ถูกบิดเบือน เปื้อนพิษ ตกใต้อำนาจสีหม่น ‘เมดูซ่า’ หญิงต้องสาปให้เก็บกลืนน้ำตา
เส้นผมเคยเงางามเมื่อต้องแสง หาใช่งูเลื้อยที่ใครหวาดกลัว
ภายใต้ความเงียบงัน เพรียกร้องโหยหาความอบอุ่น
เฝ้าปรารถนาถึงใครสักคนที่มองเห็นฉันที่เป็นฉัน
ใฝ่ฝันหาถึงใครสักคนที่จะรักฉันที่เป็นฉัน
หาใช่รูปลักษณ์ภายนอกที่ถูกวาดขึ้น
กลางแสงอาทิตย์แห่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เงียบสงบราวบทกวีไร้เสียง ทว่าอื้ออึงด้วยสงครามไขว่คว้าอำนาจ และพยายามประคองความยุติธรรมด้วยตราชั่งโอนเอียง ‘เอเธนส์’ มหานครเยือกเย็น
หญิงสาวผู้มีดวงตาใสประกายเฉกเช่นดาวเหนือประทับอยู่ เส้นผมสยายสีไหมทองพลิ้วในสายลม คราวที่รอยยิ้มเผยออกดั่งดอกไม้แรกแย้มในฤดูใบไม้ผลิ ‘เมดูซ่า’ นักบวชหญิงในวิหารศักดิ์สิทธิ์ที่ใครต่อใครต่างเหลียวมอง เธอสาบานตนว่าจะรักษาความบริสุทธิ์ของตัวเองไว้ให้เหมือนกล่องปิดผนึกที่ไม่มีวันเปิดออก และจะภักดีต่อ ‘เทพีอะธีนา’ ผู้สวมมงกุฎปกครองเมืองเอเธนส์
กลางวิหารศักดิ์สิทธิ์ เธอกุมมือคุกเข่าอยู่บนพื้นหินเย็นเยียบ หลับตาอธิษฐานเบาให้ตัวเองเห็นแสงสว่างเสมอ แม้ในโลกที่มีแต่ความมืดบอด คำสวดดำเนินไปอย่างเงียบเชียบไม่ต่างจากความสงบในใจของเมดูซ่า ต่อให้ภายนอกจะส่งเสียงดังระงม
นั่นเป็นห้วงเวลาสุดท้าย ก่อนที่ความมืดจะเข้าปกคลุมเธอ จนไม่อาจรู้ว่าจะมีวันไหนที่แสงตกต้องถึงตัวได้อีก
ดวงตาคู่หนึ่งจ้องอยู่ไม่ห่างด้วยความปรารถนาอันแรงกล้า หาใช่ความรักล้นพ้น ในชั่ววินาทีที่เมดูซ่าสบเข้ากับเงาของผู้มาเยือน เธอสัมผัสได้ว่านี่ไม่ใช่เทพี ไม่ใช่ผู้ศรัทธา และไม่ใช่ผู้ที่มาเพื่ออธิษฐาน กลิ่นเกลือ กลิ่นความเปียกชื้นกระแทกจมูก ‘โพไซดอน’ เทพเจ้าแห่งท้องทะเลปรากฏตัวขึ้น เหมือนคลื่นใต้น้ำที่พร้อมจะกลืนทุกสิ่งโดยไม่ส่งเสียงใด
เมดูซ่าถอยหลังช้าๆ ทั้งมือสั่น เธอกุมมือร้องขอ “ที่นี่คือวิหารอันศักดิ์สิทธิ์” แต่เสียงของเธอกลับดังไม่พอที่จะกลบความคิดในหัวของเทพเจ้าแห่งคลื่นทะเล เขารุกเข้าสั่นคลอนวิญญาณเมดูซ่า พรากความศรัทธา และพรหมจรรย์ของเธอไป
ในค่ำคืนนั้น ร่างกายเธอย่อยยับไม่ต่างจากหัวใจที่ถูกพังทลายลง
ใต้แท่นบูชาหิน ร่างเล็กนั่งนิ่งงัน แม้ยังสวมผ้าคลุมของนักบวช แต่ผมเผ้าของเธอยุ่งเหยิง ใบหน้าเปื้อนน้ำตาเธอคิดเพียงว่าหากเรื่องแพร่กระจายออกไป ความซื่อสัตย์จะทำให้เธอรอด เพราะเธอคือผู้บริสุทธิ์ และแล้วเสียงฝีเท้าหนึ่งก็ค่อยๆ ย่างเข้ามาใกล้ทีละนิด ทีละนิด
ดวงตาของผู้มาเยือนเปลี่ยนไป มันแน่นิ่งแต่กลับดูลุกโชนอย่างน่าหวาดกลัว
“เจ้าทำให้วิหารของข้าด่างพร้อย” อะธีนาเอ่ยปากเยือกเย็น
