“สนธิ” ขึ้นเวที “รวมพลังแผ่นดินฯ” ลั่น ไม่ได้ยุให้มีรัฐประหาร แต่ถ้าทหารจะทํา ก็ไม่ขัด
“สนธิ” ขึ้นเวที “รวมพลังแผ่นดินฯ” เปิดคำปราศรัยเข้ม! วิจารณ์ระบบการเมือง–ทวงคืนเขาพระวิหาร ลั่น ไม่ได้ยุให้มีรัฐประหาร แต่ถ้าทหารจะทํา ก็ไม่ขัด
วันที่ 28 มิ.ย. 68 ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ นายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นปราศรัยต่อสาธารณะ โดยเริ่มต้นด้วยการเปิดคลิปคำกล่าวของ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ อดีตนายกรัฐมนตรี เมื่อปี 2505 ภายหลังเหตุการณ์ไทยสูญเสีย “เขาพระวิหาร” ให้แก่กัมพูชา
ในคลิปดังกล่าว จอมพลสฤษดิ์ได้กล่าวว่า
“ น้ำตาของข้าพเจ้าเป็นน้ำตาของลูกผู้ชาย ขอเลือดของความคั่งแค้นและความผูกใจเจ็บไปชั่วชีวิต ทั้งชาตินี้และชาติหน้า พี่น้องชาวไทยที่รัก ในวันหนึ่งข้างหน้าเราจะต้องเอาประสาทพระวิหารกลับคืนมาให้ชาติไทยให้จงได้ ”
ภายหลังคลิปเสียงจบลง นายสนธิ เริ่มต้นปราศรัย โดยกล่าวถึงประเด็นอธิปไตยเหนือดินแดนว่า หากตนมีอำนาจทางการเมือง พระตะบอง เสียมราฐ และศรีโสภณจะต้องกลับคืนมา พร้อมขู่ว่าจะส่งกองทัพเรือไปยึดเกาะกูด และพนมเปญ หากรัฐบาลยังไม่ดำเนินการใดๆ พร้อมวิพากษ์ตระกูลชินวัตรว่าเป็นผู้บริหารประเทศที่ทำให้สถานการณ์ดำเนินมาถึงจุดนี้
ในช่วงหนึ่งของการปราศรัย นายสนธิ ยังกล่าวถึงพิธีกรรมที่เชื่อว่าเกี่ยวข้องกับ “คุณไสย” ซึ่งเขาอ้างว่ามีการใช้รูปของตนในพิธีที่เกี่ยวข้องกับแม่ทัพภาคที่ 2 พร้อมกล่าวประชดว่า ขอไหว้ 16 ชั้นฟ้า 15 ชั้นดิน ขอเถอะ ขออย่าให้องค์ลงวันนี้
ต่อมา นายสนธิ กล่าวว่า ขณะนี้อายุ 78 ปีแล้ว และหากการเคลื่อนไหวครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งสุดท้าย ก็คงไม่มีเหตุผลใดจะอยู่ต่อ พร้อมเปิดเผยว่าเคยรับรู้แนวทางการบริหารประเทศตั้งแต่สมัยพิธีที่วัดพระแก้ว โดยเชื่อว่า นายวิษณุ เครืองาม เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง และตั้งคำถามต่อความสัมพันธ์ไทย–กัมพูชา โดยเฉพาะกรณีสมเด็จฮุน เซน ที่เขาอ้างว่ามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร
หากย้อนรำลึกถึงเหตุการณ์ปี 2518 ที่ไทยให้ที่พักพิงแก่ชาวกัมพูชาหนีภัยสงคราม พร้อมตั้งคำถามว่าไทยได้รับสิ่งใดตอบแทนจากน้ำใจดังกล่าวหรือไม่ ก่อนจะวิจารณ์แรงว่า ตั้งแต่เราคบเขมรมามีอะไรดีๆ บ้าง มีแต่กะล่อนใส่เรา โกงเรา ตนไม่เข้าใจ คนไทยใจเขมรเต็มไปหมด
นายสนธิ ยังระบุด้วยว่า มีข้อตกลงลับที่ภาคเอกชนเสนอให้แบ่งผลประโยชน์ในพื้นที่พลังงานร่วมกันกับกัมพูชาแบบ 50:50 โดยไม่มีการระบุว่าใครเป็นเจ้าของพื้นที่ พร้อมระบุว่ามีเงินมัดจำล่วงหน้าแล้วถึง 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 3,000 ล้านบาท ในการกล่าวถึงสถานการณ์การเมืองภายในประเทศ นายสนธิพาดพิง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ว่าเป็นตัวแทนทางการเมืองที่เปราะบาง พร้อมชี้ว่าระบบการเมืองไทยในปัจจุบันมีปัญหาเชิงโครงสร้าง ที่ทำให้ไม่ว่าใครจะขึ้นมาก็จะถูกดูดกลืนโดยระบบเดิมที่ล้มเหลว
นายสนธิ กล่าวเพิ่มเติมถึงปัญหาเศรษฐกิจ โดยเฉพาะหนี้สินครัวเรือนที่กำลังพุ่งสูง โดยระบุว่า คนไทยจำนวนมากกำลังถูกฟ้องล้มละลาย จากระบบธนาคารที่คิดดอกเบี้ยเกินควร และนักการเมืองบางกลุ่มเข้าไปซื้อหนี้เสียในราคาต่ำแล้วนำกลับมากดดันประชาชน สะท้อนถึงระบบที่เอื้อประโยชน์ให้เฉพาะผู้มีอำนาจ
ในประเด็นการเมืองและความเคลื่อนไหวของกองทัพ นายสนธิ ย้ำว่า ไม่ได้เรียกร้องให้มีรัฐประหาร แต่หากเกิดขึ้นจริง ก็ขออย่าให้ “พลเอกหน้าเดิมๆ” กลับมาอีก โดยเสนอให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการจัดการประเทศ
ส่วนเรื่องแผนที่ในกรณีเขาพระวิหาร โดยตั้งคำถามว่าเหตุใดประเทศไทยจึงยอมรับการใช้แผนที่มาตราส่วน 1:200,000 แทนที่จะใช้ 1:50,000 ซึ่งเป็นมาตรฐานของกองทัพ พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า MOU ที่ลงนามเมื่อปี 2543–2544 อาจเป็นเอกสารที่ทำให้ไทยเสียดินแดน
สุดท้าย นายสนธิ ระบุว่า การชุมนุมในวันนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้น พร้อมโต้ตัวเลขที่ทางการระบุว่ามีผู้เข้าร่วมประมาณ 30,000 คน โดยเชื่อว่าจำนวนจริงน่าจะมากถึง 60,000–70,000 คน และย้ำว่า หากสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น เขาและประชาชนอาจกลับมาชุมนุมอีกครั้ง