โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

สังคม

เปิดสมรรถนะ 'Saab JAS 39 Gripen' เครื่องบินขับไล่อัจฉริยะที่ใช้ AI

ฐานเศรษฐกิจ

อัพเดต 21 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 15 ชั่วโมงที่ผ่านมา

มติคณะรัฐมนตรี วันที่ 5 สิงหาคม 2568 อนุมัติการจัดซื้อ "เครื่องบินขับไล่ Saab JAS 39 Gripen E/F" จำนวน 4 ลำ โดยใช้งบประมาณกว่า 1.95 หมื่นล้านบาท ซึ่งการลงนามในสัญญาจะจัดขึ้นที่ประเทศสวีเดนในวันที่ 25 สิงหาคมนี้

เครื่องบินเหล่านี้มีกำหนดเข้าประจำการที่ฝูงบินสตาร์ กองบิน 1 จังหวัดนครราชสีมา ประมาณปี พ.ศ. 2572 เพื่อทดแทนเครื่องบิน F-16 ที่จะทยอยปลดประจำการในช่วงปี พ.ศ. 2571-2578

การเลือก Gripen E/F ครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากกองทัพอากาศไทยได้ประกาศเลือกเครื่องบินรุ่นนี้เพื่อทดแทน F-16A/B ที่กำลังปลดประจำการไปแล้วเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2567

สมรรถนะการรบอันชาญฉลาด

ฐานเศรษฐกิจ รวบรวมข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับGripen E/F ได้รับการออกแบบมาเพื่อ ครองความเป็นเจ้าแห่งน่านฟ้า และปฏิบัติภารกิจภายใต้ภัยคุกคามที่ซับซ้อนในสถานการณ์ที่หลากหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามาขับเคลื่อนการรบทางอากาศ ภายใต้แนวคิด "Smart Fighter" ของ Gripen เน้นย้ำว่า ความสามารถในการปรับตัวนั้นสำคัญกว่าความสามารถในการคาดการณ์ และ ซอฟต์แวร์นั้นเหนือกว่าฮาร์ดแวร์

Gripen ถูกออกแบบให้เป็นเครื่องบินรบ "JAS" ซึ่งย่อมาจาก Jakt (อากาศสู่พื้น) Attack (อากาศสู่พื้น) และ Spaning (ลาดตระเวน)

ทำให้สามารถ เปลี่ยนบทบาทได้ทันทีเพียงกดปุ่มเดียว โดยระบบจะปรับอินเทอร์เฟซให้เหมาะสมกับสถานการณ์และภัยคุกคามใหม่ๆ

ความเร็วและพิสัยทำการ

  • มี ความเร็วสูงสุด Mach 2 (2,100 กม./ชม.) ที่ระดับความสูง 15,240 เมตร
  • รุ่น E/F มีความสามารถ Supercruise ซึ่งหมายถึงการคงความเร็วเหนือเสียง (Mach 1.25) โดยไม่ต้องใช้สันดาปท้าย ทำให้ประหยัดเชื้อเพลิงและลดร่องรอยความร้อน
  • พิสัยทำการรบ ของ Gripen E/F อยู่ที่ 1,500 กม. ในภารกิจอากาศสู่พื้น หรือ 1,300 กม. พร้อมขีปนาวุธ 6 ลูก และถังเชื้อเพลิงภายนอก โดยสามารถคงปฏิบัติการได้ 0.5 ชั่วโมง

สำหรับความคล่องตัว ด้วยปีกแบบ Delta และ Canard ช่วยให้มี เสถียรภาพและความคล่องตัวที่ยอดเยี่ยม โดยเฉพาะในการต่อสู้ระยะประชิดและการเข้าโค้งด้วยแรง G สูง สามารถทำมุมปะทะ (angle of attack) ได้สูงถึง 70-80 องศา และทนแรงได้ถึง +9/-3g

ปฏิบัติการรุกทางอากาศ (Offensive Counterair - OCA) นั้น Gripen E สามารถทำภารกิจทำลาย, ก่อกวน หรือจำกัดการปฏิบัติการทางอากาศของศัตรู

ซึ่งการทดสอบประสิทธิภาพในการฝึก Red Flag – Alaska ปี 2006 Gripen ได้บินในภารกิจจำลองการรบกับ F-16 Block 50, Eurofighter Typhoon และ F-15C โดยทำสถิติการยิงตกได้ 10 ครั้ง รวมถึง Eurofighter Typhoon และ F-16 จำนวน 5 ลำ โดยไม่มีการสูญเสีย