เมดูซ่าพูดแผ่วเบา “ข้าไม่ได้เป็นผู้เลือกให้มันเกิดขึ้น”
ทว่ามือที่เคยชูโล่เพื่อความยุติธรรมกลับชี้ใส่เมดูซ่าอย่างอยุติธรรม “เจ้าจะเป็นเครื่องเตือนใจแด่หญิงทุกผู้ที่ยอมให้ร่างกายตนกลายเป็นรอยด่าง ยิ่งกระทำการลบหลู่ในวิหารศักดิ์สิทธิ์ของข้า”
แสงสีทองสาดเปรี้ยงจากฟ้าทะลุเพดานวิหาร ห่อหุ้มร่างเมดูซ่าอย่างพร่ามัว ผมที่เคยเปรียบเป็นเส้นไหมสลวยเริ่มขยับราวกับมีชีวิต มันดิ้นและเลื้อยไปทั่วทุกรากโคน กลายเป็นเสียงงูร้องครางด้วยความเศร้าโศก ผิวหนังซีดเผือดเย็นเฉียบกลายเป็นเกล็ดแข็ง เมดูซ่ากัดฟันแทนความเจ็บปวด เธอไม่มีแม้แต่น้ำตา หรือคำคร่ำครวญออกมา นัยน์ตาที่เคยเปล่งประกายแปรเปลี่ยนกลายเป็นอาวุธ
“ไม่ว่าใครที่ได้สบตาเจ้า มันผู้นั้นจะต้องกลายเป็นหินนิรันดร์” สิ้นเสียงของอะธีนา แสงสีทองก็สาดเปรี้ยงลงมาอีกครั้ง ดวงตะวันโผล่พ้นขอบฟ้าให้เห็นเช้าวันใหม่ที่หมองหม่น ข่าวลือว่าเมดูซ่าต้องสาปแพร่สะพัดไปทั่วเมืองเอเธนส์ ไม่ใช่แค่ความน่าเกลียดน่ากลัวของรูปลักษณ์ แต่เธอถูกป้ายความผิด และตราหน้าว่าเป็นผู้ชั่วร้าย
เมดูซ่าไม่อาจอยู่ที่นี่ได้อีกต่อไป เธอต้องหลบซ่อน เนรเทศตัวเองออกไปให้ไกลที่สุด หรือจนกว่าจะไม่มีมนุษย์คนไหนหาเธอพบ
หลังคำสาปสุดท้ายฟาดลง หัวใจของเมดูซ่าถูกพันธนาการไว้ไม่ต่างจากงูคดเคี้ยวบนหัว เธอกลายเป็นเพียงเงาที่โดดเดี่ยว ทุกค่ำคืนที่โลกเงียบลงอย่างไร้แสงดาว สายลมพัดผ่านเส้นผม เสียงกระซิบของอดีต ความเจ็บปวดที่ไม่มีใครได้ยินยังคงล่องลอย เช่นเดียวกับคำสารภาพของเทพีสูงสุดแห่งเอเธนส์
“ข้ารู้ว่าเจ้าถูกล่วงละเมิด ข้าเห็นรอยคลื่นของเขาบนผิวเจ้า ทว่าในวิหารศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้มีบางอย่างสำคัญกว่าเจ้า สำคัญกว่าความยุติธรรม น้ำตา และเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย”
“โลกจะยอมให้ข้าปกครอง ตราบใดที่เทพชายยังครองอยู่ ดังเทพแห่งท้องทะเลที่ใช้คลื่นของเขากลบได้แม้กระทั่งความจริง ข้าเองก็ถูกสาป ไม่อาจเลือกระหว่างผิด หรือถูกได้ ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ผดุงความยุติธรรมเสียเปล่า แต่กลับเลือกจะเห็นแก่ตัว”
“เพราะหากข้าไม่สาปเจ้า ข้าต้องรับสิ่งที่โลกจะทำกับข้าเอง และนั่นคือความพ่ายแพ้อย่างแท้จริง ความพ่ายแพ้ที่ไม่มีใครเห็น และไม่กล้าเล่าขานในตำนาน”
ความจริงถูกซ่อนไว้เป็นความลับ เพื่อให้โลกของเหล่าเทพเจ้าดำเนินต่อไปได้อย่างหอมหวาน ไม่เคยมีแม้แต่เสียงเพรียกถามถึงผู้ที่ถูกตราหน้าและกดขี่เลยสักครั้งว่าเธอเจ็บมากหรือเปล่า ทั้งผู้ถือไพ่สูงสุดอย่างชายนามโพไซดอนก็ยังคงลอยนวลต่อไป ท่ามกลางความยุติธรรมสีเทา