พายุไต้ฝุ่นวิภาถล่มฮ่องกงก่อนอ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อน
พายุไต้ฝุ่น “วิภา” ได้นำฝนกระหน่ำอย่างหนักเข้าเกาะฮ่องกงในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ขณะเคลื่อนตัวลงทางใต้ ก่อนจะขึ้นฝั่งบริเวณเมืองไท้ซาน มณฑลกวางตุ้งของจีน ส่งผลให้เกิดต้นไม้หักโค่น นั่งร้านถล่ม และมีประชาชนกว่า 200 คน ต้องเข้าพักพิงในศูนย์พักชั่วคราว
สำนักงานอุตุนิยมวิทยาฮ่องกงได้ลดสัญญาณเตือนพายุจากระดับสูงสุดหมายเลข 10 ลงเหลือสัญญาณหมายเลข 8 เมื่อเวลาประมาณ 16.00 น. ก่อนที่จะปรับลดลงอีกครั้งเป็นหมายเลข 3 เวลา 19.45 น.
นายเคนนี หยวน สมาชิกสภาเขตฮ่องกง เปิดเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า ความเสียหายจากพายุในครั้งนี้เมื่อเทียบกับพายุไต้ฝุ่นมังคุดและฮาโตในอดีต ถือว่ามีผลกระทบน้อยกว่า โดยส่วนใหญ่เป็นต้นไม้ล้มและนั่งร้านที่พังถล่มลงมา โดยเขายืนแถลงต่อหน้าซากนั่งร้านไม้ไผ่จากอาคารพักอาศัยที่อยู่ระหว่างการปรับปรุงในย่านนอร์ทพอยต์ ซึ่งถล่มลงมาสู่พื้นถนน
ในช่วงที่พายุเคลื่อนผ่านฮ่องกง ปริมาณฝนสะสมมากกว่า 110 มิลลิเมตรภายใน 3 ชั่วโมง ขณะที่ความเร็วลมกระโชกสูงสุดบางจุดเกิน 167 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากฝนมากที่สุดอยู่ทางตอนเหนือของเกาะ ซึ่งใกล้กับชายแดนจีนแผ่นดินใหญ่
รัฐบาลฮ่องกงรายงานว่ามีผู้บาดเจ็บ 26 รายที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลรัฐ ขณะที่มีประชาชน 253 คนเข้าพักพิงในศูนย์พักชั่วคราว และมีรายงานต้นไม้ล้มถึง 471 ต้น
ด้านสำนักข่าว CCTV ของจีนรายงานว่า พายุวิภาขึ้นฝั่งที่เมืองไท้ซาน มณฑลกวางตุ้ง เวลาประมาณ 17.50 น. และได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อนรุนแรงในเวลาต่อมา
ในเขตปกครองพิเศษมาเก๊า ซึ่งเป็นศูนย์กลางการพนันที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทางการได้ลดระดับสัญญาณเตือนพายุจากหมายเลข 10 เหลือหมายเลข 8 พร้อมทั้งแจ้งเตือนถึงความเสี่ยงของน้ำท่วมในเขตท่าเรือชั้นใน และขอให้ประชาชนระมัดระวังเป็นพิเศษ ตามรายงานของสถานีโทรทัศน์ TDM
สนามบินนานาชาติฮ่องกงเปิดเผยว่า มีผู้โดยสารกว่า 80,000 คนได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงกำหนดเวลาเที่ยวบิน 400 เที่ยวบิน โดยสายการบิน Cathay Pacific Airways ได้ยกเลิกเที่ยวบินทั้งหมดระหว่างเวลา 05.00–18.00 น. พร้อมยกเว้นค่าธรรมเนียมในการเปลี่ยนตั๋วและจัดการจองใหม่ให้แก่ผู้โดยสาร ขณะเดียวกันบริการขนส่งสาธารณะส่วนใหญ่ รวมถึงเรือข้ามฟาก ก็ถูกระงับชั่วคราวเนื่องจากคลื่นลมแรงในทะเล
ขณะเดียวกัน หน่วยกู้ภัยของเวียดนามยังคงเร่งค้นหาผู้สูญหายอีก 4 รายเมื่อวันอาทิตย์ หลังเกิดเหตุเรือนำเที่ยวล่มในอ่าวฮาลองซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 35 ราย เหตุเกิดจากพายุฝนฟ้าคะนองรุนแรงก่อนที่พายุไต้ฝุ่นวิภาจะเคลื่อนตัวขึ้นฝั่งเวียดนามตอนเหนือ
หน่วยกู้ภัยซึ่งประกอบด้วยตำรวจ ทหารเรือ หน่วยดำน้ำ และเจ้าหน้าที่ชายแดน ยังคงทำงานท่ามกลางสภาพอากาศที่ทัศนวิสัยจำกัด และทะเลที่ยังสงบผิดปกติ ขณะที่ทางการระบุว่าพายุวิภากำลังมุ่งหน้าสู่ฮ่องกง
รัฐบาลเวียดนามยืนยันว่ามีผู้โดยสารบนเรือทั้งหมด 49 ราย โดยทั้งหมดเป็นนักท่องเที่ยวชาวเวียดนาม รวมถึงเด็กหลายคน เหตุการณ์นี้ถือเป็นหนึ่งในอุบัติเหตุทางทะเลที่รุนแรงที่สุดในช่วงหลายปีที่ผ่านมาในพื้นที่อุทยานมรดกโลกของยูเนสโก
อุบัติเหตุเกิดขึ้นเมื่อเวลา 14.00 น. ของวันเสาร์ โดยเกิดจากพายุฝนฟ้าคะนองที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ท้องฟ้ามืดครึ้มภายในเวลาไม่กี่นาที และมีรายงานต้นไม้ล้มในกรุงฮานอย ขณะที่สนามบินนานาชาติโหน่ยบ่ายของฮานอยต้องเปลี่ยนเส้นทางเที่ยวบิน 9 เที่ยว และหยุดการเดินทางออกจากสนามบิน 3 เที่ยวบินชั่วคราว
รัฐบาลระบุว่า สาเหตุของเหตุการณ์ครั้งนี้มาจาก “พายุที่เกิดขึ้นกะทันหัน” โดยมีลมแรง ฝนตกหนัก และฟ้าผ่ารุนแรงในช่วงเวลาที่เกิดเหตุ