คุณสมบัติพิเศษและเทคโนโลยีขั้นสูง

Gripen E/F ผสานรวมเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยเพื่อมอบความได้เปรียบในการรบ อาทิ สถาปัตยกรรมอิเล็กทรอนิกส์การบิน (Avionics Architecture) โดยมีสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ที่ช่วยให้ อัปเกรดระบบอิเล็กทรอนิกส์การบินได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่กระทบโครงสร้างเครื่องบิน ทำให้สามารถใช้งานคอมพิวเตอร์ที่ใหม่และเร็วที่สุด, อัลกอริทึมล่าสุด, เซ็นเซอร์ที่ทันสมัยที่สุด และอาวุธที่ก้าวหน้าที่สุดได้เสมอ

ระบบสงครามอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Warfare - EW) ที่ล้ำหน้า ทำหน้าที่คล้าย "เกราะอิเล็กทรอนิกส์" ที่สามารถ ก่อกวนความสามารถในการปฏิบัติงานของศัตรู ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งสามารถก่อกวนเรดาร์ศัตรู, ปล่อยเป้าลวง (countermeasures) และตรวจจับภัยคุกคามที่เข้ามาโดยอัตโนมัติ ได้รับการออกแบบมาเพื่อไม่เพียงแค่เอาตัวรอด แต่ยัง เอาชนะศัตรูด้วยความชาญฉลาด

ระบบเรดาร์ (Radar System) "Raven ES-05 AESA radar" ในรุ่น E/F เป็นเรดาร์แบบ Active Electronically Scanned Array (AESA) ที่ให้การตรวจจับระยะไกลด้วยความแม่นยำสูง สามารถสแกนพื้นที่ได้กว้างขึ้นมากและมีพิสัยการตรวจจับที่ดีขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถต้านทานการก่อกวน (jamming) ได้ดีกว่าเรดาร์แบบกลไก

เมื่อเทียบกับรุ่น C/D ที่ไทยใช้งานอยู่ปัจจุบันใช้ PS-05/A pulse-Doppler X band multi-mode radar ซึ่งสามารถตรวจจับและระบุเป้าหมายได้ไกลถึง 120 กม. และนำขีปนาวุธได้หลายลูกพร้อมกัน

ระบบค้นหาและติดตามด้วยอินฟราเรด (IRST) รุ่น E/F ได้รวมเซ็นเซอร์ Skyward-G IRST ซึ่งสามารถตรวจจับการแผ่รังสีความร้อนจากเป้าหมายทั้งทางอากาศและภาคพื้นดินแบบ Passive ทำให้สามารถ ตรวจจับเครื่องบินล่องหน (stealth aircraft) ที่อาจไม่ถูกตรวจจับด้วยเรดาร์ ได้ ซึ่งถือเป็น "ตัวเปลี่ยนเกม" ในการรบทางอากาศสมัยใหม่

ห้องนักบินและอินเทอร์เฟซ

ระบบแสดงผล EP-17 ให้ข้อมูลแก่ผู้บินอย่างครบถ้วนและช่วยลดภาระงานของนักบิน มีการรวมข้อมูลเซ็นเซอร์ (sensor fusion) จากระบบต่างๆ และฐานข้อมูล นำเสนอผ่านจอแสดงผล Head-Up Display, จอ Multi-Function Display ขนาดใหญ่สามจอ และระบบแสดงผลบนหมวกนักบิน (Helmet Mounted Display System - HMDS)

จอแสดงผล Wide Area Display (WAD) เป็นหน้าจอสัมผัสพาโนรามาขนาด 19x8 นิ้ว ที่บราซิลร้องขอสำหรับรุ่น E/F และนักบินสามารถออกคำสั่งได้ด้วยเสียง โดยไม่ต้องยกมือ และระบบ HMDS Cobra ช่วยให้นักบินสามารถล็อกเป้าหมายได้เพียงแค่เหลือบมอง

เครื่องยนต์ Gripen E/F

ใช้เครื่องยนต์ General Electric F414-GE-39E (RM16) turbofan ซึ่งให้แรงขับมากกว่าเครื่องยนต์ RM12 ถึง 20% (98 kN พร้อมสันดาปท้าย)

ต่างจากรุ่น C/D ที่ใช้เครื่องยนต์ Volvo RM12 ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ที่ผลิตภายใต้ใบอนุญาตจาก General Electric F404

ระบบอาวุธ

สามารถติดตั้งอาวุธได้หลากหลาย รวมถึงปืนใหญ่อากาศ Mauser BK-27 ขนาด 27 มม. (เฉพาะรุ่นที่นั่งเดียว) และขีปนาวุธหลากหลายชนิด เช่น ขีปนาวุธนำวิถีอากาศสู่อากาศ (AIM-9 Sidewinder, IRIS-T, AIM-120 AMRAAM, MBDA Meteor), ขีปนาวุธนำวิถีอากาศสู่พื้น (AGM-65 Maverick, Taurus KEPD 350) และระเบิดนำวิถีต่างๆ รุ่น E/F มีจุดแข็ง (hardpoints) ถึง 10 จุด สำหรับติดตั้งอาวุธและอุปกรณ์ภายนอก

