษาจบใหม่ และเพียง 414 ตำแหน่งเท่านั้น ที่ไม่ต้องการประสบการณ์เลย

จากข้อมูลสะท้อนให้เห็นว่าตลาดแรงงานในสาขานี้ต้องการผู้มีประสบการณ์เฉพาะด้าน เช่น ทักษะ Mechanical Engineering, Project Management, Engineering Software, Employee Training, Drafting and Engineering Design เป็นต้น ซึ่งไม่ใช่งานที่ผู้จบใหม่จะสมัครได้ โดยไม่ผ่านการฝึกฝนหรือทำงานภาคสนามมาก่อน ทำให้เกิดปัญหาเข้าสู่ตลาดแรงงาน ขณะที่นายจ้างเองก็พบปัญหาในการค้นหาแรงงานที่คุณสมบัติตรงตามความต้องการ

“วิศวกรรมเมคคาทรอนิกส์” เป็นที่ต้องการสูง แนะเร่งผลิตบัณฑิตตอบโจทย์นายจ้าง

ในทางตรงกันข้ามคณะผู้วิจัยพบว่า สาขาวิศวกรรมเมคคาทรอนิกส์ (Mechatronics Engineering) เป็นสาขาที่ตลาดแรงงานมีความต้องการสูง แต่จำนวนผู้จบการศึกษามีน้อย โดยมีประกาศรับสมัครงาน 2,140 ตำแหน่ง แต่มีผู้จบใหม่เพียง 328 คนเท่านั้น จึงควรมีการเพิ่มการผลิตกำลังคนในสาขานี้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม ตำแหน่งงานที่ประกาศรับสมัครอาจจะมากกว่าความต้องการจริงอยู่บ้าง เนื่องจากการประกาศรับสมัครงานมักระบุสาขาการศึกษามากกว่า 1 สาขาสำหรับตำแหน่งงานหนึ่ง ซึ่งทำให้เกิดการนับซ้ำขึ้นได้

“สรุปได้ว่าภาพรวมตลาดแรงงานไทยต้องการแรงงาน STEM สาขาวิศวกรรมศาสตร์เป็นส่วนใหญ่ คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 2 ใน 3 ของความต้องการแรงงาน STEM ทั้งหมด แต่กว่า 62% ของผู้สำเร็จการศึกษาสาย STEM เป็นสาขาวิทยาศาสตร์ และถ้าพิจารณาในเชิงปริมาณ ประเทศไทยมีการผลิตแรงงานสาขา STEM มากเพียงพอในเกือบทุกสาขาการศึกษา แต่ยังมีช่องว่างระหว่างความพร้อมของบัณฑิตกับคุณลักษณะแรงงานที่นายจ้างต้องการ โดยเฉพาะด้านประสบการณ์ทำงาน และความเชี่ยวชาญ ซึ่งส่งผลกระทบงต่อโอกาสของผู้จบใหม่” ทีมวิจัยระบุ

หนุน เปิดช่อง อัพสกิล-รีสกิล เพื่อเปลี่ยนสายสมัครงานที่ตลาดต้องการ แนะทบทวนกำลังคนด้าน STEM ผลิคนมากกว่าที่เปิดรับ ชี้ ปัญหาไม่ใช่ปริมาณอยู่ที่คุณภาพ

คณะผู้วิจัย ได้มีข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อสร้างสมดุลระหว่างการผลิตกำลังคนกับความต้องการของตลาดแรงงาน รวมทั้งยกระดับขีดความสามารถของแรงงานไทยในระยะยาว ดังนี้

1. ภาครัฐและสถาบันการศึกษาอาจพิจารณาขยายช่องทางการเข้าสู่อาชีพวิศวกรให้แก่ผู้จบสาขาวิทยาศาสตร์ ซึ่งมีจำนวนมากเกินความต้องการของตลาดแรงงานในบางสาขา โดยส่งเสริมการจัดทำหลักสูตรเสริมทักษะ (upskill/reskill) ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการเปลี่ยนสายอาชีพอย่างตรงจุด ตัวอย่างเช่น ผู้ที่จบจากสาขาเคมีและเคมีประยุกต์ที่ต้องการเปลี่ยนสายไปยังวิศวกรรมเคมี ควรมีการเรียนวิชาเทคนิคพื้นฐานด้านวิศวกรรมเพิ่มเติม เช่น Process Engineering, Process Improvement and Optimization หรือ Manufacturing Process ซึ่งเป็นหลักสูตรระยะสั้นแต่เข้มข้น และสามารถนำไปใช้สมัครงานในสายวิศวกรรมได้จริง