ความสามารถในการปฏิบัติการภาคสนาม

ถูกออกแบบมาเพื่อ ปฏิบัติการจากรันเวย์สั้นๆ เพียง 500 เมตร หรือแม้แต่ถนนหลวงที่ดัดแปลงเป็นรันเวย์ชั่วคราวได้

มีคุณสมบัติในการ เติมเชื้อเพลิงและติดอาวุธซ้ำได้อย่างรวดเร็ว โดยทีมงานขนาดเล็ก (ช่างเทคนิค 1 คน และพลทหาร 5 นาย) สามารถเตรียมเครื่องบินให้พร้อมสำหรับภารกิจอากาศสู่อากาศได้ในเวลาเพียง 10 นาที และมีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาและการปฏิบัติการที่ต่ำ

"ในเดือนพฤษภาคม 2568 Gripen E เป็นเครื่องบินขับไล่ลำแรกที่ถูกนำร่องโดยปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการทดสอบการรบแบบ Beyond Visual Range (BVR) ซึ่งเป็นก้าวสำคัญของเทคโนโลยีการบิน"

ราคาและความคุ้มค่า

หนึ่งในจุดเด่นที่สำคัญของ Gripen คือ ความคุ้มค่า เมื่อเทียบกับประสิทธิภาพที่ได้รับ เพราะราคาต่อหน่วยของ Gripen E/F อยู่ที่ประมาณ 85 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือว่า ถูกกว่าเครื่องบินขับไล่ของสหรัฐอเมริกาหรือยุโรปอย่างเห็นได้ชัด ในขณะที่ให้ประสิทธิภาพถึง 90% หรือมากกว่าในหลายสถานการณ์

รวมถึงค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติการ (Operating Cost) โดยผลการศึกษาโดย Jane's Information Group ในปี 2012 ระบุว่า Gripen มี ค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติการต่อชั่วโมงบิน (Cost Per Flight Hour - CPFH) ต่ำที่สุด เมื่อเทียบกับเครื่องบินรบสมัยใหม่หลายรุ่น โดยอยู่ที่ประมาณ 4,700 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อชั่วโมงบิน

ในขณะที่ F-16 Block 40/50 มีค่าใช้จ่ายสูงกว่า 49% ที่ 7,000 ดอลลาร์สหรัฐ Saab ระบุว่า Gripen มีค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติการต่ำกว่าคู่แข่งที่ดีที่สุดถึง 50%

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ฐานเศรษฐกิจ

บราซิลมั่นใจ รับมือภาษีทรัมป์ 50% ได้สบาย หลังจีนหนุน-ได้สิทธิยกเว้นเพียบ

30 นาทีที่แล้ว

อาเซียนฟัดเดือดชิงตลาดสหรัฐ 3.27 ล้านล้านดอลล์ ไทยภาษี19% ยังเสียเปรียบต้นทุนเวียดนาม

33 นาทีที่แล้ว

LG เร่งเครื่องธุรกิจ Subscription เครื่องใช้ไฟฟ้า สวนกระแสกำลังซื้อหดตัว

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ปตท.ลุยซื้อ LNG 2 ล้านตัน รับภาษีทรัมป์ เอ็กโกเล็งลงทุนเพิ่ม

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความสังคมอื่นๆ

รัฐบาล เปิดทำเนียบถกบิ๊กธุรกิจโลก 30 บริษัท ดึงลงทุนในไทย วันนี้

ฐานเศรษฐกิจ

ประธานบอร์ดกรุงไทย ชี้ที่ดินเขากระโดง มาจากยึดทรัพย์ผู้กู้

ฐานเศรษฐกิจ

อาเซียนฟัดเดือดชิงตลาดสหรัฐ 3.27 ล้านล้านดอลล์ ไทยภาษี19% ยังเสียเปรียบต้นทุนเวียดนาม

ฐานเศรษฐกิจ

24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 5 สิงหาคม 2568

สวพ.FM91

ปตท.ลุยซื้อ LNG 2 ล้านตัน รับภาษีทรัมป์ เอ็กโกเล็งลงทุนเพิ่ม

ฐานเศรษฐกิจ

ถอนโฉนด 5 พันไร่ เขากระโดงสะเทือน ขุมทรัพย์ทุนใหญ่-ชาวบ้านบุรีรัมย์ ผู้บุกรุกนับพันราย ลุกฮือฟ้องระนาว

ฐานเศรษฐกิจ

สาวผวา! งูเหลือมยาว 5 เมตร บุกบ้านหวังกินแมวพันธุ์สก็อตติสที่เลี้ยงไว้ 10 ตัว

สวพ.FM91

ราคาน้ำมันวันนี้2568 (6 ส.ค. 68) บางจาก ปตท. ลด 40 สต. อัปเดตล่าสุด

ฐานเศรษฐกิจ

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...