ขณะเดียวกันควรมีการศึกษาเชิงลึกผ่านการสัมภาษณ์นายจ้างในภาคอุตสาหกรรม เพื่อค้นหา “ทักษะเฉพาะ” ที่จำเป็นต่อการรับผู้สมัครที่มีพื้นฐานจากสายวิทยาศาสตร์แต่ต้องการเปลี่ยนสายงาน โดยเฉพาะในตำแหน่งที่ประสบปัญหาขาดแคลนแรงงาน เช่น สาขาวิทยาศาสตร์การอาหาร ซึ่งการเปลี่ยนสายจากสาขาเคมีและเคมีประยุกต์ มาสู่วิทยาศาสตร์การอาหาร จะมีประสิทธิภาพมากขึ้น หากสามารถระบุทักษะเป้าหมายที่ชัดเจน เช่น ความรู้ด้าน Food Science and Processing หรือ Food and Beverage เป็นต้น ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะช่วยในการออกแบบหลักสูตรเสริมทักษะที่ตรงความต้องการของอุตสาหกรรม และช่วยให้แรงงานสามารถเปลี่ยนสายงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2. ภาครัฐควรทบทวนนโยบายการผลิตกำลังคน ซึ่งจากข้อมูลที่ปรากฏ พบว่าในขณะนี้ การผลิตกำลังคนด้าน STEM อาจไม่ได้ขาดแคลนมากอย่างที่มักเข้าใจกัน โดยในเกือบทุกสาขา มีการผลิตบัณฑิตจบใหม่มากกว่าตำแหน่งงานเปิดใหม่สำหรับบัณฑิตเหล่านี้ในแต่ละปี ดังนั้น ปัญหาความขาดแคลนบุคลากรด้าน STEM น่าจะมาจากคุณภาพของบัณฑิตจบใหม่มากกว่า ภาครัฐจึงควรเข้ามามีบทบาทกำกับดูแลด้านคุณภาพการจัดการศึกษามากขึ้น ทั้งในแง่การจัดการเรียนการสอน การออกแบบหลักสูตร การเน้นการฝึกงานในภาคปฏิบัติเพิ่มขึ้นและการให้การสนับสนุนทางการเงิน ทั้งการสนับสนุนทางตรง เช่นการจัดสรรงบประมาณ และทางอ้อม เช่นการให้การสนับสนุนผ่านกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา เป็นต้น และ

3.การเพิ่มกำลังคนสาย STEM จะไม่สามารถทำผ่านนโยบายการผลิตกำลังคนฝั่งเดียวได้ (supply side) เนื่องจากเมื่อมีการผลิตออกมาแล้ว พบว่าไม่มีตำแหน่งงานรองรับมากพอ จึงจำเป็นจะต้องมีมาตรการทางนโยบายอุตสาหกรรม (industrial policy) ไปพร้อมกันด้วย เพื่อสร้างสมดุล ผลิตกำลังคนให้ตรงความต้องการกับตลาดแรงงาน

ทีมวิจัย “โครงการวิเคราะห์การประกาศหางานออนไลน์” ณัฐสิฏ รักษ์เกียรติวงศ์, วินิทร เธียรวณิชพันธุ์, นรินทร์ ธนนิธาพร, เพ็ญพิชา ผาณิตพิเชฐวงศ์ และวิไลลักษณ์ มีสวัสดิ์ นักวิจัยด้าน Big Data ทีดีอาร์ไอ

อ่านเพิ่มเติม เนื้อหาบทวิเคราะห์ฉบับเต็ม และภาพรวมประกาศรับสมัครงานในไตรมาสที่ 2 /2568 https://tdri.or.th/2025/08/bigdata-report-labourmarket-q2-2025/

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ไทยพับลิก้า

กทม. ปรับปรุงทางเท้าทั่วกรุงฯ ‘เดินได้ เดินดี น่าเดิน’ ทะลุเป้ากว่า 1,100 กม.

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

KBank Private Banking แนะ 3 สินทรัพย์เด่น พลิกพอร์ตลงทุนในช่วงหลังปี 2568

19 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความทั่วไปอื่น ๆ

วิดีโอ

กรมศุลกากรเปิด “ปฏิบัติการล่าขบวนการลักลอบค้าโคเคน ชาวเวียดนาม”

สวพ.FM91

"บิ๊กเล็ก" กำชับ ทภ.1 ขอความร่วมมือมวลชนงดไปบ้านหนองจาน เพื่อความปลอดภัย รอ GBC แก้ปัญหา

Manager Online

ขู่แก๊งอลงกตนำทรัพย์สินคืน

ไทยโพสต์

“แพทองธาร”รอด หรือร่วง? หนีไม่พ้นสถานการณ์นรก!

ไทยโพสต์

กังวลศึกชายแดน ดัชนีเชื่อมั่นลดลง ฟุ้งเก็บภาษีคริปโต

ไทยโพสต์

ร้องเรียนอื้อเลื่อนถกโผตร. ‘บิ๊กเต่า’เดินหน้าพึ่งกมธ.

ไทยโพสต์

วิกฤตศรัทธา .. ปัญหาที่ท้าทายคณะสงฆ์ปัจจุบัน!!

ไทยโพสต์

บีบเขมรเก็บระเบิด เริ่มสร้างรั้ว10กม.

ไทยโพสต์

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...
Loading...
Loading...
รีโพสต์ (0)
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...